มาตรฐาน USB ในปัจจุบันมีความสับสนอย่างมาก เพราะมีทั้งเรื่องอินเทอร์เฟซของหัวเสียบ (USB Type-C), อัตราการส่งข้อมูล (USB4) และกำลังในการชาร์จ (USB Power Delivery หรือ USB PD)
ล่าสุดกลุ่ม USB-IF พยายามแก้ปัญหานี้โดยออกโลโก้ใหม่ ที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน โดยระบุอัตราการส่งข้อมูล 20/40 Gbps (USB4) และกำลังการชาร์จ 60w/240w (USB PD 3.1) ไว้ที่ตัวโลโก้บนแพ็กเกจต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจง่ายขึ้นว่าสายและที่ชาร์จอะไรได้บ้าง แทนการเขียนเวอร์ชันของสเปก (USB 4, USB PD 3.1) ที่ผู้บริโภคอ่านแล้วไม่รู้ว่าคืออะไร
โลโก้ใหม่ของ USB-C มีทั้งแบบส่งข้อมูลอย่างเดียว (ระบุแค่อัตราการส่งข้อมูล 40 Gbps), แบบสายชาร์จกำลังสูง (240w) และแบบที่มีทั้งสองอย่าง (ช่องขวาสุดในภาพ)
ที่มา - UBS-IF
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
ข้อเสียของการไม่กำหนดตั้งแต่แรกที่จริงควรจะตั้งกฏดังนี้
1. ควรเป็น C to C เท่านั้น และขั้นต่ำควรเป็น 3.1 หรืออะไรก็ว่าไป และพอมาตรฐานใหม่ได้ที่ก็เริ่มบังคับใช้ และขยับขั้นต่ำขึ้นมาหรือจะเปลี่ยนมาใช้ของใหม่เลยก็ดี
2. ควรสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ขั้นต่ำเท่าไร และความเร็วในการชาร์จเริ่มที่เท่าไร
3. ทุกเจ้าที่ทำ USB C ควรมี PD เป็นอย่างน้อย
4. ถ้าจะมีอะไรที่แปลกปลอม ควรเขียนคำอธิบาย และโลโก้ให้ชัดเจน
อ่านแล้วผมว่า เมนบอร์ดราคาน่าจะขึ้นสูงพอดู
ทำให้ทุกสายเป็นธันเดอร์สิ ?
+1 TB
รอ USB 4 ครับ
ค่าตัวก็เพิ่งหลายพันอยู่นะครับ
ถ้าดันจนมันแมสได้มันก็น่าจะถูกลงกว่าปัจจุบันนี้เยอะนะครับ มันจะได้ไม่ต้องพกสาย พกอแดปเตอร์หลายอย่าง จะได้เป็นสายเดียวต่อได้ทุกอย่างจริงๆ ภาพ เสียง ข้อมูล อินเตอร์เน็ต VGA ฯลฯ
คงไม่แบบว่า จะก๊อปไฟล์ ถอดสายชาร์จมาต่อ ext ssd ก่อน ก๊อปเสร็จจะต่อขึ้นจอคอม ถอดมาเสียบจอ อ๊ะ แบตจะหมด ถอดมาเสียบชาร์จ
ถ้าจะต่อหลายอย่างขนาดนั้นจะใช้พร้อมกันก็ต้องพกหลายสายอยู่ดีครับ
ระบุ USB 3 ด้วยซิ งงกว่า 4 อีก มีทั้ง 3.0 3.1 3.2 gen 1 gen 2 มั่วไปหมด
แถมบางอันแค่เปลี่ยนชื่อ แล้วเติม gen 1 ต่อท้ายด้วย มั่วมาก
บอกบน package ก็ดี แต่ขอที่สายด้วยได้มั้ย
ใช่คอลัมน์สองรึเปล่าครับ Cable/Port
เข้าใจว่าน่าจะแปะที่ port ตัวรับ แต่ตัวสายนี่ยังนึกไม่ออกว่าจะพิมพ์ลงไปยังไง
ตารางนี่คือเคลียร์แล้วหรอ โคตรซับซ้อน
คนซื้อจะงงมั้ยบางอันบอก Gbps บางอันบอก Watts
ก่อนอื่นไปลด interface ให้เหลือแค่ USB-C ก่อน
แล้วค่อยตั้งมาตรฐาน
อันนี้ดีแล้วมีทั้ง Speed และ Power
ของเก่านี่ คนที่ไม่ได้ติดตามข่าว แทบเอาเท้าก่ายหน้าผาก
วุ่นแบบเดียวกับสาย hdmi
จะรอดูว่า ไอ้พอร์ตที่ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง จะเขียนอะไรลงไปบ้าง
เช่นพอร์ทที่เป็น usb 3.1gen2x2, Thunderbolt, DP, PD, MHL, VirtualLink, HDMI, etc. ในช่องเดียวนี่ จะเขียนยังไงดี
สร้าง story เพื่อให้ทุกฝ่ายได้จดจำ
แลดูอนาคต USB5 คงมีการเปลี่ยนชื่อไปเลย
USB NextGen I
แล้วก็จะวนมาพบปัญหาเดิมเรื่องชื่ออีก 2-3 ทศวรรษ
โอเคเลย ดูดีขึ้น
ที่ผ่านมาผมไม่เคยสนตัวเลขเลย
ผมดูแค่ว่าเป็น USB 1,2,3 หรือเปล่า ถ้าต้องการความเร็วสูง ผมก็แค่เลือกเลข 3 เพราะใหม่กว่าย่อมเร็วกว่า
ส่วนเรื่องกำลังไฟ ชาร์ตช้าก็แค่เอา Adapter ที่จ่ายไฟดีกว่ามาใช้ ชาร์ตได้เร็วแค่ไหนก็แค่นั้น เร็วเท่าที่ Adapter ทำได้
Adapterอย่างเดียวไม่ได้สิ สายถูกๆบางทีมันได้แค่30w คุณเอาadapter100wไปใช้มันก็ได้แค่30w
ผมเข้าใจว่ากำลังไฟมันขึ้นอยู่กับสายด้วยนะครับ คือเอาสายไม่ถึง 100w มาต่อ Adapter 100w มันก็ส่งได้จำกัดต่อให้เป็นสาย USB 3 (ไม่ขัวร์นะครับ)
ทำเป็น class เหมือนพวก flash memory ก็ดีนะ
ผลิตด้วยเงื่อนใขใหนก็เอา class นั้นไป แล้วเราไปดูเองว่าสายนี้รับงานเราใด้มั้ย
ปัญหาคมันมีทั้งอัตราการส่งข้อมูล กับการจ่ายไฟครับ
อันนี้ดีหน่อยที่แยก logo กันเลย เข้าใจง่ายกว่า
ของเก่านี่นรกมาก usb 3.0 => 3.1 => 3.2 gen 1
ซึ่งมันคืออันเดียวกัน แต่เปลี่ยนชื่อเฉยๆ
เหตุผลหลักของการแยก Interface พอร์ตต่างๆก็เพื่อให้มั่นใจว่าเสียบได้ = ใช้ได้
การมาของ USB-C ที่รองรับความสามารถหลายอย่างแต่ดันไม่รู้ว่าพอร์ตจริงๆมันใส่ความสามารถอะไรมาบ้างก็เลยเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร
อย่างตอน USB 3.0 ที่ใช้พอร์ตสีฟ้าผมถือว่าทำได้ดีนะ แต่คิดว่าถ้าจะใช้กับ USB-C คงยากหน่อยเพราะความสามารถหลากหลายเหลือเกิน
จะผลักดันแนวคิด universal มันควรต้องวางให้ครอบคลุมกว่านี้ครับ ซึ่งผมว่ายังคิดน้อยไปหน่อย ก่อนหน้านี้พยามจะผลักดันเพื่อแก้ปัญหาหลักปัญหาหนึ่งคือเรื่องขยะ ตอนนี้กลายเป็นว่ามีปัญหาเรื่องขยะเหมือนเดิมเพราะปัญหาความสามารถของสายที่ไม่เท่ากัน
แบบผู้ผลิตจะเล่นคำก็ยากขึ้นสิ
ทุกวันนี้ ผมซื้อขั้นต่ำสายรองรับ 100watt ไปเลยจบๆ ใช้ข้ามได้ยันคอม มือถือครบ
เรื่อง Data ยังไม่ได้ใช้เท่าไร external hdd ยัง USB-A อยู่เลย ฮ่าๆ
ที่ type c เกิดยากเพราะมือถือส่วนใหญ่ยังแถม adaptor และสายชาร์ทเป็น type A อยู่เลยทุกวันนี้
ในตารางนี่ผมก็ งง เหมือนเดิม อันดับแรกควรจะ USB-C ให้หมดก่อนแบบที่ข้างบนบอก และไม่ต้องซอยรุ่นย่อยเยอะ