สื่อหลายเจ้าเริ่มลงรีวิว MacBook Pro รุ่น 14 และ 16 นิ้วแล้ว ส่วนใหญ่ระบุว่าชิป M1 Pro และ M1 Max เร็ว แรง สมคำร่ำลือ อีกทั้งยังชื่นชมการตัดสินใจของ Apple ที่เอา Touch Bar ออก และนำพอร์ตกลับมา รวมถึงชื่นชมคุณภาพเสียงของลำโพง หน้าจอ และคีย์บอร์ด
ข้อติส่วนใหญ่เป็นเรื่องของราคาที่แพง รอยบากบนจอ น้ำหนักของตัวเครื่องที่มากขึ้น และหน้าจอของทั้งสองรุ่นที่ความละเอียดยังไม่ถึงระดับ 4K โดยรุ่น 16 นิ้ว หน้าจอความละเอียดอยู่ที่ 3456x2234 พิกเซล ยังไม่ถึง 3840x2160 พิกเซล และบางเว็บไซต์ก็แอบเสียดายที่ไม่มีพอร์ต USB-A ให้มาด้วย
Engadget ระบุว่าชิป M1 Pro และ M1 Max นั้นแรงมาก ในเบนช์มาร์คทั้ง Geekbench และ Cinebench R23 ทำคะแนนไปได้แบบถล่มทลาย และชื่นชมหน้าจอ Liquid Retina XDR ว่ามีคุณภาพดี อีกทั้งยังชอบคีย์บอร์ด พอร์ตที่กลับมาใหม่รวมถึงช่องอ่าน SD Card
ด้านแบตเตอรี่ Engadget ทดสอบรุ่น 14 นิ้ว M1 Pro ใช้งานได้ราว 12 ชั่วโมง 35 นาที ส่วนรุ่น 16 นิ้ว M1 Max ใช้ได้ 16 ชั่วโมง 34 นาที เพิ่มขึ้นราว 5 ชั่วโมงจากรุ่นก่อนที่ใช้ซีพียูอินเทล แต่บอกว่าข้อเสียคือราคาที่แพงมาก ตัวเลือกแรมยังจำกัด M1 Pro ได้แค่ 16GB กับ 32GB ถ้าอยากได้แรม 64GB ต้องรุ่น M1 Max เท่านั้น
เรื่องรอยบากบนหน้าจอ Engadget บอกว่าแม้จะดูตลกไปบ้างที่ Apple นำเอาส่วนที่คนไม่ชอบบน iPhone มาอยู่บนโน้ตบุ๊ค แต่รวมๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะ MacOS ขยับเมนูบาร์ไปไว้ระดับเดียวกับรอยบาก ทำให้พื้นที่ส่วนนั้นก็ไม่น่าจะได้ใช้อะไรอยู่แล้ว รวมถึงเมื่อเปิดใช้แอปแบบเต็มจอหรือวิดีโอคอล MacOS ก็จะซ่อนรอยบากด้วยการปิดแถบดำทั้งแถบ และถ้ารำคาญมาก ใช้วอลเปเปอร์สีดำล้วนก็ช่วยซ่อนรอยบากได้
PC Magazine รีวิวรุ่น 16 นิ้ว แบบ M1 Max ชื่นชมว่าชิป M1 Max แรงจริง และก็ชื่นชอบทุกอย่างไม่ต่างจาก Engadget เน้นที่กล้องเว็บแคมที่ให้มา 1080P สักที รวมถึงพอร์ต HDMI และ ช่องอ่าน SD Card ที่กลับมา
PC Mag ชื่นชอบหน้าจอ XDR ที่มี ProMotion มาก โดยระบุว่าอัตรารีเฟรช 120Hz ทำให้การเลื่อนผ่านหน้าเว็บและหน้าเอกสาร ลื่นไหลสบายตา รวมถึงหน้าจอที่ใช้แบคไลท์แบบ Mini-LED กว่า 10,216 ดวง แบ่งเป็นกว่า 2,554 โซน สำหรับการหรี่แสง (local dimming) ในรุ่น 16 ก็ทำให้หน้าจอของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้มีสีดำสนิท และความสว่างที่สูงสุดถึง 1,600 nits ก็สว่างจ้าเต็มตา แม้จะต้องใช้คอนเทนต์ที่ถูกปรับมาเพื่อหน้าจอประเภทนี้ก็ตาม
ส่วนข้อเสีย PC Mag ระบุว่าแม้จะแรง แต่ถ้าเทียบประสิทธิภาพต่อราคา ชิป M1 Max น่าจะยังไม่คุ้มค่านักสำหรับงานหลายๆ ชนิดที่อาจใช้งานได้ไม่เต็มที่ ส่วนราคาก็แพงขึ้นเยอะเมื่อกระโดดจากรุ่น M1 Pro ไป M1 Max รวมถึงไม่ชอบรอยบาก และรู้สึกว่า รุ่น 16 นิ้ว M1 Max ที่มีน้ำหนักเกือบ 5 ปอนด์นั้น อาจจะพกพาไม่สะดวกนัก
Tom’s Guide ชื่นชมประสิทธิภาพ พอร์ต และส่วนอื่นๆ ไม่ต่างจากเจ้าก่อนหน้า แต่มีข้อติที่ว่าหน้าจอแม้จะคุณภาพดี แต่ก็ไม่ใช่ 4K อย่างแท้จริง รวมถึงอยากให้เครื่องมีพอร์ต USB-A มาบ้าง แต่ไม่มีปัญหากับรอยบากบนหน้าจอ และบอกว่าใช้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จะไม่รู้สึกอะไรเอง
Tom’s Guide ยังทดสอบเพิ่มเติมด้วยการเล่นเกม พบว่า MacBook Pro 16 นิ้ว ชิป M1 Max เล่นเกม Rise of the Tomb Raider ทำเฟรมเรตเฉลี่ยได้ถึง 73.8 เฟรมต่อวินาที ในการทดสอบระดับ Very High ความละเอียด 1920x1200 พิกเซล และ 26.5 เฟรมต่อวินาที เมื่อรันบนความละเอียดแบบ native
รุ่น 14 นิ้ว ชิป M1 Pro ยังพอเล่นเกมได้ แต่คงไม่ถึงระดับ 60fps เพราะรัน Rise of the Tomb Raider ระดับ Very High ความละเอียด 1920x1200 ได้ 39.3 เฟรมต่อวินาที และแค่ 17.1 เฟรมต่อวินาที บนความละเอียดแบบ native
ส่วนเกมอื่นๆ เช่น Divinity: Original Sin 2, Pathfinder: Wrath of the Righteous และ Crusader Kings III นั้น Tom’s Guide ไม่ได้ระบุประสิทธิภาพไว้ แต่พูดรวมๆ ว่าไม่พบปัญหาใดระหว่างเล่น
สรุป
ทุกเว็บไซต์ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก กับการตัดสินใจกลับมาเน้นผู้ใช้งานระดับโปรของ Apple ทั้งการเพิ่มพอร์ต HDMI ช่องอ่าน SD Card และ MagSafe กลับเข้ามา และตัด Touch Bar ออกไป แถม Apple คงตระหนักแล้วว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่การใช้งานครอบคลุมขึ้น น่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าของ MacBook Pro
ส่วนข้อเสียเรื่องราคา เป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ใช้คงต้องพิจารณาว่าราคาค่าตัวของโน้ตบุ๊คเหล่านี้ คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อให้ทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่สั้นลงหรือไม่ และจะขัดใจกับเรื่องรอยบากบนหน้าจอมากแค่ไหน แต่ถ้าเงินถึง คิดแล้วว่าคุ้มค่า และไม่มีปัญหากับรอยบาก MacBook Pro 14 และ 16 นิ้ว รุ่น ชิป M1 Pro และ M1 Max ก็น่าจะเป็นโน้ตบุ๊คสุดแรงที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับโปรได้จริง
รวมคะแนนจากเว็บต่างๆ
Engadget - 92 / 100
PC Magazine - 4 / 5
CNET - 8.6 / 10
Tom’s Guide - 4.5 / 5
Comments
แตกต่าง ค่อยสมเป็น pro หน่อย ไปให้สุดทาง
ที่ผ่านมา Macbook Pro มันไม่ Pro จริง ๆ อย่างตัว 13" นี่สเปกแทบจะเรียกว่าทำงานไม่ได้เลย สำหรับ Content Creator เป็นของเล่นราคาแพงมากกว่า แต่มารอบนี้คือ มันสำหรับ โปรจริง ๆ ราคาก็สำหรับโปรด้วย คือคนที่ไม่ใช่โปรไม่รู้จะซื้อมาทำอะไรจริง ๆ
แล้วตัวนี้แถมสติกเกอร์ Apple สีดำด้วย ตอกย้ำว่า พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ ไม่ใช่โปรอย่าซื้อมาใช้ดีกว่า เสียเงินเปล่า รอตัว Consumer ปีหน้าดีกว่า
ราคาก็สำหรับมือโปรเท่านั้น ถ้าไม่นับคนที่มีตังค์เหลือๆ
..: เรื่อยไป
แรงทะลุกระเป๋าเงินกันเลยทีเดียว ?
ผมว่าก็ไม่ได้แรงกว่า Laptop PC spec ไล่ ๆ กันอย่าง Dell มากนักนะครับ
ผมว่ามันแรงกว่ามากๆ เลยนะครับถ้าสายเรนเดอร์วิดีโอ ?
ขอโทษครับพิมพ์ตกไปหมายถึงราคาครับที่ไม่ได้แรงกว่ากันมาก
เห็นด้วยครับ
รออยู่นะ Intel AMD รีบมาทวงบัลลังค์
หรือขอเดาว่า ปีหน้าจะกลายมาแยกสายเป็น
Macbook Air บางสุด มี USB-C 2 ช่องแค่นั้น ไม่มีพัดลม
Macbook สเปกใกล้เคียงกับ Mac Air หนาขึ้นมาหน่อยมี HDMI พัดลมเดียว ฺBody ใกล้เคียงกับ 13 นิ้วตัวปัจจุบัน
โดย 2 ตัวนี้ใช้ชิป M ปกติ
Macbook Pro ก็จัดเต็มไปเลยครับ
ปีหน้าจะยุบเหลือ MacBook Air, iMac, Mac Mini ใช้ M2
ส่วนรุ่นจอใหญ่ และรุ่นแพงใช้ Pro, Max
มาอยู่บนโน้คบุ๊ค >> มาอยู่บนโน้ตบุ๊ค
ชอบที่ว่า wallpaper สีดำล้วนนี่แหละ มันเป็นอะไรที่เทพมาก
ไปเจอมาบางที่ผลทดสอบก็ไม่ได้แรงห่างพีซีแบบขาดลอยเลย ยิ่งมาเทียบกับเงินที่จ่ายไปแล้วอีก
พอมีลิงก์ที่ให้อ่านรีวิวการทดสอบนี้ไหมครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมมองว่า CPU M1 จุดเด่น แรงได้มากกว่าหรือพอ ๆ กับ PC laptop spec ราคาใกล้ ๆ กัน โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก พัดลมเบามาก (แทบไม่ได้ยินเสียง) แบตอึด ซึ่งยังหาไม่ได้จาก laptop PC ยุคนี้ครับ
Performance เท่า ๆ ตัวท็อป-รองท็อปค่ายอื่น แต่ Efficiency นำลิ่วแบบไม่เห็นฝุ่น อันนี้ผมว่าคือจุดเด่นจริง ๆ ของ Apple Silicon ตอนนี้เลย
มันไม่ได้สักแต่ว่าแรงอะครับ มันแรงแต่กินไฟน้อยเป็นหลายเท่าตัวได้
ถ้าซื้อ Macbook Pro 13 ตอนนี้เลย ยังดีอยู่ไหมครับ แอบชอบตรงแบตเตอรี่อยู่ได้นาน หรือแค่ Macbook Air ก็พอ ใช้เรียนสายออกแบบ Ai Ps Xd Ae ครับ
MacBook Air ก็พอครับ มันแทบไม่ต่างกันเลย
เรื่องเล่นเกมแม้จะดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังเทียบกับ gaming notebook ไม่ได้อยู่ดี
ผมลองเทียบกับ Lenovo Legion 5 ของปีที่แล้ว
Ryzen 5 4600H + RTX 2060 + 16 GB RAM
รัน benchmark เกม Rise of the Tomb Raider โดยใช้ setting เดียวกันกับ Tom's Guide คือความละเอียด 1920 x 1200 ปรับ preset เป็น Very High ได้เฟรมเรตเฉลี่ยดังนี้
87 FPS (ไม่เปิดใช้ DirectX 12)
100 FPS (เปิดใช้ DirectX 12)
ในขณะที่ M1 Max ได้ 73.8 FPS และ M1 Pro ได้ 39.3 FPS (อ้างอิงจากข่าว)
ยิ่งถ้าเป็น gaming notebook ของปีนี้ ราคาสามสี่หมื่นก็ได้สเปกดีกว่าที่ผมทดสอบแล้ว
มันมีอีกเรื่องนึงคือส่วนมากเกมที่พอร์ตมาลง Mac มัน Optimize ห่วยด้วยครับ
ดูคลิบนี้แล้วพูดได้ว่า windows is OS for gaming เลย 55555
มองว่า สเกลฝั่ง windows เยอะกว่า พวกเกมส์เดฟเลยคุ้มที่จะ optimize ให้เข้ากับ windows แล้วยังฝั่ง windows ที่ optimize ให้ทำเกมส์บน windows ง่ายขึ้นด้วย ส่วนฝั่ง mac นอกจากสเกลจะไม่ได้จนต้อง integrate App จาก iOS มา macOS แล้วฝั่ง Apple ก็ไม่จริงจังกับการพยายามให้การทำเกมส์บน mac เป็นเรื่องง่ายเท่าไหร่ด้วยมั้งครับ(หรืออาจจะพยายาม แต่ยังไม่มากเท่า microsoft พยายามกับ windows?)
เคยซื้อมาเพื่ออยากเล่นเกมเหมือนกันนะครับ ราคาแพงคงน่าจะดี แต่ได้แต่ทำใจ 55+
ยังไงก็ต้องอีกเครื่องวินโดว์ไว้เล่นเกม ?
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
+1 ผมว่ามันมาสายเฉพาะทางจริง ๆ เหมือนการ์ดจอ Quadro สมัยก่อนอะไรแบบนั้น คือ แพงเวอร์ เอามาเล่นเกมงั้น ๆ ต้องเอามารันโปรแกรมเฉพาะทางจริง ๆ ถึงจะเห็นความแรงได้ชัด และโปรแกรมพวกนั้นมันทำเงินได้เนี่ยแหละ คนเลยยอมซื้อของแพง ๆ มาใช้เพราะมันช่วยประหยัดเวลาได้จริง ๆ
อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับว่า apple น่าจะออกแบบ GPU มาทาง Quadro มากกว่าทาง Geforce เพื่องานสำหรับมือโปร เลยทำให้เล่นเกมได้ไม่ดี
แต่ตอนเปิดตัวเทียบกับ RTX3080 ครับ ?
เค้าเทียบว่าใกล้เคียงครับ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเล่นเกมเทพกว่า ???
มันน่าจะเน้นสายตัดต่อนะครับไม่ได้อัดลง CPU,GPUเต็มหมด เห็นเน้นใส่ตัวเร่งความเร็ว Prores มาด้วย M1 Pro 1 หน่วย Max 2 หน่วย เกมไม่ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้ แต่เอาจริงๆเครื่องบางๆกลุ่มเดียวกันก็เห็นแพงทุกยี่ห้อ ในยี่ห้อเดียวกันเองรุ่น gaming กับ business สเปคไม่ค่อยต่างแต่ราคาต่างเยอะเลยคิดว่าไม่น่าเอาไปเทียบกับ gaming
ลองคิดอีกมุมสิครับ ว่า M1 Max run emulation ไม่ได้ native ยังได้ขนาดนี้
ทำไมคนชอบเทียบกับ gaming notebook หว่า ผมว่าเค้าก็สื่อสารชัดเจนนะว่าทำมาใช้งานแบบไหน ส่วนที่พูดถึง GPU ก็เทียบประสิทธิภาพการเรนเดอร์ รูดๆ ดูในหน้าเว็บก็ไม่มีตรงที่สื่อสารเรื่อง gaming เลย คือคนที่เค้าจะซื้อ gaming notebook เค้ามี MacBook อยู่ในตัวเลือกด้วยเหรอครับเนี่ย
แต่ถ้ามีใช้งานแล้วหวังเผื่อเล่นเกมด้วยอันนี้ผมเข้าใจนะ ตอนผมมี MacBook Air เครื่องเดียวผมก็ใช้เล่นเกมนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกัน
edit : เพิ่มนิดนึง ไม่ได้บ่นถึงต้นคอมเมนต์นะครับ พูดถึงทั่วๆ ไปเลย แต่พอดีเห็นคอมเมนต์นี้พูดประเด็นนี้เลยขอเกาะไปด้วย
เพราะ Apple เลือกที่จะเทียบกับ Gaming laptop เองครับ (Legion, MSI) ว่าประสิทธิภาพ GPU ดีกว่าแถมใช้ไฟน้อยกว่า
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของ PC is dead เพราะแรงเท่า RTX 3080 อะไรพวกนั้นที่เห็นตาม Youtube
ส่วนจะพูดถึงว่า GPU performance ไม่ได้หมายถึงเกมนะ อะไรพวกนั้นก็คงอีกเรื่องนึง ซึ่งผมมองว่า Apple ตั้งใจเทียบแบบนี้แหละครับ โดยไม่พูดถึงว่า performance อะไรเพื่อให้คน debate กันและพาดหัวน่าสนใจ
รอราคาลดค่อยซื้อ 555
Customize เล่นๆดู ราคาใช้ได้ๆ
ตอนนี้ยังอยู่ที่จุดที่รับราคา ssd 1tb ram 32g รวมประกันเพิ่ม ที่ 9xk
แต่ตอนนี้ไปอยู่ที่ 12xk แล้ว แง ~~
ตัว M1 ก็ไม่มี 32 ให้เลือก เลยค่อนข้างไม่ค่อย ok กับราคา set ใหม่
แนะนำให้จบที่ 14 นิ้วเริ่มต้นแล้ว up RAM up Disk ครับ
103,400 ครับ
รู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ผมกดตัว intel รุ่นสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนเป็น M1. 555
ขอข้ามไปอีก 4 ปีละกัน ?
ผมก็มีครับ The last Intel
แต่ว่าอย่าไปลองเล่น M1 นะ จะห้ามใจไม่ได้เอา
ตอนนี้ก็เอา Ram 32 ตั้งต้นแล้ว
เปลี่ยนโลกไม่ได้หรอกเฉพาะทางเกินไปคนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงทั้งราคาและการใช้งาน
The Last Wizard Of Century.
ก็นี่มันรุ่น Pro นี่ครับ เป้าหมายมันก็เฉพาะทางอยู่แล้วมั้ย
คนทั่วไป Air หรือ Pro ตัว 13 ผมว่าก็เพียงพอแล้วนะ
ถ้าเปลี่ยนโลกไม่ได้ intel ไม่ดิ้นขนาดนี้หรอกครับ