หลังแอปเปิลประกาศเพิ่มซอฟต์แวร์สแกนภาพโป๊เด็กบนโทรศัพท์ของผู้ใช้โดยตรง กลุ่มนักวิจัยความปลอดภัยและผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้จำนวนมากก็ร่วมกับลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงแอปเปิล
ผู้แสดงความเห็นในตัวจดหมาย เช่น Matthew D. Green ผู้นำข่าวนี้มาเปิดเผยครั้งแรก ระบุว่าแนวทางของแอปเปิลทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้อีกต่อไป และหลังจากนี้จะมีแรงกดดันจากรัฐบาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, จีน, หรืออินเดีย [เพื่อใช้งานตามแนวทางของตัวเอง]
Nadim Kobeissi นักวิจัยด้านความปลอดภัยอีกคนหนึ่ง ระบุว่าแอปเปิลมีแนวทางโอนอ่อนต่อรัฐบาลต่างๆ เรื่อยมา เช่น ในซาอุดิอาระเบียเองนั้นไอโฟนก็ไม่มี FaceTime เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้มีบริการโทรศัพท์เข้ารหัส Kobeissi ถามถึงแอปเปิลว่าจะเป็นอย่างไรหากรัฐบาลออกกฎให้ต้องสแกนภาพโป๊ที่ไม่ใช่เพียงแค่ภาพโป๊เด็ก แต่รวมถึงภาพแสดงการรักเพศเดียวกัน (ซึ่งผิดกฎหมายซาอุ) หรือแม้แต่ภาพหมิ่นกษัตริย์ซาอุ
จดหมายเปิดผนึกนี้เรียกร้องให้แอปเปิลยกเลิกโครงการนี้ทันที และให้แอปเปิลออกแถลงการณ์ยืนยันว่ายังคงสนับสนุนความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และการเข้ารหัสแบบปลายทางถึงปลายทางต่อไป
ที่มา - Apple Privacy Letter
Comments
ผมอยากรู้ว่า หลังจากนี้ ถ้า Apple ยังดื้อดึงต่อจนเกิดผล
Google จะทำตามมั้ย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เรื่องนี้ถ้า Apple ทำจริงนี่เสีนชื่อระบบที่มีความส่วนตัวสูงทันที
Samsung จะลงโพสออกโฆษณาล้อเลียน
สักปีต่อมา Google ทำให้ Android มีเหมือนกัน
Samsung กลับไปลบโพส
เห็นภาพเลยครับ 55+
อย่างฮาาาาา ??
Apple ทำเจ้าอื่นทำตามแน่ครับ เหมือนหลายๆอย่างเช่นเรื่อง notch เรื่องตัดหูฟัง
ยิ่งถ้ามีกฏหมายว่าต้องทำแล้วเจ้าอื่นไม่ทำตามยิ่งเสียเปรียบ
หัวข้อข่าว ร้วม -> ร่วม
..: เรื่อยไป
เอเปิลทำดีแล้ว ค่ายอืนทำไม่ดีหรอก
เอาให้เห็นภาพ ต่อไป ถ้าพี่ไทยเอาบ้างแล้ว มีพิซซ่า มาส่งที่บ้าน ยังจะโอเคอยู่ไหม
กรณีของซาอุคือภาพสะท้อนต่อการหมิ่นสถาบันกษัตริย์ค่อนข้างชัดเจน แม้ในประเด็นรักร่วมเพศ บ้านเราจะค่อนข้างยอมรับมากกว่าก็ตาม
ถ้าทำได้แบบหนึง แบบอื่นๆ ก็คงทำได้หมด อนาคตเก็บไรแปลกๆ ในเครื่องกลายเป็นตำรวจเดินมาจับในคล้ายแบบในหนัง Minority Report เลยก็ได้
ข้อกังวลในจดหมายคือสิ่งที่หลายๆคนพยายามบอกแหละครับ เราไม่ได้บอกว่า child porn เป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำเรื่องนี้แล้ว มีระบบแล้ว การจะเพิ่มสิ่งอื่นเป็นเรื่องง่าย ประเทศต่างๆก็คงบอกว่านี่ไงเรื่องนี้ประเทศฉันผิดกฏหมายนะ ต้องสแกนให้สิ
เราจะ
1.สนับสนุน
2.ต่อต้าน
3.sheep
4.ไม่สนใจ
ผมต่อต้านนะ คิดว่า เป็นการแก้ปัญหาที่จะสร้างปัญหาใหญ่กว่าในอนาคต
เข้ารหัสก็จริง แต่ส่งภาพออกไปให้คนอื่นดู
มันไม่ใช่ Privacy ปะ
น่าจะสแกนเทียบกับเด็กหาย และนักโทษหนีคดี ด้วยนะครับ
นอกจากละเมิดความเป็นส่วนตัวมากๆแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะแอบทำอะไรอีก อัลกอริทึมจะ bias มากขนาดไหน คนที่มาตรวจเป็นใครเชื่อถือได้มากขนาดไหนก็ไม่รู้ ถ้าเกิดอัลกอริทึมผิดพลาดหรือพนักงานผิดพลาดจะเป็นยังไง แปลกใจที่บริษัทที่อ้าง privacy ทำอะไรแบบนี้ กลายเป็นใช้มือถือด้วยความระแวงวันไหนจะมีตำรวจเดินมาจับก็ไม่รู้
เรื่องแบบนี้มันต้องให้หน่วยงานรัฐบาล ผู้บังคับใช้กฏหมาย เป็นคนสั่งให้ทำทุกค่ายมือถืออย่างเท่าเทียมกัน (ไม่ใช่ถือวิสาสะทำอะไรได้เองเกินหน้าที่)
+1 เหมือนต้องการจะแสดงบทบาทการเป็นตำรวจโลกเกินไป มันดูกลับขั้วกับตอน FBI มากๆ
ใช่ๆ เหมือนกับบอกรัฐบสลทั้งโลกว่าแอปเปิลสามารถทำได้ อยากได้ข้อมูลก็มาขอแอปเปิลเอานะ
งั้นก็ทำไอโฟนแจกฟรีไปเลย เพราะเหมือนไอโฟนเครื่องนั้นไม่ใช่ของเราโดยแท้จริง มีใครก็ไม่รู้ค่อยแอบมองพฤติกรรมเราอยู่ภายในนั้น
แอปเปิลว่าแต่หัวเว่ย แต่ตัวเองก็กลับริเริ่มทำซะเอง ความน่าเชื่อถือจากข่าวนี้เหลือ 50-50 ละ ต้องมองดูอีกสักระยะ
ถ้ายังดึงดันทำอีกก็ขอบาย ไปซบค่ายจีนก็อาจจะดีกว่าในเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ได้
นอกเรื่องหน่อย
หลัง ๆ มา SJW นี่มีอิทธิพลต่อโลกมากเลยทีเดียว (บ้านเราก็อยู่ในรูปของเฟมทวิต) บางเรื่องก็ถือว่าดี แต่หลาย ๆ เรื่องนี่น่าจะต้องคุยกับคนอื่นให้รู้เรื่องก่อนจะสบถวาทะสร้างความเกลียดชังออกมาเพียงเพราะตนเองไม่พอใจแล้วหาหลักฐานมาสนับสนุนไม่ได้หรือไม่เพียงพอ อย่างล่าสุดข่าวนี้นี่ขอเดาไว้ก่อนว่าเบื้องหลังของ proposal นี้น่าจะมาจาก SJW ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีไหม ก็ใช่นะ แต่แนวทางปฏิบัติมันสุดโต่งไปหน่อย
ปล. ยิ่งบางข่าวนี่ โดยเฉพาะเรื่องของ LGBTQ+ นี่ ขนาดเราเป็น LGBT เองนี่ยังงงเลยว่าเรื่องมันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ อย่าพวก ห อ ม หรือ เ ก เ ร อะไรทำนองนี้ บางคนไปตีความเป็นการเหยียดเพศเสียอย่างนั้นเลย 555
มันเป็นเรื่องพลังทางสังคมสมัยก่อนเอาศาสนามาอ้าง
ใครอยากมีพลังทางสังคมต้องแสดงตัวว่าตัวเองคลั่งศาสนามากกว่าคนอื่น
ตอนนี่ก็แต่เปลี่ยนมาใช้เรื่องของความเท่าเทียมแทน
ใครอยากมีพลังทางสังคมก็ต้องแสดงออกว่าคลั่งเรื่องความเท่าเทียมให้สุดโต่งเข้าไว้
เป็นตัวอย่างที่เห็นภาพเลย ขอบคุณสำหรับมุมมองครับ
ส่วนตัวมองว่า Apple จะขายมือถือ Software ก็ทำไป
เรื่องพวกนี้ปล่อยให้หน่วยงานรัฐเป็นคนจัดการไปดีกว่า
ทำตัวเหมือนเป็นองค์กรอะไรสักอย่างไปแล้ว
แต่ก็ยอมรับว่าสิ่งที่ Apple มันก็ก่ำกึ่งกับคำว่า ควรทำ หรือไม่ มันอาจจะต้องถกกันอีกยาวๆ
.
แย่ล่ะ สาวกผู้รักความเป็นส่วนตัวยิ่งชีพบางท่านแถวนี้ จะไปใช้เครื่องยี่ห้อไหนล่ะ
Samsung มั้ยครับ ผมกำลังจะหาเรื่องแอบย้ายพอดี
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
กำลังหาอยู่เหมือนกันครับ ใครมีอะไรแนะนำบอกทีครับ
ถาเป็นแบรนด์จีนทำละ แหม โดนเละ
นี่ Apple ยังโดนค้านกันเลยนะครับ ไม่ต้องพูดถึงจีนเลย คงไม่รอดเช่นกัน แต่จีนทำใครจะขวางได้
ผมว่ามันต้องเป็น Concern นะ
อ่ะโอเคถ้าจะบอกว่า Child Porn เป็น important issue แต่มันก็เหมือนยอมรับว่ามี NN / Pre-trained Model ที่ทำงาน "ตลอดเวลาในระดับหนึ่ง" เพื่อวิเคราะห์ แล้วโมเดลเดี๋ยวนี้ไม่ได้ใหญ่ "และตอนส่งไปเราก็ไม่ได้รู้" เกิดใช้โมเดล Child porn ให้ flag ที่ส่งกลับไปมีแค่ 10 byte .. แล้ววิเคราะห์แถมด้วยโมเดลเดียวกัน 10 ไบต์ก็ระบุของได้มากมายนับไม่ถ้วนแล้ว
เท่ากับว่าถ้ายอมให้โมเดลนึงรันได้ โมเดลเดียวกันนั้นอาจจะแฝง Unknown/Not-child-porn ที่มีความหมายอื่นแทรกไปก็ได้อีกเพียบเลย
nn model ที่ใช้ส่งกลับเข้า Server (ในบริบทของการ auth หรืออะไรสักอย่างแฝงไป) เนี่ยใช้ 4 ไบต์ (1ไบต์สำหรับระบุความมั่นใจ/1ไบต์ระบุหมวด/2ไบต์ระบุชนิด) ก็บอกได้เยอะแยะมากมายแล้ว
ผมคิดว่านี้จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญของ Apple เริ่มจาก child porn ต่อไปก็สแกน piracy content ตามด้วย ขายการปกป้อง media ต่างๆ ค่ายไหนไม่จ่ายก็ปล่อยให้มีในเครื่องได้ ค่ายไหนจ่ายก็จะสแกนลบให้หรือแจ้งเจ้าของให้ดำเนินการระบุตำแหน่งให้ได้ด้วย
ถ้ากำไรเยอะคนไม่ต่อต้านอากู๋ก็คงเอาด้วย