Xiaomi ประกาศราคาขายในไทยของ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสินค้ากลุ่ม AIoT กับแกดเจ็ตที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายละเอียดดังนี้
- Xiaomi 11T Pro 5G แรม 8GB ความจุ 128GB ราคา 16,990 บาท, 8+256 ราคา 18,990 บาท และ 12+256 20,990 บาท
- Xiaomi 11T 5G แรม 8GB ความจุ 128GB 13,990 บาท, 8+256 ราคา 14,990 บาท
สมาร์ทโฟนจะเริ่มขาย 9 ตุลาคม เป็นต้นไป ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้ของแถม (มีจำนวนจำกัด) คือ Mi Watch
- Xiaomi 11 Lite 5G NE แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 10,990 บาท, 8+128 ราคา 11,990 บาท และ 8+256 ราคา 13,990 บาท
เริ่มวางจำหน่าย 2 ตุลาคม เป็นต้นไป สั่งจองล่วงหน้าจะได้ Special Gift Box มูลค่า 2,990 บาท
- Xiaomi Pad 5 แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 10,990 บาท และ 6+256 ราคา 12,990 บาท
- ปากกา ราคา 2,499 บาท
เริ่มขาย 2 ตุลาคม เป็นต้นไป สั่งจองล่วงหน้าจะได้เคสและฟิล์มหน้าจอ ส่วนสินค้า AIoT และแกดเจ็ต ที่น่าสนใจมีดังนี้
- หูฟัง Xiaomi FlipBuds Pro 5,699 บาท เริ่มขาย 23 กันยายน
- Mi Smart Projector 2 16,990 บาท เริ่มขาย 2 ตุลาคม
ที่มา: Xiaomi Thailand
Comments
อา Mi Pad หรือ iPad ดีหว่า ชักลังเล ใครช่วยป้ายยาหน่อยได้มั้ยครับ ว่าตัวไหนดี เล็ง ๆ ไว้ iPad 9 หรือ Mini 6 กับ ตัวนี้ หลัก ๆ ที่จะใช้งานคือ ดู Netflix Youtube และเอามาเข้าเวบจอใหญ่ ๆ หน่อย ตอนขี้เกียจเปิดคอม เกมไม่เล่น แอพที่ใช้ประจำมี Facebook, Youtube, Netflix, Shopee, Line.
Killing ฟีเจอร์สำหรับผมทาง iPad คือ Center stage กะเอาไว้ให้ภรรยาไว้ดูลูกตอนนางไปทำงาน
ส่วน Xiaomi คือเรื่องจอที่น่าจะดีกว่า iPad 9 กับลำโพงที่อาจจะดีกว่า
ผมว่าเรื่องความลื่นปีหลังๆไอแพดน่าจะดีกว่านะครับ
ผมมองว่าแทปเลทมันสมบุกสมบันน้อยกว่า ถ้าความบันเทิงนี่
ไม่ทำไรเยอผมว่าไอแพดตอบโจทย์กว่า
ข้อดีของ ipad คือ ไม่มีปัญหาการใช้งานระหว่างนิ้วแตะจอ ข้อเสียก็ shopee ไม่มี app ipad
ข้อดีอีกข้อ ipad ใช้ได้ยาวนานมากกว่าจะรู้สึกว่ามันอืดไม่น่าใช้
และ ราคาเปลี่ยนแบต ไม่แพงมาก (3,300) แต่ได้เครื่องใหม่
App ประจำที่คุณว่ามาอ่ะ iPad เหนือกว่าทุกแอพยกเว้น YouTube ที่ไม่ได้ต่างกัน แต่ก็ต่างกันนิดนึงฟ้อนต์มาตรฐานภาษาไทยแอนดรอยด์ใน Comment พวก ใ ไ โ และก็วรรณยุกต์มันโดนตัดปลาย ๆ อ่ะ คืออ่านได้นะแต่เห็นแล้วหงุดหงิด ถ้าอ่าน comment en หรือไม่ได้อ่านคอมเม้นท์เลยก็ไม่มีผลในส่วนนี้ หรือลงฟ้อนต์อื่นซะ
ปล. ผมไม่ได้มีไอแพดนะ มีแต่ไอโฟน 12 มินิ กับ แกแล็กซี่โน้ต 20 อัลตร้า แต่คิดว่าไม่ต่างกัน
น้องหมีจอ 120Hz ในราคาแค่นี้เองนะคร้าบบบ
Line นี่ถ้าใช้ มือถือ iOS + Mi Pad ไม่แน่ใจว่า Login พร้อมกันได้ไหม แต่ถ้า มือถือ Android + Mi Pad นี่ Login ได้เครื่องเดียวแน่ๆ
ใช้ LINE lite แทน ที่ Xiaomi Pad แต่มันก็ไม่ดีเท่าไหร่
ลองดูคลิปนี้นะครับ
ส่วนตัวถ้าเอาตามที่บอกแบบคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ xiaomi น่าจะคุ้มกว่าครับ อีกอย่างอัตราส่วนจอ xiaomi เป็น 16:10 น่าจะเหมาะกับ entertainment มากกว่าด้วย
แอป Facebook, Twitter, Shopee บน Android Tablet ไม่รองรับ Tablet Mode นะ UI ยืด ๆ ย้วย ๆ น่าเกลียดเลยล่ะ ต้องเปิดผ่าน Browser ถึงจะพอใช้งานได้ น้อยแอปมากที่รองรับ Android Tablet แต่อย่างน้อยก็มี Spotify ที่ออกแบบ UI สำหรับ Android Tablet ได้ดี
ผมว่าต้องดูลักษณะการใช้งานหรือจับถือมากกว่านะครับ ผมเองมี S6 Lite อยู่ ขนาดหน้าจอประมาณ 10 นิ้ว ตอนนี้ก็สิงสถิตวางนิ่งอยู่บนโต๊ะเอาไว้สำหรับเขียนงานเฉยๆ ส่วนหน้าที่สำหรับใช้ดู Youtube ,Netflix , Shopee กลับเป็นของมือถือเก่าๆ หน้าจอประมาณ 7 นิ้วแทน เหตุผลก็เพราะน้ำหนักนั่นแหล่ะ เวลาดู App พวกนี้ส่วนใหญ่จะนอนดู ถ้าใช้ S6 Lite มาดู มันก็ดูจอใหญ่ดี แต่นานๆ ไปเกิน 10 นาทีก็ไม่ไหวแล้วเมื่อย ต้องวางอยู่ดี ซึ่งถ้าวางผมก็มีตัวเลือกในห้องเพียบอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้ทำหน้าที่นั่น
ส่วนตัวผมว่า Mini 6 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีทั้งขนาด น้ำหนัก และ performance ซึ่งเอาไว้ทำงานพวกนี้ได้เหลือๆ ผมเองก็จะถอย Mini 6 เหมือนกัน ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับคุณนี่แหล่ะ ด้วย Tablet ขนาด 10 นิ้วขึ้นไป ผมมีอยู่แล้ว จากที่เคยใช้มามันไม่ค่อยเหมาะกับ lifestyle พวกนี้ เหมาะกับวางบนโต๊ะเพื่อประชุม เขียนงาน มากกว่า
แต่ถ้ากลัวเมียยึดเอาไปใช้แนะนำให้ซื้อ Pad 5 รับรองไม่มีใครแย่งใช้แน่นอน แต่ถ้า Mini 6 ผมว่าไม่รอด เมียยึดแน่นอนเชื่อผม 555
เคยใช้ Android Tablet ไหมถ้าไม่ยืมคนมาเล่นดูก่อนให้ชิน แล้วลองไปเล่น iPad ให้ชิน แล้วน่าจะตัดสินใจได้
แต่ละคนชอบและชินไม่เหมือนกัน
หลังจากใช้ Android tablet มา 7 ตัว ทั้งถูกแพง คนนิยม ลองมาเยอะ
ผมจบที่ iPad แล้วตอนนี้ไม่เสียใจเลยครับ
ผมขอขอบคุณทุกท่านในความเห็นนี้นะครับ แต่ขอ Reply ในความเห็นนี้นะครับพอดีโควต้าจะหมด
คือท่านนี้มีคำพูดโดนใจผมอย่างนึงคือ เลือก iPad แล้วไม่เสียใจ
ส่วนตัวก่อนนี้ผมก็จับมาทั้งสองแบบนะครับ Tablet Android และ iPad แต่ห่างเหินกับมันมากไปแล้ว เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้
ตอนนี้ใจมันเทไปทาง Mi Pad เพราะชอบสเปกหน้าจอ แต่เหตุผลเดียวเลยที่ยังไม่ตัดสินใจคือ กลัวเสียใจถ้าไม่เลือก iPad 555
ปัจจุบันใช้ iPad 3 อยู่คือมันนานมากกกแล้ว แต่มันยังใช้ได้ (หมายถึงยังเปิดติด แต่แอพมันไม่รองรับแล้ว) เอามาใช้เพราะนี่เป็นเครื่องเก่ายาย แบตบวมเค้าไม่ใช้แล้ว ผมเลยเอามาเปลี่ยนแบตแล้วใช้เล่น ๆ ก็พบว่าเออ มันยังใช้งานปกติเลยเว้ย ส่วนแม่เคยใช้ Mipad 2 พังไปแล้ว แต่ก่อนพัง มันช้ามากและ Software มันไม่อัพเดทให้เลย ต่างกับ iPad
สรุปยังตัดสินใจไม่ได้ เดี๋ยวรอดู iPad 10 ครับ 555
ถ้าท่านใช้ App ทั่วๆไป ผมว่า iPad จบกว่าเยอะมากๆครับ จากใจคนใช้ mipad4
แต่ถ้าชอบเล่นแร่แปรธาตุ มันมีแค่แอนดรอยที่ทำได้อะ อย่างแอพที่ผมใช้ทุกวันมันต้องลงด้วย APK เท่านั้น เลยย้ายค่ายไม่ได้ตามระเบียบ
ต้องถามว่าจำเป็นต้องใช้ Android ไหมดีกว่า ?
ถ้าจำเป็น ก็ต้องลืม iPad ไป
ผมมี iPad mini ตัวก่อนล่าสุด แต่มันใช้ทำงานไม่ได้เลย
ตอนนี้ใช้ Tab S7 ทำงานแทน iPad กองไว้เฉยๆ
ตัวอย่างงานที่ผมใช้
- ใช้ Type C to RJ45 ต่อกับ Tablet เพื่อเช็ค IP (ว่าได้ตรง vlan ที่เซ็ตไว้ไหม) เคยลองเอา Type C ตัวที่ใช้อยู่ ไปใช้กับ iPad pro ของเพื่อน ปรากฎว่าใช้ไม่ได้ ต้องใช้ตัวที่เป็นเหมือน Type C Hub ที่ต้องต่อไฟเพิ่ม ถึงจะใช้ RJ45 ได้ ซึ่งต้องต่อไฟเพิ่ม และตัวใหญ่กว่าของเดิมมาก อันเดิมนี่สะดวกกว่าเยอะใช้กับ Tab S7
- ใช้แอป Wifiman ของ Ubiquiti เอาไว้เช็ค Wifi Channel (ใน iOS ก็มีแอปนี้ แต่ใช้เช็ค Channel ไม่ได้ ไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไม)
- แย่สุดของ iPad คือไอ้แอป Files นี่แหละ งานง่ายๆแค่ก๊อปไฟล์ เข้าออก Gdrive, NAS ยังพังเลย เลิกใช้ยาวๆ
ยังไม่นับเรื่องอื่นๆอีกจิปาถะ ผมยอมรับว่า iPad ให้ประสพการณ์ที่ดีกว่า แต่จากการใช้งานผมใช้ iOS ไม่ได้จริงๆ
Android Tablet เอาง่ายๆมันก็คือมือถือ Android ที่จอใหญ่นั่นแหละครับ
ถึงตัว UI มันพยายามจะปรับแต่ง แต่ไส้ในต่างๆและ App ส่วนใหญ่มันก็จะออกมาเป็นมือถือจอใหญ่อยู่ดี ซึ่งถามว่าแย่ไหมมันก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกครับ แต่ประสบการณ์ใช้งานแบบ Tablet นั้น iPad ทำได้ดีกว่ามากๆ
Mi Pad 5 เด่นกว่าในเรื่อง Entertainment (ยกเว้นเกม) เพราะได้ Hardware ด้านนี้ดีกว่า ซึ่งถ้าดูจากการใช้งานอย่างที่คุณว่า Mi Pad 5 ก็น่าจะตอบโจทย์กว่า (ยกเว้น Line ที่ล๊อคอินพร้อมมือถือไม่ได้)
แต่อีกเรื่องที่น่าพิจารณาคือเรื่องความคุ้มค่าและอายุการใช้งาน ซึ่ง iPad ขึ้นชื่อเรื่องทนทานใช้งานได้นานมากๆในขณะที่ราคาพอๆกัน ส่วน Mi Pad 5 สุดท้ายมันก็คือ Android อยู่ดี
สรุปผมไปจบที่ Mipad พรีออเดอไปแล้วครับ สำหรับปีนี้ 555 ตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าคิดว่าจอน่าจะดีกว่า iPad Gen 9 จริง ๆ ที่รอ Gen 9 เพราะอยากได้จอ Laminate แต่มันไม่มาก็เซ็งหน่อย ๆ
เข้าใจว่าแอพ iPad ดีกว่าเยอะจริง ๆ แต่สิ่งที่ผมจะนำไปใช้มันไม่ได้เป็นแอพต่าง ๆ เลยน่ะครับ ไว้ใช้ดูหนัง Youtube Netflix ก่อนนอนซะส่วนใหญ่ และเปิดเวบบ้างเวลาที่ขี้เกียจลุกไปเปิดคอมผมว่างานแค่นี้แอพแอนดรอยน่าจะให้ประสบการณ์ไม่ต่างจาก iPad และ Android สำหรับผมมันเหมาะกว่าในเรื่องของ File Manager น่ะครับ ผมว่า Android ยังทำตรงนี้ได้ดีกว่า แต่ติดที่ Mipad ให้ USB 2.0 แต่ iPad 9 ก็ให้ USB 2.0 เหมือนกัน แถมต้องมาซิ้งกับ iTunes ฝั่งดรอยผมว่าอาจจะพอมี Workaround ที่สามารถ Copy ไฟล์ผ่านไวไฟได้
ปีหน้าค่อยว่ากันครับ สำหรับ iPad 555 ผมใช้ของไม่นานอยู่แล้วอ่ะครับ ถ้าซื้อเองอ่ะนะ 55
ขอบคุณความคิดเเห็นทุกท่านมากครับ
ปล มันมีความวู่วามหน่อย ๆ ด้วยอ่ะครับ ตอนกด เหอ ๆ ถ้า iPad มันเปิดจองแล้วผมว่าคงวู่วาม iPad ไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหลังวันเปิดตัวผมเข้าเวบกะไปกดแล้ว อ่าวกดไม่ได้ 555
Solid Explorer ครับ Main File manager ที่ผมใช้
Xiaomi เอง น่าจะออก โปรแบบ Pad + Pen เพิ่ม 1000 บาท จะ Wow เลยยย
JD เปิดพรี เหลือ 6/128 9900 ปากกา 1490 ครับ
เสียตรง app android tablet สู้ app ipad ไม่ได้เนี่ยละ
สเปคดี ราคาดีจริงๆ
pad 5 ราคาดีจนเกือบปันใจกดจอง แต่ไปค้นspec จากเวบนอกคือไม่มีGPS ซะงั้น(กั๊กเหมือนipad wifi แต่ Android tablet ยี่ห้ออื่นปกติไม่กั๊กGPS นะ) อาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็น ถ้าคิดว่าเล่นแต่ในบ้าน แต่บางappหรือแม้แต่ เกม AR บางอย่างมันก็จำเป็นนะ
ไม่รู้ android เป็นเหมือน ipad ที่ไม่มี GPS หรือเปล่า คือ ถึงแม้ไม่มีเน็ต ก็ยังบอกตำแหน่งได้ถ้าระแวงนั้นมี wifi หนาแน่น (ไม่ต้องเกาะก็ได้) ถ้าใช้ในกรุงเทพ อยู่บนถนน ก็ยังบอกตำแหน่งได้ใกล้เคียงครับ
iPad ต่อเน็ทกับมือถือหรือเปล่า ถ้าไม่ต่อไม่น่าดึง Database ฐานข้อมูลตำแหน่งไวไฟได้นะครับ (ถ้ามีฐานข้อมูลตรงนี้) หรือต่อกับไอโฟนมันดึงข้อมูลพิกัดมาจากไอโฟนได้ เคยได้ยินมาแบบนี้ หรือจำผิดไม่รู้นะครับ นานมากละ
Wi-Fi Positioning System ไงครับ ใช้ได้ทุกเจ้า
Android รุ่นใหม่ๆมีwifi,bluetooth location service ครับ แต่ต้องต่อเนทถึงจะรับข้อมูลพวกนี้ได้อยู่ดี จริงๆแล้วมันใช้เสริมในกรณีรับสัญญาณGPSไม่ได้ เช่นในตึก หรือถนนที่อับสัญญาณGPSในเมืองเช่นใต้ทางด่วน แต่ในความเป็นจริงมันไม่ดีพอที่จะใช้ navigator แทนGPSในบริเวณกว้างๆได้ครับ ออกถนนสายหลักก็จบ อ้อยกเว้นต่อwifi ผ่านเนทมือถือที่share hotspot มันก็จับตำแหน่งจากตัวมือถืออีกที แต่ได้แบบไม่ละเอียด
แต่ถ้ามีchip GPS มีapp navigatorหลายตัวที่โหลดแผนที่offline modeทำงานได้โดยไม่ต้องต่อเนทครับ(google map ก็ทำได้)
นึกถึงสมัยก่อนที่มือถือชอบกั๊ก gyro แล้วให้มาแค่ Accelerometer คือมันแทนบางงานได้ แต่มันไม่ได้ทำแทนได้หมด พอจำเป็นจะต้องใช้ มันก็จะนึกว่ารู้งี้เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยดีกว่า(ใครใช้มือถือรุ่นเก่าเล่น Pokemon Go ตอนออกใหม่ๆจะเข้าใจ เปิดmode ARไม่ได้ ถ้าไม่มีgyro)
แต่นั่นแหละ ราคา 10900 ราคานี้คุ้มแล้ว โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ใช้ในบ้านเป็นหลักด้วย ราคาspecดีกว่า ค่ายที่ไม่มีGMS ด้วยซ้ำ
อุปกรณ์ wireless charge เยอะมาก เสียดายที่ 11T ไม่รองรับ