Datareportal ออกรายงานข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกของปี 2025 ซึ่งมีรายงานแยกรายประเทศรวมทั้งประเทศไทยในชื่อ Digital 2025: Thailand เหมือนเช่นทุกปี รายงานนี้รวบรวมข้อมูลโดย Meltwater และ We Are Social เพื่อให้เข้าใจข้อมูลและแนวโน้มต่าง ๆ ด้านดิจิทัลในประเทศไทยทั้งอุปกรณ์ แพลตฟอร์ม และบริการที่เกี่ยวข้อง
ไฮไลท์ส่วนสรุปที่สำคัญของรายงานมีดังนี้
รายงาน State of Create จาก Patreon พบครีเอเตอร์พยายามดิ้นรนเพื่อเข้าถึงผู้ติดตาม โดย 53% ยอมรับว่าทำได้ยากกว่าห้าปีที่แล้ว เนื่องจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เน้นดันคอนเทนต์ตามอัลกอริธึม และคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอมากขึ้น
โดยเฉพาะตั้งแต่ที่ TikTok ได้รับความนิยม แพลตฟอร์มอื่นก็หันมาดันวิดีโอสั้น มีการเปิดตัวคอนเทนต์วิดีโอสั้น เช่น Reels จาก Instagram และ Shorts จาก YouTube
อย่างไรก็ตาม แม้วิดีโอสั้นจะขึ้นฟีดมากกว่า แต่ 52% ของผู้ใช้บอกว่าชอบวิดีโอยาวมากกว่า เพราะสนุกและดึงดูดความสนใจมากกว่า ที่สำคัญคือ ยอมจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์มากขึ้น
LinkedIn ที่ช่วงหลังหันมาผลักดันวิดีโอสั้นแนวตั้งตามสมัยนิยม เปิดเผยว่ายุทธศาสตร์นี้ประสบความสำเร็จ โดยมีจำนวนการชมวิดีโอสั้นแนวตั้งเพิ่มขึ้น 36% ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 และจำนวนการโพสต์วิดีโอสั้นเติบโตเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับโพสต์ประเภทอื่น
เว็บไซต์ด้านโฆษณา Digiday สัมภาษณ์ครีเอเตอร์สายวิดีโอชื่อ Corporate Natalie ที่ทำคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย เธอเล่าว่าผู้ใช้ LinkedIn มีพฤติกรรมรับชมวิดีโอนานกว่าบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งต่างจากวิดีโอของเธอที่ลง TikTok หรือ Instagram ผู้ใช้มักเลิกชมเมื่อผ่านไปแค่ 5-6 วินาทีเท่านั้น
ชาวเน็ตหงุดหงิด อยู่ๆ แอคเคาท์ Instagram และ Facebook ของตัวเอง ก็ไปตามแอคเคาท์ของ Trump และ JD Vance เฉย จะลบก็ทำไม่ได้อีก!
ทำไมมันเป็นอย่างนั้น?
หลังจากที่ Donald Trump ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 และทำพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน JD Vance มือขวาของเขาก็ได้เป็นรองประธานาธิบดีด้วย
แต่อยู่ๆ ชาวเน็ตก็ต้องเซอร์ไพรส์เมื่อพบว่าแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตัวเอง อยู่ๆ ก็ไปกดติดตาม Trump และ Vance แบบไม่ได้ตั้งใจ แถมพยายามจะกดเลิกติดตามหลายต่อหลายครั้งก็ทำไม่ได้อีก
ไม่ได้มาแค่ Bluesky เพราะ X ก็ประกาศเพิ่มฟีดที่รวมเฉพาะโพสต์ที่มีวิดีโอแนวตั้งด้วยเช่นกัน มีผลเฉพาะผู้ใช้ในอเมริกาก่อน ซึ่งสามารถเดาได้ว่าเพื่อช่วงชิงพื้นที่ระหว่างที่ TikTok ปิดให้บริการ แม้จะเริ่มทยอยกลับมาให้บริการได้แล้วก็ตาม
โดยผู้ใช้งานในอเมริกาจะพบหัวข้อใหม่ที่แถบด้านล่าง ซึ่งรวมเฉพาะโพสต์ที่มีวิดีโอแนวตั้งให้สามารถปัดดูต่อเนื่องกันไปยาว ๆ ได้ ก่อนหน้านี้
ไม่ได้มีแค่ Instagram ที่ออกฟีเจอร์ใหม่เป็นชุด เพื่อหวังดึงผู้ใช้งาน TikTok ในอเมริกา แต่ Bluesky ก็มีอัปเดตในฟีเจอร์ที่หวังดึงผู้ใช้งาน TikTok ด้วยเช่นกัน
Bluesky บอกว่าได้เพิ่มตัวเลือกฟีดคัสตอม ที่รวมเฉพาะโพสต์ที่มีวิดีโอแบบแนวตั้ง ในการใช้งานสามารถปัดดูวิดีโอไปเรื่อย ๆ ได้เลย
ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เปิดให้กับผู้ใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น แต่คนที่ต้องการฟีดนี้สามารถเลือกปักไว้ที่หน้าโฮมได้เพื่อให้สะดวกกับการเข้ามาดู ตามแนวทางที่ Bluesky ต้องการให้ผู้ใช้งานปรับแต่งการใช้งานได้มากที่สุด
TikTok ประกาศว่าได้ทำข้อตกลงร่วมกับผู้ให้บริการ TikTok จะเริ่มทยอยกลับมาใช้งานได้ในสหรัฐอเมริกาตามปกติ บริษัทขอบคุณประธานาธิบดี Trump ที่ให้ความชัดเจนและให้ความมั่นใจกับผู้ให้บริการ ว่าพวกเขาจะไม่มีความผิดที่ให้เข้าถึง TikTok กับคนอเมริกากว่า 170 ล้านคน และทำให้ธุรกิจกว่า 7 ล้านแห่ง กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
ประเด็นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ TikTok ตัดสินใจแสดงข้อความปิดบริการแอปทันทีก่อนเข้าสู่เที่ยงคืนวันที่ 19 มกราคม ตามกฎหมายแบนแอป แต่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ทำเนียบขาวภายใต้ประธานาธิบดี Joe Biden และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ออกมาบอกว่าการบังคับใช้กฎหมายนี้ให้เป็นการตัดสินใจภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม TikTok จึงบอกว่าบริษัทพร้อมหารือกับผู้ให้บริการส่วนต่าง ๆ เพื่อให้บริการต่อไปได้ แต่ต้องได้รับคำยืนยันที่ชัดเจนก่อน
TikTok ปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกาแล้ว ตามกฎหมายคำสั่งแบนแอปที่ลงนามโดยประธานาธิบดี Joe Biden หากไม่ขายกิจการออกมาจาก ByteDance โดยผู้ใช้งานในอเมริกาเริ่มได้รับข้อความแจ้งไม่สามารถใช้งานแอปได้ ตั้งแต่เวลา 10:30น. ตามเวลาในไทย หรือเข้าสู่วันที่ 19 มกราคม ตามเวลาในสหรัฐ
ข้อความที่แสดงในแอปบอกว่า
TikTok ไม่สามารถใช้งานได้ตอนนี้ เนื่องจากกฎหมายคำสั่งแบน TikTok แต่พวกเรายังโชคดีที่ประธานาธิบดี Trump แสดงออกว่าจะหาทางแก้ไขปัญหานี้เมื่อเริ่มเข้ารับตำแหน่ง โปรดติดตามกันต่อไป!
Pixelfed โซเชียลมีเดียแบบกระจายศูนย์บนเครือข่าย ActivityPub ออกแอปสำหรับใช้งานผ่าน iOS และ Android แล้ว หลังจากแพลตฟอร์มเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 แต่มีเฉพาะการใช้งานผ่านเว็บหรือแอป 3rd Party เท่านั้น
ประเด็นนี้อาจเป็นกระแสจากฝั่งผู้ใช้งานสหรัฐ หลังจาก Meta ประกาศปรับแนวทางดูแลเนื้อหาโดยเฉพาะคอนเทนต์การเมือง ซึ่งมีผลกับ Instagram ด้วย ทำให้เกิดกระแสมองหาทางเลือกอื่นทดแทน Pixelfed ซึ่งเป็นแอปรูปภาพ 9 ช่อง แนว Instagram จึงถูกชูขึ้นมาเป็นทางเลือก ซึ่งแอปมือถือก็เพิ่งออกมาเมื่อต้นปีนี้เอง
Reuters รายงานว่ารัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมเสนอออกกฎหมายห้ามเยาวชนจำกัดการใช้งานโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ตามรอยออสเตรเลียที่อนุมัติกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้โซเชียลมีเดียทุกกรณีไปก่อนหน้านี้
Alexander Sabar เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการสื่อสารและดิจิทัล บอกว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองเด็กในทุกด้าน โดยกำลังอยู่ในช่วงการหารือมาตรการ เช่น การกำหนดเกณฑ์อายุของเยาวชน ซึ่งจะไม่ได้จํากัดการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของเด็กทั้งหมด
สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย บอกว่าเกือบ 50% ของเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งบางคนในกลุ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, และ TikTok
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในอเมริกา ซึ่ง TikTok ยังคงคำสั่งจะถูกแบนในวันที่ 19 มกราคมนี้ โดยแอปยอดนิยมคือ Xiaohongshu แอปโซเชียลจากจีน ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ใน App Store ของอเมริกาตอนนี้ ส่วนอันดับ 2 คือ Lemon8 ที่มี ByteDance เจ้าของ TikTok เป็นเจ้าของเช่นกัน ตามรายงานก่อนหน้านี้
Xiaohongshu (小红书) หรือชื่อภาษาอังกฤษ REDnote (App Store, Google Play) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลวิดีโอแนวตั้งขนาดสั้น เปิดตัวปี 2013 เพื่อแข่งขันกับ TikTok ในจีนในแนวทางที่ต่างออกไป เพราะการเรียงโพสต์ให้กดดูคล้าย Pinterest ผสม Instagram จำนวนผู้ใช้งานรวมมีมากกว่า 300 ล้านบัญชี และ 79% เป็นผู้หญิง บริษัทผู้พัฒนาได้รับเงินจากนักลงทุนในจีนรวมแล้ว 917 ล้านดอลลาร์ มูลค่ากิจการประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังไม่ไอพีโอเข้าตลาดหุ้น
Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram และ Threads ประกาศว่าจะเริ่มกลับมาแสดงโพสต์ที่เกี่ยวกับการเมืองบนแพลตฟอร์มเหมือนเดิม หลังจากต้นปีที่แล้วทั้ง Instagram และ Threads ไม่แนะนำและไม่แสดงโพสต์การเมือง จากบัญชีที่ไม่ได้ติดตาม
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลต่อเนื่องจากที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ประกาศปรับการแสดงเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ให้รองรับเสรีภาพการแสดงออกความเห็นมากขึ้น ทำให้โพสต์ที่เกี่ยวกับการเมืองไม่ถูกจำกัดการมองเห็นเหมือนในอดีต
มาเลเซียออกใบอนุญาต WeChat และ TikTok ให้บริการโซเชียลมีเดียในประเทศ ซึ่งเป็นสองบริษัทแรกที่ได้ใบอนุญาต หลังกฎหมายเริ่มมีผลปีนี้ ระบุว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และรับส่งข้อความ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียมากกว่า 8 ล้านคน ต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
หน่วยงานดูแลการสื่อสารและสื่อของมาเลเซียยังเปิดเผยว่า Telegram และ Meta Platforms ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ก็เริ่มดำเนินการขอใบอนุญาตแล้ว ส่วน X และ YouTube ยังไม่ได้มาขอใบอนุญาต โดย X ให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มมีคนใช้งานในมาเลเซียไม่ถึง 8 ล้านคน ขณะที่ YouTube มองว่าแพลตฟอร์มวิดีโอของตนไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายนี้ แม้หน่วยงานกำกับดูแลจะยืนยันว่าเข้าเกณฑ์ก็ตาม
Eric Schmidt อดีตซีอีโอกูเกิล ไปออกรายการ Amanpour and Company ทางสถานี PBS ของสหรัฐ เนื่องในโอกาสเขาออกหนังสือใหม่ "Genesis: Artificial Intelligence, Hope and the Human Spirit" ที่เขียนร่วมกับ Henry A. Kissinger อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และ Craig Mundie อดีตผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์
Instagram ปล่อยฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสตอรี่สรุปปี 2024 จากภาพที่ได้แชร์มาตลอดทั้งปี โดยสามารถปรับขนาด จัดเรียงภาพใหม่ และเพิ่มรูปภาพได้
นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่มฟีเจอร์ Add Yours ที่มาในธีมปีใหม่ และเอฟเฟกต์ข้อความปีใหม่และนับถอยหลัง ธีมแชทช่วงเทศกาล และเอฟเฟกต์พิเศษเมื่อพิมพ์ข้อความที่เกี่ยวกับการสวัสดีปีใหม่
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ออกแถลงการณ์หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียอนุมัติกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้งานโซเชียลมีเดียในทุกกรณี ซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายนี้ และอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นศึกษาดูแนวทางตาม
Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram บอกว่าบริษัทเคารพและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายของออสเตรเลีย แต่แสดงความกังวลว่ากฎหมายนี้ถูกเร่งรัดออกมา โดยยังไม่มีข้อมูลหลักฐานสนับสนุนชัดเจน ขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างพัฒนาระบบแสดงเนื้อหา ให้เหมาะสมกับอายุผู้ใช้งาน รวมทั้งมีระบบให้ผู้ปกครองติดตามอยู่แล้ว
รัฐสภาของออสเตรเลียลงมติรับรองกฎหมายจำกัดการใช้งานโซเชียลมีเดียของเยาวชนแล้ว ตามที่มีข้อเสนอออกมาก่อนหน้านี้ โดยมีผลให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่สามารถใช้งานโซเชียลมีเดียได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram, Snapchat หรือ Facebook
กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพื่อให้โซเชียลมีเดียปรับปรุงระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน กำหนดบทลงโทษสำหรับฝั่งผู้ให้บริการ เป็นเงินค่าปรับสูงสุด 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) หากไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งานได้ แต่ไม่มีบทลงโทษสำหรับเยาวชนกับผู้ปกครอง
Elon Musk เจ้าของ X ออกมายืนยันว่าโพสต์ที่มีข้อความ พร้อมกับแนบลิงก์ให้ไปอ่านต่อที่เว็บไซต์ จะถูกลดการมองเห็นบนแพลตฟอร์ม ซึ่งประเด็นนี้เริ่มต้นโดย Paul Graham นักธุรกิจผู้ร่วมก่อตั้ง Y Combinator โดยเขาพบว่าโพสต์แบบเดียวกันที่ไม่ใส่ลิงก์จะมีค่าการมองเห็นดีกว่า
Musk ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการโพสต์แปะลิงก์ไปอ่านต่อ ว่าให้เขียนเนื้อหาเบื้องต้นในโพสต์หลักก่อน จากนั้นให้รีพลายใต้โพสต์ที่เป็นการแนบลิงก์ต่อ เขาบอกว่าการทำแบบนี้เพื่อหยุดการแปะลิงก์แบบคนขี้เกียจ (Lazy Linking)
สตีเฟน คิง นักเขียนชื่อดัง ออกมาโพสต์ว่าจะยุติกิจกรรมต่าง ๆ บน X โดยบอกว่าตนพยายามที่จะอยู่บนแพลตฟอร์มนี้แล้วแต่นับวันบรรยากาศก็ยิ่ง Toxic ขึ้น และเชิญชวนให้ผู้ติดตามย้ายไปติดตามเขาที่ Threads แทน
ก่อนคิงจะออกมาโพสต์คราวนี้ก็มีบุคคลและหน่วยงานออกมายุติการใช้ X ไม่น้อย เช่น หนังสือพิมพ์ The Guardian, สโมสรฟุตบอลเยอรมัน St Pauli, Jamie Lee Curtis และนักข่าวโทรทัศน์ Don Lemon โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า X เป็นพื้นที่แห่งความเกลียดชังและข้อมูลบิดเบือน
Facebook ประกาศการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม โดยจะเปลี่ยนมาใช้จำนวนวิว (Views) เป็นตัววัดหลักของประสิทธิภาพคอนเทนต์ (Primary Metric) มีผลทั้งโพสต์เนื้อหา, สตอรี, Reels และวิดีโอ
Views เป็นการนับว่าวิดีโอหรือ Reels ถูกเล่นกี่ครั้ง, โพสต์หรือรูปภาพถูกปรากฏบนหน้าจอกี่ครั้ง วิธีวัดผลด้วย Views นี้เป็นแนวทางเดียวกับ Instagram
Facebook บอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ครีเอเตอร์ต้องรับทราบนั้น สำหรับวิดีโอหรือ Reels วิธีวัด Views ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ Facebook จะเลิกใช้ตัววัดผลการเล่นซ้ำ (Replay) ทั้งหมดจะนับรวมใน Views เลย
Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ออกมาแก้ต่างความเชื่อที่ว่า Instagram กดการเข้าถึง (Reach) ของโพสต์ที่ติดแท็กว่าเป็นเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน (sponsored content) เพื่อบังคับให้แบรนด์ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ Reach เพิ่มขึ้น
เขาอธิบายว่า ถึงจะติดแท็กดังกล่าว Instagram ก็ไม่ได้ลดการแสดงผลโพสต์ลง ครีเอเตอร์สามารถติดแท็กได้โดยไม่ต้องกลัวว่าการเข้าถึงจะต่ำลง การติดแท็กมีไว้เพื่อให้ Instagram รู้ว่าคอนเทนต์ไหนได้รับการสนับสนุน และเพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมายในหลายประเทศ
Social Media Today มองว่า สาเหตุที่ทำให้โพสต์ที่ได้รับการสนับสนุนมีคนเข้าถึงน้อยกว่า เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วผู้ใช้จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับเนื้อหาที่มีสปอนเซอร์น้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
รัฐสภาออสเตรเลียเตรียมพิจารณารับรองกฎหมายห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้งานโซเชียลมีเดียในทุกกรณี หลังจากรัฐบาลเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งหากกฎหมายผ่านการลงมติคาดว่าจะมีผลในอีก 1 ปีข้างหน้า เพื่อให้แพลตฟอร์มโซเชียลเพิ่มเครื่องมือสำหรับตรวจสอบยืนยันอายุผู้ใช้งาน
ประเด็นสำคัญของกฎหมายนี้คือการที่ออสเตรเลียใช้วิธีห้ามทั้งหมดและขยับช่วงอายุขึ้นมา ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียปัจจุบันส่วนใหญ่กำหนดเงื่อนไขไม่ให้ผู้ใช้งานต่ำกว่า 13 ปี ใช้งานอยู่แล้ว แต่หากยังเป็นเยาวชน ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ปกครองก่อนจึงสามารถสมัครใช้งานได้ นอกจากนี้หลายแพลตฟอร์มก็เพิ่มตัวเลือกออกแอปเวอร์ชันเยาวชน หรือเพิ่มระบบให้ผู้ปกครองควบคุมการใช้งาน (Parental Control)
มีรายงานว่า Gabor Cselle อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ก Pebble ได้ย้ายไปทำงานที่ OpenAI ในโครงการลับที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด ซึ่งเขาโพสต์ใน LinkedIn ว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของงานในภายหลัง แต่ตอนนี้ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก
Pebble โซเชียลเน็ตเวิร์กที่เขาร่วมก่อตั้ง เป็นแพลตฟอร์มไมโครบล็อกกิ้งเน้นตัวหนังสือคล้ายกับ X ที่ปัจจุบันเชื่อมต่อบนเครือข่ายของ Mastodon
Instagram ประกาศปรับปรุงฟีเจอร์ในแอป เพื่อหวังลดปัญหาการถูกข่มขู่กรรโชกทางเพศออนไลน์ในเยาวชน หรือ Sextortion ซึ่ง Instagram ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บอกว่าจำนวนอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
Sextortion คือเหตุการณ์ที่ผู้ไม่หวังดี ข่มขู่หรือแบล็กเมลจะนำภาพทางเพศ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการคุย DM เรียกร้องเงินหรือบังคับให้ส่งภาพเพิ่มเติม เป็นต้น
Instagram บอกว่าฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมนี้ เป็นการพัฒนาต่อจากระบบ Teen Accounts สำหรับผู้ใช้งานอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ควบคุมบัญชีที่สามารถติดตามหรือ DM คุยได้ โดยสิ่งที่เพิ่มเติมมาได้แก่
Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram โพสต์คลิปอธิบายประเด็นหนึ่ง ที่เขาบอกว่าได้ยินคนพูดต่อกันแบบเข้าใจผิด ซึ่งสรุปได้ว่า
Mosseri จึงแนะนำว่าให้ลบลายน้ำเหล่านั้นออกไปก่อน วิดีโอก็จะไม่ถูกลด Reach นั่นเอง
ที่มา: Adam Mosseri