Gao Yongjun ผู้อำนวยการฝ่าย medical affair ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว South China Morning Post ระบุว่าบริษัทกำลังยื่นขออนุญาตใช้งานวัคซีน COVID-19 ในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปในฮ่องกง และตอนนี้การทดลองในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปก็ยังไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง
ตอนนี้ฮ่องกงมีวัคซีน Sinovac และ Pfizer/BioNTech ให้ประชาชนเลือก โดย BioNTech นั้นได้รับอนุญาตให้ใช้งานในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว ส่วน Sinovac ยังจำกัดเฉพาะผู้อายุ 18 ปีขึ้นไปอยู่ ทาง Sinovac ยื่นข้อมูลการทดลองในเด็กเพื่อขอให้ทางการฮ่องกงลดอายุผู้รับวัคซีนลง
การทดลองในเด็กเฟส 3 ของวัคซีน Sinovac ทดลองในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 17 ปี รวมผู้เข้าร่วมทดลอง 14,000 คน การทดลองจะตรวจสอบทั้งประสิทธิภาพวัคซีน, ผลการกระตุ้นภูมิ, และความปลอดภัย การทดลองเพิ่งเริ่มเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตอนนี้มีผู้เข้าร่วมแล้ว 2,140 คน การติดตามผลข้างเคียงเบื้องต้นยังไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรง ส่วนผลด้านประสิทธิภาพการป้องกันโรคนั้นต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ คาดว่าจะออกรายงานเบื้องต้นได้ปีหน้า
ที่มา - South China Morning Post
Comments
ฉีดน้ำเกลือให้ใครก็ปลอดภัยทั้งนั้นแหละครับ
ลั่นเลย 555+
ตลกดี ผมว่านักวิจัยที่คิดค้นวัคซีนไม่ว่าจะของซิโนแวค น่าจะมันสมองดีกว่าคนวิจารณ์หลายๆคนครับ
เค้าก็น่าจะฉลาดจริงๆนั่นแหละครับ เห็นมีใครออกตัวว่าเป็นคนคิดค้นซิโนแวคมั้ยล่ะครับ? ไม่มีเลย
ต่างกับคนคิดค้น mRNA ที่ไม่ต้องออกตัวอะไร คอยแต่ถ่อมตัวที่คนทั่วโลกสรรเสริญ
เพราะอะไร? ก็เพราะของมันห่วย คนทำก็รู้อยู่แก่ใจ เลยไม่กล้าอวด
เชื้อตายคือเทคโนลียีเก่า ขณะที่ mRNA มันของใหม่ซึ่งคนคิดก็ฉลาดแน่นอน ไม่มีใครเถียงหรอกว่ามันไม่ดี
แค่ตั้งคำถามว่าคนที่วิจารณ์ว่ามันคือน้ำเกลือนี่น่าจะฉลาดกว่าคนวิจัยพัฒนาวัคซีนใช่มั้ย แต่ขณะที่ WHO ดูไม่ออกรับรองวัคซีนไปแล้วให้คนใช้ทั้งๆที่มันมีค่าแค่น้ำเกลือ
.
.
FP - "How WHO Became China’s Coronavirus Accomplice" - 2/4/2020
https://foreignpolicy.com/2020/04/02/china-coronavirus-who-health-soft-power/
VOA - "WHO Again Under Scrutiny for China Influence" - 2/6/2020
https://www.voanews.com/a/covid-19-pandemic_who-again-under-scrutiny-china-influence/6198447.html
DW - "What influence does China have over the WHO?" - 17/4/2020
https://www.dw.com/en/what-influence-does-china-have-over-the-who/a-53161220
Politico - "It’s Not Just the WHO: How China Is Moving on the Whole U.N." - 15/4/2020
https://www.politico.com/news/magazine/2020/04/15/its-not-just-the-who-how-china-is-moving-on-the-whole-un-189029
หลักฐานเชิงประจักษ์ล่ะครับ
ข่าวแบบนี้มันก็มีมาจากอีกฝั่งที่โจมตีว่าเป็น Propaganda
ข่าวแบบนี้ตั้งข้อสังเกตได้ แต่หลักฐานที่ว่าวัคซีนมันช่วยอะไรไม่ได้เลย มีค่าเท่ากับน้ำเกลือนี่มีมั้ยครับ
ถ้ามีรบกวน โพสต์ในเฟสบุ๊คต้วเองแล้วแท็กสถานทูตจีนก็ดีครับ
ก็จริงครับ แต่ภูมิทำไมขึ้นกันอยู่หลัก สิบละครับ
มีคนไปตรวจภูมิกันแล้ว SV ทั้ง SP ทำไมภูมิไม่ขึ้นละครับ
ไม่ให้เรียกว่าน้ำเกลือให้เรียกว่าอะไร
แล้วทำไม AZ PF ภูมิขึ้นทีเป็นพัน เป็นหมื่นหรือ ครับ
ไม่ได้โจมตีนะ แต่ทุกอย่างต้องจบลงที่ตัวเลข
อ่อถ้าถามว่าวิธีไหนดีที่สุด คือ Natural Selection ปล่อยให้ตายไปเลย ดีสุด เพราะประเทศที่ปล่อยให้ตาย ตอนนี้ก็เปิดประเทศได้ละ
เอ่อ ปรกติหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ร่างกายมีระบบจดจำเชื้อโรคอยู่นะ มันจะกลับมาสร้าง Ab อีกครั้งเมื่อติด ลองสังเกตุคนที่ฉีดต่อให้เป็น SV SP ที่ฉีดไปนานแล้ว ถึงจะกลับมาติดอีกครั้ง จะไม่เป็นหนักมาก คือ พอหลังติด Ab ก็พุ่งสูงปรีด
ซึ่งตามปรกติสำหรับโควิต สายพันธุ์ดั้งเดิมแค่นั้นก็เหลือเฟือครับ คือมันก็ดีในระดับหนึ่งล่ะ
แต่พอสายพันธุ์ delta มันพิเศษนิดนึงคือมันกระจายไว ซึ่งสำหรับผู้สูงอายุร่างกายไม่แข็งแรงอาจจะสร้าง Ab กลับมาไม่ทัน เลยต้องมีเข้มบูสกันอยู่แบบนี้
นั่นแหละ จะมีซักกี่คนที่อ่านไปลึกๆจริงๆว่า
ระบบภูมิคุ้มกันมันมีมากกว่า Ab
แล้ว Ab จริงๆ มันไม่มีประสิทธิภาพ
เพราะมันฆ่าเฉพาะเชื้อชนิดนั้นๆ
ร่างกายเลยรีบเลิกผลิต Ab เมื่อเห็นว่าร่างกายไม่มีเชื้อแล้ว
เพื่อเอาโปรตีนที่มีค่าไปทำอย่างอื่น
แล้วเก็บแปลนเอาไว้ใน memory cell ที่ไขกระดูก
ถ้าติดเชื้ออีกรอบ ก็เอาแปลนที่มีมาผลิต Ab ได้เลย
วัคซีน มันห่วยจริงๆ นี้น่า จะให้อวยยังไงไหวละ หลายๆคนที่ฉีด ที่ เคย อวย snv วิ่งหา ไฟเซอร์ กัน หมด ใช้เส้นใช้สายกันเต็ม เหอๆ เห็นแล้วโคตรรังเกียจพวกนี้เลย ปากบอกเกลียด mrdna ตอนนี้ มาใช่เส้นสาย แย่งวัคซีน เหอๆ
เรื่องดีกว่าหรือแย่กว่า mRNA หรือ ไวรัลเวคเตอร์ อันนี้อีกเรื่อง ผมไม่ได้บอกว่ามันดีกว่าหรือแย่กว่า
แต่ การไปกล่าวหาว่าวัคซีนมันกระจอกเท่า "น้ำเกลือ" อันนี้เค้าเรียกการกล่าวหาแบบทุเรศๆ ครับ
+1
เห็นด้วยครับ ถ้าฉีดให้ลูกผมเลือกเชื้อตายนะครับ คือบางครั้งเพลา ๆ เรื่องเหยัยดกันก็ดีครับ อย่าเอาทุกเรื่องมากองกันไว้ที่เดียว ไม่มีอะไรในโลกเลวร้ายไปทุกอย่างหรอกครับ
+1
ถ้าคนที่จะวิจารณ์อะไรต้องเก่งกว่าคนที่ถูกวิจารณ์ งั้นวงการกีฬาก็เลิกกันไปเลยแล้วกันครับ ใครเตะบอลห่วยกว่านักฟุตบอลมืออาชีพห้ามวิจารณ์คงเหลือคนดูแค่ไม่กี่คน
สำหรับผมคงไม่ต้องเก่งกว่าหรอกครับ ขอแต่ใช้วิชชา อย่าใช้อวิชชาครับ ละอคติเอาข้อเท็จจริงดีกว่าครับ
วิจารณ์แบบที่กล่าวหาลอยๆว่าวัคซีนมีค่าแค่ "น้ำเกลือ" แบบนี้เรียกว่า ทำได้หรือสมควรทำหรือครับ
จะวิจารณ์กีฬา วิจารณ์ศิลปะ มันไม่มีผลกระทบต่อสังคม หรือมีก็มีน้อย
แต่ถ้าคุณไปวิจารณ์ว่า นักกีฬาคนนั้นโดปยาก่อนลงแข่ง โดยไม่มีหลักฐาน แบบนี้คุณก็ไม่รอดเหมือนกัน
แต่ถ้าคุณเอาเรื่องที่ว่าวัคซีนมีค่าเท่าน้ำเกลือมาพูดเล่น (หรือไม่เล่นก็ไม่รู้ล่ะ) แล้วทำให้คนเข้าใจผิดแบบนี้ทุเรศ
ไม่สมควรครับ แต่ถ้าจะวิจารณ์แบบที่สมควรก็ไม่ได้ต้องมีมันสมองที่ดีกว่าเหมือนกัน
ถ้าประเด็นนี้ผมพูดแรงไป ก็ขอยอมรับคำตำหนิ
แต่คนก็ตามที่กล่าวหาว่าวัคซีนซีโนแวคมีค่าเท่าน้ำเกลือโดยสุจริตใจ ผมก็ยังเชื่อลึกๆว่าคงไม่สามารถใช้สติปัญญาได้อย่างดีนัก
อันนี้คือตลก หรือเข้าใจว่าประสิทธิภาพ 51% มันมีค่าเท่าน้ำเกลือจริงๆ ครับ
ถ้าตลกจะบอกว่าเล่นมุกแบบนี้อันตราย และชวนคนเข้าใจผิด แต่ถ้าเข้าใจผิดว่าประสิทธิภาพ 51% ของ Sinovac มีค่าเท่ากับการฉีดน้ำเกลือ จะได้อธิบายต่อว่า 51% มันแปลว่าอะไร
lewcpe.com, @wasonliw
51% นี่เหมือนทอยเหรียญแหละครับ ดีกว่าน้ำเกลือละกัน
I need healing.
ถ้าเทียบกับทอยเหรียญ ต้องบอกว่า คนปกติโดนเชื้อแล้วติดเลย คนฉีดวัคซีน 51% นี่ได้โอกาสทอยเหรียญรอบนึงก่อนติดนะครับ (คนไม่ฉีดไม่มีโอกาสทอยเหรียญเลย)
มันดีกว่าฉีดน้ำเกลือมากๆ แล้ว เราถึงตั้งเกณฑ์วัคซีนที่ใช้งานได้ไว้ 50% แต่แรก ตอนที่ไม่มีวัคซีนอะไรเลย ตอนนี้เรามีตัวอื่นดีกว่า แต่อย่าไปมั่วซั่วครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้า ฉีดน้ำเกลือ = ไม่ฉีดอะไร
เราว่า ไม่ฉีดอะไรยังดีกว่า
สมมติ ณ วันนี้ ระหว่าง รอ moderna เข้า จะไปฉีด sv ก่อนไหม? มีโอกาสทอยเหรียญตั้ง 1 รอบ
ถามว่าเขาเลือกที่จะไปฉีด หรือเลือกที่จะรอ
ไม่เข้าใจครับ ทำไมต้องเลือก มันมีใครห้ามว่าฉีดแล้วห้ามฉีดตัวอื่นหรือ? ผมเห็นคำแนะนำก็แค่ให้เว้นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
lewcpe.com, @wasonliw
ก็ถ้าเป็นน้ำเกลือจริงน่ะนะครับ แต่พอดีไม่ใช่
ขออภัยกับการแสดงความคิดเห็นที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมด้วยครับ
ควรระบุในพาดหัวข่าวให้ชัดไปเลยว่ายื่นขออนุญาตที่ฮ่องกง เชื่อได้เลยว่าคนอ่าน 90% คิดว่ายื่นขอที่ไทย อีก 9% คิดว่ายื่นขอที่จีนแผ่นดินใหญ่ 1% คิดว่ายื่นขอที่ WHO
อย่าลืมบริจาคให้ไทยนะ จะได้ร่บรับมาเลย ส่วนตัวอื่นไม่ได้เงินทอนไม่ผ่านนะจ๊ะ
ซิโนแวคมาอีก 1.5 ล้านโดสครับ บริจาคทั้งหมด ขนาดไทยบอกไม่ซื้อแล้ว จีนยังเอาให้อีก 555+
สงสารคนไทยจริงๆ
ไม่เอาได้ไหม สงสารคนตจว. โดนตัวนี้กัน
+1024 มีเพื่อนอยู่ ตจว เพิ่งได้ตัวนี้ สงสารเลย
หา ในกทม ลง sino + az ยังโดนเปลี่ยนเป็น az+pfizer แต่เอาไปให้ ตจว ซะงั้น
สงสารคร ตจว เลย
ของบริจาคจากจีนให้ฟรีๆ โดยไม่หวัง hidden agenda อะไรตอบแทนกลับ ... ไม่มีหรอกครับ
ยังจะใช้อยู่อีกเหรอเนี่ย ไหนๆ ก็จีนมี Pfizer แล้วนี่ ภูมิขึ้นน้อย ไม่ก็ตกไวอีก สุดท้ายก็ต้อง mRNA
ยังไม่ได้ผลิตมั้งนะครับของ Fosun ที่ดีลกับ BioNTech ไว้
ต้องรีบหาตลาดระบายสต๊อกบริษัทเขาจะออกตัวใหม่มาแล้วนี่
ในฐานะที่ผมมีลูกเล็กนะครับ ส่วนตัวถ้ามันผ่านจริง ผมก็อยากให้ลูกผมฉีดนะ คือมันป้องกันได้น้อยก็จริง แต่การที่ผลข้างเคียงน้อยมันทำให้รู้สึกปลอดภัยมากกว่าน่ะครับ ส่วนตัวโดน 2 Sinovac + 1 Astra ตอนโดน Sinovac นี่เฉย ๆ ตอน Astra เข็ม 3 ที่ ร่วงครับ ถ้าลูกโดนแบบผมก็คงใจเสียหมือนกันสงสาร ส่วน mRNA นี่ยังไม่เคยโดน
แต่ถ้าไม่ให้ฉีดเลยพราะอคติว่าวัคซีมันห่วย ก็คงไม่รู้จะว่ายังไง คือถ้ามันเลือกได้ก็อยากจะได้ของดี ๆ mRNA แต่ตราบใดที่เค้ายังไม่วิจัยผ่านว่าฉีดในเด็กได้ ผมก็ไม่ให้ลูกผมฉีดนะ ต่อให้มันมหาเทพยังไงก็ตาม (จริง ๆ เค้าคงไม่ให้ฉีดด้วยแหละ 55)
สำหรับ โควิดแล้ว เด็กก็มีภูมิคุ้มกันในระดับนึงอยู่แล้ว เพิ่ม Sinovac ไปก็อาจจะดีกว่าไม่มีอะไรลย
ส่วนตัวผมไม่เชื่อนะว่ามันคือน้ำกลือ 555 ผมว่ามันต้องช่วยอะไรได้บ้างแหละ 10-20% ก็ถือว่าดีกว่า 0% นะครับ
แต่ถ้า mRNA มันผ่านสำหรับเเด็กเล็กแล้ว บ้านเรายังจะจัดแต่ Sinovac ให้แบบตอนนี้ผมก็ไม่โอเคนะ
ถ้าตอนนั้นมีตัวเลือกที่ดีกว่า เลือกที่ดีกว่า จะได้ไม่เสียใจภายหลังนะครับ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ฉผมเชื่อเทคโนโลยีด้งเดิมเช่นกันครับ ต่อให้ mRNA ผ่่าน ผมก็ยังเลือกเชื้อตายที่เห็นผลกระทบแน่นอนครับ เพราะปกติวัคซีนเขาทำหลักสิบปี
เชื้อตายของ Sinovac นี่ทดลองไม่ถึงสิบปีเลยนะครับ ความเสี่ยงดูไม่ต่างจาก mRNA เลย
แต่เทคโนโลยีนี้ใช้มา 63 ปี สารต่าง ๆ ที่ใช้เรารับรู้ผลกระทบ และมีการปรับปรุงกันมานาน ผมว่าวัคซีนที่สร้างบนเทคโนโลยีเก่า ยังไงความเสี่ยงน้อยกว่าแน่นอนครับ และหลักฐานเชิงประจักษ์เราก็เห็นกันชัดเจน เรื่องผลข้างเคียง ถ้าเราไม่อคิติจนถึงขนาดนายกหายใจก็ผิด ผมว่าคำว่าเทคโนโลยีเชื้อตาย เสี่ยงน้อยกว่า mRNA น่าจะเป็นข้อเท็จจริงนะครับ
ครับ ถ้าแบบนี้ วัคซ๊น Viral vector ก็นับว่าเสี่ยงสูงสุดไหมครับ
ถ้านับแค่ว่าinvented มาแล้วหลายสิบปี
mRNAก็เทคโนโลยีเก่าครับ
viral vector ก็เทคโนโลยีเก่าแต่อาจจะยังใช้ไม่แพร่หลาย
แต่ต้องบอกว่ากระบวนการผลิตมันยังใหม่ และมีหลายประเทศที่ยังทำไม่ได้เพราะไม่มีองค์ความรู้ เลยพยายามชูเรื่อง ของเก่าคุ้นเคย ทั้งๆที่จริงแล้วไม่ว่าวัคซีนแบบไหน ก็มีโอกาสที่จะผลข้างเคียงรุนแรง หรือไม่ผ่านการทดสอบเช่นกัน บางตัวผ่านการทดลอง ใช้จริงแล้ว แต่ยกเลิกภายหลัง เพราะเจอเคสรุนแรงภายหลังก็มี แม้แต่เชื้อตายก็ตาม (และในทางกลับกัน mRNA บางตัวก็ไม่ผ่านการทดสอบเช่นกัน)
เทคโนโลยีคุ้นเคยกว่า จริงครับ แต่ถ้าพูดเจาะจงว่าวัคซีนโควิทแบบเชื้อตายเสี่ยงน้อยกว่า นี่อาจจะไม่จริง?
และอันที่จริงตัวเลข ที่หลุดๆมากันตามข่าวแบบอ้อมๆ(เช่นข่าวจำนวนเคสที่เรียกร้องเงินชดเชยจากการเสียชีวิตด้านล่าง) ผู้เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีน(ที่อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับวัคซีนโดยตรงก็ตาม) ของวัคซีนโควิทในบ้านเรา(ซึ่งช่วงแรกใช้ชนิดเชื้อตายเป็นส่วนใหญ่)ก็ไม่ได้น้อยเลยจำนวนหลายร้อย และside effectรุนแรงแบบอัมพฤกต์ครึ่งซีกนานหลายวัน หรือจนเป็นสัปดาห์ ต้องหยุดงานadmit รพ. ก็มีจำนวนมากนับพัน เพียงแต่เราควบคุมข่าวสารมากไป จนเห็นแต่ข่าว คนแก่ญี่ปุ่นฉีด Pfizer แล้วตายหลายสิบคน หรือ เด็กเมกัน ฉีดmRNA แล้วกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จนหลายคนคิดไปว่าวัคซีนโควิทแบบเชื้อตายไม่มีหรือมีside effect น้อยกว่าแบบอื่นๆ
ซึ่งมันอาจจะจริงหรือไม่จริง ก็ตอบได้ยาก ตราบใดที่ไม่ยอมเผยแพร่ตัวเลขและรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่นแยกตามอายุ ความเสี่ยง ชนิดวัคซีน จำนวนเข็ม ฯลฯ แบบหลายๆประเทศ
อีกอย่างด้วยประสิทธิภาพและการกลายพันธุ์ แม้แต่หมอๆบนสื่อที่เคยเชียร์วัคซีนเชื้อตาย เพราะความคุ้นเคย ก็ไปฉีดbooster เป็นmRNA /viral vector กันเกือบหมดแล้ว จะบอกว่าเพราะฉีดเชื้อตายแล้วต้องฉีดตัวอื่นเป็นbooster เท่านั้นก็ไม่จริง เพราะจีนเองก็ทำการทดลองฉีดเชื้อตายเข็มสามกันอยู่เช่นกัน(บ้านเราก็ทดลองกันในวงแคบด้วย) ยังไม่นับว่าการฉีดวัคซีนเชื้อตายบางยี่ห้อในบ้านเรา มีเอกสารแกมบังคับให้ผู้โดนฉีดยินยอมที่จะเข้าร่วมทดลองและส่งผลการทดลองกลับ(ไม่งั้นไม่ให้ฉีด?) ซึ่งแตกต่างจากการยินยอมเข้าร่วมการทดลองโดยสมัครใจโดยทั่วไปและไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลหลังการฉีดตามปกติ
AZ นี่เห็นว่ามันเหมาะกับผู้สูงอายุมากกว่า พอบังคับฉีดกับคนอายุหนุ่มสาว ภูมิคุ้มกันมันตอบสนองเยอะกว่านี่ครับ
แล้วอย่างพี่เขยผมอายุจะ 60 แล้ว ฉีด SV ยังปวดเมื่อยเป็นครึ่งเดือนนี่คืออะไร?
I need healing.
รู้หมือไร่ อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนต่างๆ
แบบเล็กน้อยที่ไม่ทำให้ตายอะ ถือเป็นผลดี
เพราะร่างกายคนเรากำลังตอบสนองต่อวัคซีนที่ฉีดเข้าไป
รู้ครับ
แล้วรู้หมือไร่ เด็กมีอัตตราการตอบสนองต่อวัคซีนมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของเด็กดีกว่าผู้ใหญ่ครับแบบคนละเรื่อง ของผู้ใหญ่เล็กน้อยไม่ทำให้ตาย แต่สำหรับเด็ก มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
ิอัตตราการเสียชีวิตจาก COVID ในเด็กก็น้อยด้วยครับ ถ้าเทียบกับผู้ใหญ่ เพราะภูมิคุ้มกันเค้าแข็งแกร่งกว่าเรามากครับ เพราะฉะนั้น วัคซีนเนี่ยสำหรับเค้าก็ถือว่าอันตรายครับ และไม่ว่าวัคซีนตัวไหนก็แล้วแต่ตอนนนี้ มันมีโอกาสแพ้และทำให้กิดการเสียชีวิตได้ครับมีทุกตัวนะ เค้าถึงยังไม่สามารถฉีดวัคซีน COVID ทั้งหลายกับเด็กได้ไงครับ ทั้ง ๆ ที่ผู้ใหญ่ฉีดกันให้รึ่ม มันต้องทดสอบเยอะครับมากกว่าผู้ใหญ่มาก ลูกผมผมก็รักเนอะ
+1
ผมชอบความเห็นนี้ครับ
ในความเป็นจริง ผมเห็นว่าแม้ประสิทธิภาพของแบบเก่าจะน้อยกว่า แต่ข้อดีคือผลข้างเคียงมันน้อยกว่าเยอะมาก
ถ้าเลือกให้ตัวเอง ผมเลือก mRNA แต่ผมเลือกแบบเก่าให้ลูกครับ
ผมได้ยินคนมีลูกเลือกซิโนแวคกันทุกคน วัคซีนทุกตัวมีการลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยก็ยังน่าพอใจ คนมีลูกเท่านั้นถึงจะเข้าใจครับ
+1 "คนมีลูกเท่านั้นถึงจะเข้าใจครับ"
จะเสี่ยงทั้งที ทำไมต้องต้องเสี่ยงกับตัวห่วยสุด ก็งงเหมือนกัน
ประเด็นคือ SV นั้นมีผลที่ทดลองในคนที่ใช้ผ่านเกณฑ์อนุมัติสำหรับ WHO ใช้ในภาวะฉุกเฉินนั้น ทั้งผ่านต่ำที่สุดและแถมยังเป็นเชื้ออัลฟ่าต้นฉบับ
ซึ่งปัจจุบันเชื้อมันพัฒนาไปจนเป็นเดลต้าซึ่งความร้ายแรงและการแพร่มันมากกว่าเดิมนัก
ตอนนี้มี Delta+ แล้วครับ
อ่านแบบไม่คิดอะไรมันก็แค่บริษัทหนึ่งขอใบรับการฉีดนะครับ แต่พอเป็นชีโนเวค ขอใครซึ่งก็คิดว่าคงเป็นองค์การอาหารและยาในจีน แถมทดสอบในฮ่องกงอีก ผมเริ่มคิดว่าๆจีนกำลังจะแปรสภาพฮ่องกงการศูนย์กลางทางการเงินของจีนเป็นศูนย์การทดลองมนุษย์อะไรสักอย่างแล้วสิ
ตอนนี้สิ่งที่ Sinovac ควรทำก็คือ เพื่ม % ในการป้องกันในตัววัคซีนเอง และเพิ่มตัวภูมิคุ้มกันของสายพันธุ์อื่นเข้าไปด้วย
ซึ่งต่อให้เหมาะกับการฉีดให้เด็กมากกว่า mRNA ที่อาจมีความเสี่ยงและยังไม่มีรายงานยืนยันการใช้ในเด็กอย่างเป็นทางการ ก็ควรจะให้ได้คุณภาพที่ดีกว่านี้อีก อย่างน้อยก็ให้มันดีเทียบเท่ากับ Sinopharm ของจีนเองก็ยังดี ถึงจะให้เป็นวัคซีนทางเลือกที่ยังจะแนะนำได้บ้างนอกจาก mRNA
หากทำไม่ได้ ก็เลิกทำขายซะ แล้วให้เจ้าอื่นที่พัฒนาและวิจัยได้ดีกว่ามาทำแทน
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มีโอกาสได้รับฟังคำแนะนำจาก อาจารย์หมอศิริราช ในช่วงที่แค่ Sinovac ว่าให้ฉีดไปก่อนอาจารย์หมอเอกงก็ฉีด SV มันช่วยป้องกันการตายได้ ( ถึงจะไม่ 100% ) ญาติท่านติดโควิดแต่ยังดีฉีดวัคซีนมาแล้ว 10 วันก็เลยรอด แล้วก็แนะนำให้รอ โนวาแว็กซ์ ที่จะเข้ามาปีหน้าต่อและต่อไปก็จะมีเข้ามาอีกหลายยี่ห้อ ไม่ต้องรีบไปจองตอนที่ รพ. เอกชนเปิดให้จองซึ่งมีราคาแพง
หากใครบอกว่าฉีด SV = น้ำเกลือ หรือไม่มีประโยชน์ ก็ต้องถามว่าคนเหล่านี้่มีความรู้ระดับไหน คุณจะเปรียบเทียบว่าถึงคุณเล่นบอลไม่เป็น แต่คุณมีสิทธิ์วิจารณ์โค้ชได้ ฟังดูยิ่งตลก
สรุปสั้น ๆ คือผมเชื่ออาจารย์หมอดีกว่า
รอดเพราะวัคซีนหรือเพราะร่างกายแข็งอะครับ
หมอใช้คำว่าโชคดีที่ฉีดวัคซีนแล้วนะครับ
ผมมองว่า Sinovac มันก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไรขนาดนั้น ถึงมันอาจจะดีสู้ตัวอื่นไม่ได้ มันก็ยังมีดีมีคุณค่าของมันอยู่
ที่ควรจะตำหนิคือกลุ่มคนที่ให้ค่าของ Sinovac เกินจริงมากกว่า ให้ข้อมูลไม่ตรงไปตรงมา อีกทั้งยังปกป้องไม่ให้วิจารณ์อีก พอผลงานออกมาไม่ได้ตามที่ให้ค่าไว้ก็ไม่แปลกอะไรที่คนจะไม่เชื่อใจ พาลไปจนถึงหวาดกลัวหรืออคติเลยก็มี (ในเมื่อมันไม่ได้ดีอย่างที่ว่าแล้วมันแย่กว่าที่ว่าแค่ไหน? ก็แค่ดีแต่ไม่ถึงขั้นที่อวย? หรือแย่กว่านั้นอีก? อะไรทำนองนี้)
ในทำนองเดียวกัน อิงตรรกะเดียวกัน ผมคิดว่ากลุ่มคนที่ลดคุณค่าของ Sinovac เกินจริง ก็สมควรถูกตำหนิไม่แตกต่างกันครับ
ปล. เช่นเดียวกับวัคซีนตัวอื่นๆด้วยนะ ไม่ว่าจะวัคซีนตัวไหน ถ้าใครให้ค่าหรือลดค่าเกินจริง ก็ควรถูกตำหนิเช่นกัน
เห็นด้วยครับในเรื่องนี้ ทั้งสายอวยและสายเสียดสีเกินจริง มันเยอะมากจนผมไม่สนใจอะไรพวกนี้อีกแล้วครับ
แม้แต่ blognone ก็ไม่รอดอะไรแบบนี้อีก น่าเบื่อมาก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ระวังคุณจะถูกยัดเยียดเป็นขนมหวานหลากสีเอาได้นะครับ ในนี้การเมืองยิ่งแรงๆอยู่ ตอบโต้เอากันแบบถึงที่สุด ดีอย่างเดียวคือแทบจะไม่มีคำหยาบหรือผรุสวาทแรงๆโผล่มาแบบใน FB หรือ Twitter เข้ามาในนี้สักเท่าไหร่
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
+1 คนในสังคมสมัยนี้ไม่มีภูมิต้านทาน และยับยั้งชั่งใจในการแสดงความเห็นก่อนที่จะศึกษาเพิ่มเติมอย่างไม่มีอคติในระดับหนึ่งก่อนเลย แล้วเอาเข้าจริงผมว่ายุค 5 6 ปีมานี้ เหมือนคนยอมรับการเชื่อในอคติของตนเอง และคนอื่นได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่มันเข้าข้างตัวเอง หรือเอาสะใจ
ที่สำคัญที่สุด ผมมองว่าหลายคนเหมือนสะกดจิตตัวเองไปเลยทั้งที่ตัวเองแทบไม่มีข้อมูลอะไรในมือในเรื่องเหล่านั้น อาศัยฟังข่าวที่แทบจะเป็นคำบอกเล่าของคนที่อยู่ในเงื่อนไขด้านบนเป็นหลักด้วยซ้ำ แล้วก็เชื่อว่าตนเองเชื่อแบบนั้น
ทั้งที่สมัยก่อนผมรู้สึกว่า คำสอนที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ใช้เหตุผล ใช้ตรรกะ แต่ยุคปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปเร็วมากครับ
ผลกระทบยังไม่สุดกับเรื่องแบบนี้ แต่เพียงแค่นี้ผมว่า อีก 20 - 30 ปี คนในยุคนี้ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่คาดเดาได้ยากแน่ ๆ
ผมก็อาจจะตีโพยตีพายมากไปก็ได้มั้ง? แต่เฝ้ามองมาเรื่อย ๆ รู้สึกว่า ภูมิต้านทานต่อข่าวสารที่รวดเร็วของเราเหมือนไม่เพิ่มขึ้น แต่มันไปสร้างคุณลักษณะใหม่ที่ไม่ดีเพิ่มเข้ามาอีกต่างหาก
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ถ้าเป็นคุณลักษณะใหม่ที่ไม่ดี เล่นเอาซะผมนึกถึงหนัง อัจฉริยะผ่าโลกเพี้ยน หรือ Idiocracy เลยครับ ในอนาคตคนจะเป็นแบบในหนังกันแน่ถ้ายังไม่มีการออกมาเตือนหรือสร้างอะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบในหนังน่ะครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการการยอมรับ เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์จะเชื่อ/มีชุดความคิดในเรื่องใด ๆ แบบเดิม ตราบใดที่มีกลุ่มมนุษย์ที่เชื่อแบบเดียวกันอยู่ด้วย เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิด หนำซ้ำ บางคนลำบากใจมากด้วยซ้ำที่จะต้องเปลี่ยนชุดความคิดที่ผิดแผกไปจากกลุ่มสังคมของตนเอง เพราะกลัวการไม่ถูกยอมรับ (The Psychology of Belief)
แต่ที่พิเศษคือ คนยุคนี้รวมกลุ่มกันได้ง่าย เลยทำให้ชุดความคิดอยู่ได้นาน ไม่เหมือนยุคก่อนที่การสื่อสารจำกัด แล้วคนมีแนวโน้มจะเปลี่ยนความคิดได้ง่ายกว่ามาก ๆ
ทีนี้ พอผมอ่านแล้วหันมามองในมุมมองของการพัฒนา AI หรือ Automation สำหรับการควบคุมดูแลสังคมและการปกครองแล้ว ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะมีคนหรือนักพัฒนาที่ต้องการให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมและแทรกแทรงการกระทำทุกอย่างของมนุษย์เพื่อให้อยู่ในระบบตามความคิดและเหตุผล และอยู่ในความสงบ ภายใต้ระบบ AI และระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
รวมถึงบริหารจัดการทุกระบบเอง ตั้งแต่งานเอกสารไปจนถึงการปกครอง ที่สามารถทำได้เองหมดโดยไม่ต้องใช้มนุษย์อีกเลย รวมถึงตัดข้อจำกัดและข้อบกพร่องของมนุษย์ออกไปหมด เหมือนในภาพยนตร์ Sci-Fi แนวรูปแบบสังคม Utopia ที่ประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่ ทำงานและบริหาร ภายใต้การควบคุมด้วยหุ่นยนต์, AI และระบบ Automation ที่เคยดูมาหลายเรื่อง
แต่ก็คงคิดว่าอาจจะไม่น่าถึงวันนั้น เพราะ AI และระบบของมันเองก็ยังไม่สมบูรณ์แบบและยังมีข้อผิดพลาดในการทำงานอยู่พอสมควร แม้จะมีระบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง ความฉลาดของระบบที่มากขึ้นเรื่อยๆ และการแก้ไขระบบและข้อผิดพลาดที่ผ่านมาก็ตาม
ขอโทษที่นอกเรื่องไปครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
+1
+1 ความเห็นนี้ครับ
SV มันสู้วัคซีนตัวอื่นไม่ได้จริง ๆ แต่อย่างไรมันก็ทำให้ร่างกายเรารู้จักกับเชื้อในระดับหนึ่งแล้ว
A smooth sea never made a skillful sailor.
สงสารคนไทย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
รอดูผลจริงของเชื้อตายฝั่งอินเดียที่ WHO เพิ่งรับรอง
น่าจะต้องการศึกษากรณีตัวอย่างนั่นแหละ เริ่มที่จีนก่อนที่แรก ถ้ามีผลการทดลองแล้วว่าปลอดภัยจริงก็ยื่น WHO ได้ง่ายยิ่งขึ้น
งานวิจัยมันบ่งบอกประสิทธิภาพเป็นเบื้องต้นครับ รวมถึงประเทศตัวอย่าง เช่นญี่ปุ่น เคยรุนแรงกว่าเรา บ้านเขาแออัดกว่าเรา ประชากรสูงอายุเสี่ยงกว่าเรา พอฉีด mRNA เกินครึ่งของประชากรปุ๊บ โตเกียวเหลือติดหลักสิบคน ตายน้อยกว่าเราเยอะแล้ว (บ้านเราตายเพราะโควิทแซงญี่ปุ่นแล้วนะครับ ทั้งๆที่คนน้อยกว่าเขาเกือบครึ่ง)
มีวัคซีนดีกว่าไม่มีจริงครับ ในช่วงแรก แต่ถ้าเราพยายามหน่อย หาตัวเลือกดีๆแต่แรก ก็จะได้ไม่เสียเวลาฉีดเข็มสามเข็มสี่ไม่รู้จบนี่ไง แถมอาจลดการตายลงได้ เหมือนญี่ปุ่นหรืออังกฤษ death rateเราสูงกว่าเขาแล้วนะ?
อ้อ ถ้าบอกว่า mRNA ก็ต้องบูส แต่เขาบูสหลัง 6เดือนครับ ไม่ใช่ 3 เดือนก็ต้องบูสแล้ว
เรื่องside effect จะบอกว่า พวกอาการข้างเคียงนี่ขึ้นกับคนเลย ตัวเลขจริงบ้านเราไม่เปิดเผยตรงๆ เก็บเคสไว้หมดแล้ว เคยเห็นตัวเลขแพลมมา คนที่ตาย"หลัง"ฉีดวัคซีนนี่หลายร้อยแล้วนะครับ(ซึ่งมาจากวัคซีนหลากหลายประเภทจริงๆ แต่สัดส่วนเท่าไร คนเก็บข้อมูลเท่านั้นที่ทราบ และเมื่อไรจะเปิดเผย?) จริงอยู่อาจจะไม่เกี่ยวกับวัคซีนกันหมด อาจต้องรอการสอบสวนหรืองานวิจัยที่ชัดเจน แต่เวลาสื่อIOบ้านเราลงข่าว คนฉีดวัคซีนแล้วตายของตปท. ก็ไม่เห็นห้ามลงเลย ลงกันหมดเหมือนกัน โดยเฉพาะการปั่นให้กลัว mRNAช่วงแรกเพราะรบ.จองซื้อช้าเอง
หลายคนพยายามยกตัวอย่าง อิสเราเอล หรือบางประเทศที่เริ่มกลับมาติดเยอะ ก็ต้องดูนโยบายด้วย ว่าเขาเลิกบังคับใส่หน้ากาก หรือจัดงานกีฬาใหญ่ๆ ก็มีผลต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้แม้จะมีวัคซีน แต่ที่เห็นๆคือตายลดลงเยอะ(เช่นอังกฤษ)
ป.ล. ข่าวอ้อมๆ เผื่อใครถามอ้างอิงเรื่องจำนวนคนตาย"หลัง"ฉีดวัคซีนในไทย ในข่าวนี่เฉพาะเคสที่เรียกร้องขอเงินเยียวยานะ เคสช่วงแรกๆก็ไม่ได้ขอกัน
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6674649
ไม่ได้ขู่ให้กลัวนะครับ ยังไงโอกาสตายเพราะโควิทสูงกว่าตายเพราะฉีดวัคซีน เพียงแต่ยกมาเพื่อลบความเชื่อว่า บ้านเราตายเพราะฉีดวัคซีนน้อยเพราะใช้วัคซีนเชื้อตายเป็นหลัก ซึ่งไม่น่าจะจริง?
เรียกสื่อที่เห็นต่างว่า IO แล้วอ้างอิงด้วย Khaosod ดีไม่แปะ Matichon อีกอัน 555
ฮั่นแน่กระตุ้นต่อมอะไรหรือครับ :P
ข่าวที่ผมลงเป็นข่าวที่แถลงจากหน่วยงานรัฐธรรมดาๆที่สื่อทุกเจ้าก็น่าจะลง แต่กลับไม่สนใจข้อเท็จจริง ไปเล่นแต่ประเด็นชื่อของสื่อ (จริงๆผมgoogle มาเอาเจ้าแรกที่ขึ้นมาลงครับ)
สำหรับผมสื่อIO คือพวกที่อ้างคำพูดจากเพจหรือแหล่งข่าวที่ไม่มีอ้างอิงชัดเจน แล้วลงพร้อมๆกันหลายๆเพจที่สนับสนุนรบ.ทหารยังกับนัดกันมาน่ะครับ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
ต่อให้ใช้ mRNA เกินครึ่งของประชากรปุ๊บ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะติดเชื้อหลักสิบเท่าโตเกียว หรอกครับ มาเลใช้ Pfizer เป็นหลักแต่ผู้เสียชีวิต รายวันพอกับบ้านเรา
ส่วนจะเทียบปริมาณประชากรเฉยๆ ไม่ได้หรอกครับ เพราะอย่าลืมว่าภูมิประเทศต่างกันบ้านเราติด 3 ประเทศเดินข้ามได้สบาย แต่ญี่ปุ่นเป็นเกาะถึงคนเยอะกว่าแต่ป้องกันง่ายกว่ากันมาก
มีทางเดียวที่จะทำแบบญี่ปุ่นได้ คือไทยจะต้องเป็นประเทศบนเกาะ ไม่ติดชายแดนหรืออาณาเขตอื่นใดเลย ยอดถึงจะเป็นแบบญี่ปุ่นได้ ไหนจะวินัยคนในชาติอีก
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ตอนญี่ปุ่นแย่(ช่วงก่อนระดมฉีดวัคซีน) กับช่วงแรกที่มีข่าวคนฉีดไฟเซอร์แล้วตาย 39 ศพแรกๆ ผมเห็นเพจIOระดมลงข่าว เยาะเย้ยกับขู่ให้กลัวเต็มไปหมดเลยครับ
พอคราวนี้เขาประสบความสำเร็จ ก็อ้างว่า ประเทศเกาะนี่นา?!?!?! เอ้า ทีงี้ละไม่เชื่อผลลัพธ์ในreal-world result ซะงั้น
ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ปิดประเทศ 100% นะครับ แม้จำกัดวีซ่า แต่ก็ยังมีคนบินเข้าตลอด มีสายพันธุ์ใหม่ๆก่อนใครตลอดด้วย
เทียบกับอังกฤษไหมครับ เกาะเหมือนกัน ฉีดวัคซีนเยอะเหมือนกัน?(แต่เป็นAz เป็นหลัก?) ติดวันละหลายหมื่น แต่ตายน้อยกว่าไทยซะอีก
ส่วนเพื่อนบ้านเราอย่างมาเลย์นี่ ก็มีฉีดวัคซีนผสมๆกันซะเยอะนะครับไม่ใช่ mRNA ชนิดเดียวแต่แรกแบบของญี่ปุ่น เพิ่งมายกเลิกวัคซีนเชื้อตายจากจีนก็ช่วงหลังนี่เองแต่ก็ยังมีฉีดอยู่ไม่ได้เลิกหมด อ้างอิงสัดส่วนจาก https://covidnow.moh.gov.my/vaccinations/
มาเลย์ฉีด pfizer 51.8% และ SV ถึง 39.1% ครับ เข้าใจว่ากลุ่มที่ฉีด SV ไปแล้วก็ต้องระดมบูสเตอร์กันเหมือนบ้านเราเช่นกัน ทำให้ตัวเลขคนฉีดpfizer จริงไม่น่าถึงครึ่งของประชากรที่ฉีดวัคซีนแล้ว (ถ้าดูกราฟช่วงกลางปี ฉีด SVเป็นหลัก แล้วค่อยๆเพิ่มpfizer ช่วงหลังของปี)
รวมไปถึงลักษณะนิสัยหลายๆอย่างโดยเฉพาะด้านสุขอนามัยพื้นฐาน ก็ไม่ต่างจากบ้านเราหรอก(ไม่ค่อยล้างมือ ไม่ใส่หน้ากาก ดึงลงมาใต้ปาก ยกเว้นมีจนท.) เรียกว่าอาเซียนร่วมใจก็ได้
อย่างที่ยกตัวอย่างไปแล้ว ยุโรป หรือประเทศที่เลิกบังคับใส่หน้ากาก(เฉพาะคนฉีดวัคซีนแล้ว) ก็มีอัตราการติดพุ่งเช่นกัน แต่อัตราการตายก็นับว่าน้อยลงมากๆ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีวัคซีน(และคนที่ตายส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน)
แต่เรื่องไม่ใส่หน้ากากกับสุขอนามัยนี่เป็นข้อสังเกตของผมนะครับ แต่ก็คิดว่าอีกหน่อยน่าจะมีงานวิจัยออกมาว่าทำไมตัวเลขแต่ละประเทศแตกต่างกัน ปัจจัยจากส่วนไหนบ้าง
ป.ล. ชอบdashboard ของมาเลย์ ลงข้อมูลค่อนข้างละเอียด ผิดกับบ้านเราที่กั๊กข้อมูลสำคัญ เช่นสัดส่วนยี่ห้อวัคซีน อัตราการตายของผู้ฉีดวัคซีนแล้ว ฯลฯ เข้าใจว่าระบบภายในมี แต่ไม่เปิดเผยให้คนข้างนอกเข้าถึง
มาเลพอดีผมหาข้อมูลได้ตามนี้ครับ
Pfizer–BioNTech: 22.4 million (65.0%)
Sinovac / CoronaVac: 6.2 million (19.4%)
Oxford–AstraZeneca: 3.2 million (10.6%)
ส่วนอังกฤษก็เกาะอีกล่ะครับถ้าจะกันมันง่ายกว่าประเทศติดกันบนแผ่นดินใหญ่มาก ประเทศที่ติดกันทุกประเทศรอบด้านต้องฉีดและป้องกันให้เท่ากันหมดถึงจะหยุดแพร่กระจายได้ก็คนมันเดินไปมาได้ยกเว้นจะล้อมรั้วไม่ให้คนเข้าออกก็ว่าไปอย่าง
อ่อ แล้วญี่ปุ่นบินเข้าได้แต่เค้าให้กักตัว 10-14 วันครับ ไม่ใช่เข้าไปได้เลยเหมือนเดินผ่านชายแดนเรา
ดูข้อมูลที่ผมลง จากเวบของก.สาธารณสุขมาเลย์โดยตรงครับ อาจจะยกมาจากคนละช่วงเวลา?
ของผมตัวเลขล่าสุดรวมของวัน7 พ.ย. สัดส่วน เป็นไปตามที่แจ้งไว้ข้างบน
Pfz 51.8%
SV 39.1%
Az 8%
Cansino 0.4%
https://covidnow.moh.gov.my/vaccinations/
มาเลย์ฉีดไปทั้งหมด 50.4ล้านโดสแล้วครับ(แยกละเอียด ตาม 1st,2nd,booster 25,24,0.5 ล้านโดส ตามลำดับ)
ถ้าดูกราฟช่วงเวลา จะเห็นว่าเดือน 6-7 ยังฉีด sv มากกว่า pfz แล้ว pfz ค่อยๆไต่ระดับมากกว่าหลังเดือน 8 เป็นต้นมาครับ
ส่วนตัวเลขของคุณขออ้างอิงด้วยครับ เผื่อจะได้ดูว่าทำไมเลขต่างกันเยอะ? เพราะตอนผมsearch บางประเทศจะลงข่าวแค่ตัวเลขจัดซื้อ แต่ไม่ใช่ตัวเลขฉีดจริง(และตัวเลขจัดซื้อก็ไม่ใช่ตัวเลขทั้งหมดจริงๆ)
ส่วนอังกฤษคุณหลงประเด็นไปแล้วนะครับ ผมยกตัวอย่างว่าอังกฤษก็เป็นประเทศเกาะ ฉีดวัคซีนไปเกินครึ่งของประชากรแล้ว แต่ยังติดวันละหลายหมื่นคน ซึ่งผิดกับญี่ปุ่นที่เป็นประเทศเกาะเหมือนกันแท้ๆ ที่ตัวเลขการติดน้อยลงมากกว่า อาจเป็นปัจจัยของ ชนิดของวัคซีน (mRNA vs Viral vector?) หรือนโยบาย(ยกเลิกการห้ามใส่หน้ากากและมีกิจกรรมใหญ่)และสุขอนามัยพื้นฐานอื่นๆ แต่ยังดีที่อัตราการตายของอังกฤษ ดีกว่าไทยหมดเลย ทั้งๆที่จำนวนติดต่อวันมากกว่าไทย (อันนี้เกี่ยวกับสัดส่วนชนิดของวัคซีน หรืออัตราการฉีดต่อประชากร?)
อ้อ บ้านเราก็กักตัว 14 วันนะครับ ส่วนชายแดนลักลอบมา ถามตรงๆนะ ทำไมคุณคิดว่า คนลักลอบข้ามแดนเป็นสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดในบ้านเรา? มีตัวเลขหรือสถิติอะไรอ้างอิงไหมครับ? ผมเชื่อว่ามีคนลักลอบติดเชื้อเยอะ แต่ก็ไม่น่าใช่สัดส่วนหลักของการติดโรคเฉลี่ยหมื่นคนต่อวันอยู่ดี
ของผมเดือน กค. น่าจะเก่ากว่าครับ ส่วนอังกฤษผมดูยอดเสียชีวิตครับ ยอดตรวจวัดอะไรไม่ได้เลย เพราะตรวจเยอะเจอเยอะ ญี่ปุ่นตรวจน้อยกว่าอังกฤษมาก อังกฤษตรวจวันละ 8 แสน ญี่ปุ่นตรวจวันละ 4 หมื่น
ส่วนชายแดน ลองสังเกตุเอาจากกราฟ ชื่อประเทศ+covid ครับ ไทย มาเล หรือจะเขยิบไปหน่อยอย่าง เวียดนาม คนเสียชีวิตรายวันพอๆ กัน หรือดูจากกราฟการระบาดหนักก็เวลาไกล้เคียงกัน เวลากราฟหัวหักลงมาก็ไกล้กันครับ
จากตัวเลขน่าจะเป็นตัวเลขแผนจัดซื้อมากกว่าผมเลยถามว่าอ้างอิงจากไหนครับ เพราะถ้าคำนวณย้อนจากการฉีดจริงในปัจจุบัน pfizer จากตัวเลขก.สาธารณสุขมาเลย์ ต้องฉีดราวๆ 25ล้านโดส ส่วน sv จะราวๆ 20ล้านโดสเลยทีเดียว
ส่วนอังกฤษต้องดูตัวเลขหลังช่วงที่เริ่มฉีดวัคซีนครับ(หลังมี.ค.2021)
https://coronavirus.data.gov.uk/
เอาปัจจุบัน
Daily Case 30k
Death Daily 62
ช่วงนี้ตัวเลขตายเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเทียบสัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อ ก็ดีกว่าไทย บางวันตัวเลขตาย โดยไม่คิดสัดส่วนน้อยกว่าไทยซะอีก
ของอังกฤษจริงๆถ้าดูกราฟการฉีดวัคซีน(เริ่มmass vaccination ราวๆมี.ค.) จะเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและการตายลดลง แปรผกผันกับอัตราการฉีดวัคซีน และตัวเลขดีสุด ในช่วงที่ฉีดวัคซีน แถวๆ 67% ของประชากร แล้วอัตราการฉีดเพิ่มน้อยลง(ขยับช้าๆ) แต่ตัวเลขติดกลับหักมาพุ่งขึ้น แต่ตัวเลขตายก็ไม่เยอะมากเหมือนก่อนฉีดวัคซีนอีกแล้ว
ถ้าบอกว่าอังกฤษเทสเยอะเลยติดเยอะ แล้วบ้านเราล่ะ? ทำไมตัวเลขการตายแทบไม่ได้ดีกว่าเขาเลย?
หรือเรื่องญี่ปุ่นตรวจน้อย เขาประชากรมากกว่าอังกฤษสองเท่ากว่าๆ แต่อัตราการตายน้อยกว่าอังกฤษซะอีก(ตอนนี้ยอดตายรวมญี่ปุ่นทั้งหมดรวมถึงช่วงก่อนฉีดวัคซีนน้อยกว่าไทยแล้วนะ)ทั้งๆที่สัดส่วนประชากรเสี่ยง เขามากที่สุดโลก(ผู้สูงอายุ)
ตกลงจะอ้างว่าญี่ปุ่นตรวจน้อยเลยเจอน้อย(แต่ก็ตายน้อย) หรือบอกว่าเป็นประเทศเกาะเลยระบาดน้อย(แล้วอังกฤษล่ะ?) คือมันขัดแย้งกันเองอยู่นะครับ
ส่วนของบ้านเราจะไปเทียบรอบๆ มันก็ไม่ได้บ่งบอกสัดส่วนผู้ติดเชื้อในไทยนี่ครับ อย่างที่ผมบอก ทำไมถึงคิดว่าปัจจัยหลักของการระบาดหนักในไทย เกิดจากคนลักลอบเข้าเมือง มีตัวเลขจากไหน เช่นตัวเลขการติดเชื้อแบ่งตามสัญชาติ? มีไหม? เพราะจริงๆพวกข่าวคนเพื่อนบ้านรักษาโควิทก็แค่ตามแนวชายแดน แต่ในเมืองหลวงนี่กี่%?
ตรงนี้แหละ ที่บางเรื่องเราอาจจะไม่ได้คิดหรืออนุมานตรงตามข้อเท็จจริงเสมอไปครับ แต่น่าเสียดาย ที่เราถกเถียงกันก็อาจจะหาตัวเลขจริงๆมาแย้งกันไม่ได้ เพราะหน่วยงานรัฐแทบไม่เปิดเผยตัวเลขพวกนี้เท่าไรนัก
ญี่ปุ่น กับ อังกฤษสอง สองประเทศต่างกันอังกฤษมี anti-vax ไงล่ะครับ
การติดเชื้อ แรงงานที่เข้ามา ส่วนมากคือกลุ่มเด็กหนุ่มสาววัยทำงาน พวกนี้ติดไม่แสดงอาการ จะนับได้ยังไงล่ะครับ? แอบมา 1-2 ไม่แสดงอาการ แต่แพร่กระจายไป 3 แค่นี้หาตัวเลขไม่ได้แล้ว https://mgronline.com/politics/detail/9640000076708
ส่วนอีกเรื่องนึงคือ เปอร์เซ็นต์ถ้าเอาละเอียดครบเลยแสดงว่าจับได้ทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้วจับได้ซัก 10% ที่หลุดเข้ามาก็เก่งแล้วล่ะ
ขออนุญาตนอกเรื่อง ตามอ่านที่การตอบของคุณ fourpoint จะตอบหรืออธิบาย อะไรมี ref พอให้ตามไปดูอ้างอิงได้ตลอด ให้คนไปคิดกันต่อได้ ไม่ได้มโน หรือพูดลอยๆ ตามความรู้สึก
หลายประเทศประสบความสำเร็จในการใช้ mRNA คุมโรคระบาด => เงียบ...
บางประเทศล้มเหลวในการใช้ mRNA คุมโรคระบาด => นี่ไง mRNA มันไม่ดี
หลายประเทศล้มเหลวในการใช้ SV คุมโรคระบาด => เงียบ...
บางประเทศประสบความสำเร็จในการใช้ SV คุมโรคระบาด => นี่ไง SV มันดีมากๆเลยนะ
ช่วงที่ IO ทำงานหนักก็จะเจออะไรทำนองนี้เยอะครับ 55+
บางคนบอกจะรอแต่วัคซีนของไทย
ไม่ไว้ใจของฝรั่ง (แต่ไม่พูดถึงจีน)
คือของฝรั่งฉีดกันจนพรุนแล้ว กลัว
แต่ไทยยังวิจัยกันไม่เสร็จเลย จะรอ
แล้วโพสต์ในกลุ่ม line เหมือนรักชาติมาก
ภูมิใจในอาชีพ อยู่มาจนเกษียณ
เดี๋ยวจะไปทำหัวหน้าพรรคการเมืองด้วย
อ่านพวกนี้ในกลุ่ม line แล้วก็เหนื่อย
พวกเชียร์ลุงนี่ เค้าพิมพ์รับส่งกัน
เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย
คิดว่าสาหริ่มใน blognone จะน้อยลงแล้ว เจอเมนท์แถวนี้เข้าไปก็เยอะเหมือนกันนิ 555
📸
ผมไม่เข้าใจตรรกกะนี้ครับ ใครที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ คือสลิ่ม โลกแคบไปไหมครับ
จริงฮะ