หนึ่งในประเด็นข้อมูลเท็จที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดียคือ การปฏิเสธว่าภาวะโลกร้อน หรือ climate change นั้นไม่มีอยู่จริง ล่าสุดทาง Google และ YouTube ออกประกาศจะตัดช่องทางรายได้ ทั้งโฆษณา และเครื่องมือทำเงินของ YouTube แก่ช่องและบรรดายูทูเบอร์ ที่เผยแพร่ข้อมูลขัดแย้งกับผลงานวิจัยและข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ climate change
โดย Google จะยังคงอนุญาตให้มีโฆษณาและการสร้างรายได้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น การอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการวิจัยที่ตรวจสอบได้ โดยในการบังคับใช้นโยบายใหม่นี้ ทาง Google ได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
สัปดาห์ที่ผ่านมา YouTube ยังออกประกาศแบนทุกเนื้อหาที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 และข้อมูลต่อต้านวัคซีนโควิด-19
Googleโดนวิพากษ์วิจารณ์จากสภาคองเกรสและนักเคลื่อนไหวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าปล่อยให้มีข้อมูลเท็จเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม ผลวิจัยจาก Avaaz องค์กรไม่แสวงหากำไรระบุด้วยว่า วิดีโอข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ climate change สามารถสร้างรายได้ และสร้างยอดรับชมไปถึง 21 ล้านครั้งบน YouTube
ภาพจาก YouTube
ที่มา - Business Insider
Comments
น่าจะยาก เพราะอาจจะเจอฟ้องศาลเรื่อง Freedom of Speech และเรื่องใกล้เคียงอีกแน่ๆ จากกลุ่มที่ทำ Content แนวนี้ ถ้ามาแนวฟ้องกลุ่ม Class Action Lawsuit
เว้นแต่จะแก้ตัวกฎหมายให้ชัดเจน อุดช่องโหว่ และครอบคลุมมากกว่านี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันนี้มันเข้าข่าย Fake News มากกว่านะครับ จะมา Freedom of Speech ก็ต้องยืนบนพื้นฐานข้อเท็จจริงด้วย
Freedom of Speech หรือ 1st Amendment มันมีผลบังคับกับรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีผลบังคับกับเอกชนหรือประชาชนครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
แต่ผมมองว่าคนที่ทำสื่อพวกนี้มีออกมาคัดค้านและเรียกร้องตามวิธีและมุมมองของเขาหละครับ เพราะพวกเขาจะเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นข้อโต้แย้งและข้ออ้างเพื่อให้สื่อของตนยังเผยแพร่อยู่ได้ เพื่อแสดงและปกป้องความชอบธรรมของพวกเขา โดยไม่สนข้อเท็จจริงหรือข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
และอีกส่วนก็ตัวกฎหมายนี้จะถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือด้วยหละครับ และอาจจะมีช่องโหว่ด้วยนะสิ เห็นว่าถูกเอามาใช้ฟ้องศาลเยอะพอสมควร
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ได้จัดการพวก Flat Earth กับ AntiVax บ้างมั๊ย
2 อย่างนี้ เป็นเท็จชัดเจนกว่า climate change อีก
ผมว่าพวก flat earth กับ antivax มันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นขนาดนั้นนะครับ แต่ climate change นี่มันกระทบถึงมนุษยชาติเลย
antivax ส่งผลนะครับ มีหมอบ่นหลายครั้งแล้วเรื่องโรคที่ควบคุมได้นานแล้วกลับมาใหม่ เพราะคนมีภูมิมันลดลง และต้องไม่ลืมว่าวัคซีนมันก็ไม่ได้กันได้ 100% ลองนึกภาพลูกหลานเราฉีดครบ ไปคลุกคลีกับลูกหลานคนอื่นที่โรงเรียน และมีบางคนในนั้นไม่ฉีด คนนั้นจะเสี่ยงเป็นโรคอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ และเสี่ยงมาติดลูกหลานเราด้วย (เพราะวัคซีนไม่ได้กันได้ 100%)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ควรทำตั้งนานแล้ว
Climate change เป็นวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่สปีชีส์เราเคยเผชิญ
การเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คนมากมาย มันร้ายแรงกว่าฆ่าคนตายด้วยซ้ำ
Flat Earth กับ AntiVax พอจะเข้าใจตรรกะของพวกเข้าอยู่แหละ แต่พวกปฏิเสธว่าภาวะโลกร้อน เขามีตรรกะแบบไหนนะ ผมยังไม่เคยเข้าไปดูเลย อยากรู้เหมือนกัน
The Dream hacker..
หลักๆ ที่เคยไปดู
ก็เป็นทฤษฎีรอบวงโคจรโลกเข้าใกล้-ไกลดวงอาทิตย์
และโจมตีเรื่องการตกแต่งข้อมูลของฝั่ง climate change ครับ
ก่อนหน้านี้เหมือนทรัมป์เคยไปหาเสียงที่นึง แล้วบอกอากาศหนาวจัง ไหนบอกโลกร้อน
ก็ตรรกะประมาณนี้แหละครับ 55