Erik Thedéen ผู้อำนวยการ Swedish Financial Supervisory Authority หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของสวีเดน ร่วมกับ Björn Risinger ผู้อำนวยการ Swedish Environmental Protection Agency หน่วยงานกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมของสวีเดน เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง EU ให้แบนการขุดเหมืองคริปโต ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จดหมายฉบับนี้ระบุว่า ตอนนี้เรายังไม่เห็นประโยชน์ของทรัพย์สินคริปโตต่อสังคม แต่โทษนั้นเห็นได้ชัดเจน ทั้งการฟอกเงิน ใช้จ่ายเงินค่าไถ่ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสิ้นเปลืองพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ ยิ่งมูลค่าของเหรียญเพิ่มขึ้น คนที่สนใจเข้ามาขุดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในจดหมายอ้างงานวิจัยของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดที่บอกว่า เหมือง Bitcoin และ Ethereum ใช้พลังงานรวมกันมากกว่าสวีเดนทั้งประเทศถึงสองเท่าตัว
ข้อเรียกร้องของจดหมายฉบับนี้คือให้ EU แบนกิจกรรมการขุดเหมืองทั้งหมดที่เป็น proof of work เพื่อให้ย้ายไปใช้วิธีขุดแบบอื่นๆ ที่เปลืองพลังงานน้อยลง (คาดว่า 99.5% เทียบกับ proof of work) และแบนบริษัทคริปโตที่เกี่ยวข้องกับเหรียญที่เ)็น proof of work ไม่ให้โฆษณาตัวเองว่า "ทำธุรกิจที่มีความยั่งยืน" (sustainable)
ที่มา - Fi.se, The Register, ภาพจาก Pexels
Comments
เอาใจช่วยสวีเดน
ถ้าเหลือแต่ PoS ก็บอกลา decentralize ได้เลย เหลือแต่ระบบที่เป็นcapital ที่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากระบบการเงินแบบดังเดิม
PoW นั่นแหละที่เป็นการไม่ decentralized เพราะ Pool ไหนคุมงานเยอะก็เหมือนกุมอำนาจมากกว่าตรงอื่น
Pool คุมงานเยอะก็มีโอกาสได้เยอะ แต่ถ้ามันจะบิดพลิ้ว ก็ย้ายไปขุด pool อื่นแค่นั้นครับ
PoW อย่างไงก็คงเป็นการกระจายอำนาจสู่มือประชาชนอยู่ดี
ขำ กระจายอำนาจสู่ประชาชน คือ pow มันก็คนรวยมาก ๆ ที่มีปัญญาสร้างฟาร์มถืออำนาจปะครับ ไม่ใช่คนประชาชนทั่วไป
อีกอย่าง คือมันเพิ่มต้นทุนไฟฟ้านะครับ แล้วก็คนได้ประโยชน์จากคริปโตน้อยมาก ส่วนใหญ่คือนักลงทุนรายใหญ่มาก ๆ ประชาชนส่วนใหญ่รับกรรมค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและ/หรือไฟตกไฟดับอย่างคาซักเป็นต้นล่าสุดเลย
เวลาเห็นข่าวเก็บภาษีแล้วมีคนเจ้าประจำคอยมาบอกว่าบิทคอยน์คือคำตอบ อำนาจจะเป็นของประชาชนบลา ๆ ขำจริง ๆ ครับ ไม่ปิดบัง
แสดงว่ายังไม่เข้าใจ pow
ยกตัวอย่าง btc pool อันดับที่ 1 เคยคิดจะเปลี่ยนblock size รวมpoolอื่นมาได้จนเกือบจะ 90% แต่ก็ไม่สามารถทำhard forkสำเร็จ
แล้วลองมาดู PoS อย่าง DOT ที่เรื่องการvote on chain ไปไกลที่สุดละ อย่างการVoteเพื่อเพิ่มขั้นต่ำการ stake ที่ทำให้เกือบ 80% ของ addr ไม่สามารถ stake ต่อได้ สามารถโหวตผ่านได้ โดยมี่addrไม่ถึง1%มาโหวต จำนวนโหวตมีไม่กี่ล้านเหรียน คนเพียงคนเดียวก็โหวตให้ผ่านได้ง่ายๆ
ลองมาดูเชนอื่นอย่าง ADA การโหวตแต่ละรอบมีคนมาโหวตหลักหมื่น แถมโหวตผ่าน server ของ IOHK อีก
อันนี้เหมือนพูดในแง่ความปลอดภัย ส่วนเมนท์ก่อนหน้าพูดถึงการขุดให้ได้มาซึ่งเหรียญ (ในแง่ที่ว่าคนที่รวย คนที่มีต้นทุนดีกว่า ก็ยังเป็นกลุ่มคนที่จะรวยยิ่งขึ้นจากการขุดต่อไป ไม่ต่างอะไรจากสังคม non-BTC ปัจจุบัน)
มันก็ปกตินะ คนที่มีต้นทุนดีกว่าก็ย่อมหากำไรได้ดีกว่า free trade มันควรจะเป็นแบบนี้ แต่การเงินปัจจุบัน คนที่มีต้นทุนดีกว่า มีอำนาจในการกีดกัน เปลี่ยนแปลงกฏ เพื่อให้ตัวเองได้กำไรมากขึ้นไปอีก ไม่ได้เป็นการแข็งขันแบบเสรีจริงๆ ซึ่งมันก็คือ PoS
โอเคครับ ไอ้ผมก็เข้าใจผิดว่าเวลาพูดถึง "กระจายอำนาจสู่ประชาชน" คือหมายถึงไม่มีพวก 1% ไม่มีกลุ่มนึงที่มีอำนาจขุดเหนือคนอื่น
ที่แท้หมายถึงเรื่องความปลอดภัย
ผมว่าคุณเข้าใจผิดรุนแรงอยู่นะ ถ้า "กระจายอำนาจสู่ประชาชน" = ทุกคนต้องขุดได้เท่ากัน ผมว่าชิบหายกันหมด การแข็งขันเป็น 0
กระจายอำนาจ คือการที่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือคนอื่น อย่างที่ผมยกการโหวตในเชนพวก PoS ที่ถ้าผมถือเหรียนซัก 2-3% อำนาจการโหวตของผม เรียกได้ว่าอยู่เหนือตลาด อย่างกรณี DOT ที่คนโหวตเพื่อไม่ให้ 80%ของ addrทั้งหมดไม่สามารถstakeได้ เท่ากับเป็นการเพิ่ม reward ให้กับกลุ่ม20%ที่ยังstakeได้ไปโดยปริยาย เหมือนเป็นการโหวตเพื่อเพิ่ม reward ฬห้กะบตัวเองตรงๆ แถมปริมาณเหรียนที่โหวตมีไม่ถึง 1% ถ้าจำไม่ผิด 2ล้านเหรียนเองมั้ง VCเจ้าเดียวก็โหวตให้ผ่านได้
พอมันสามารถมีกลุ่มคนกว้าน hardware ไปขุดได้ มันก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วมันต่างกับระบบการเงินในปัจจุบัน ที่ Crypto Community พยายามตีตัวออกห่างได้อย่างไร มันไม่ได้ย้อนกลับมาที่ เงิน = อำนาจ เหมือนเดิมหรือครับ
หรือเพราะคราวนี้ "เงินทุน" ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนมีอำนาจสำหรับ Cryptocurrency มันต่ำกว่าระบบการเงินปัจจุบันกันหว่า
ซึ่งก็ย้อนกลับมา ว่าผมไม่ได้เถียงเรื่อง PoW vs PoS นะครับ อย่างที่บอกว่าตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเวลาคนพูดถึงเรื่องนี้ เค้าไม่ได้พูดถึงเรื่องการได้มา ไม่ได้พูดถึงเรื่องปัญหาเดิมๆอย่างคนมีเงินก็จะมีทรัพยากร คนรวยก็จะรวยยิ่งขึ้นไปเหมือนเดิมอะไรแบบนั้น
ถ้า PoW มีการใช้พลังงานเพื่อบางสิ่ง (เห็นมีคนยกตัวอย่าง FoldingCoin) ไม่ใช่ใช้พลังงานทิ้งไปเปล่าๆแบบตอนนี้ อาจจะดูดีกว่านี้ก็เป็นได้
ผมเห็นด้วยกับ Cryptocurrency -- แค่ไม่เห็นด้วยกับ PoW ในแง่ที่ว่าเป็นการใช้พลังงานทิ้งไปเปล่าๆปลี้ๆครับ
อำนาจของคุณคืออะไรครับ การที่คุณมีเครื่องขุดเยอะมีhashอยู่ในมือจำนวนมาก ไม่ได้ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงอะไรของบิทคอย คุณอาจจะทำได้แค่เทขายเพื่อดั้มราคา ซึ่งสุดท้ายราคาที่คุณจะดั้มได้ก็จะเท่ากับต้นทุนค่าไฟกับค่าเครื่องที่คุณต้องจ่าย ซึ่งปัจจุบันราคาบิทคอยกับต้านทุนในการขุดมันก็ไม่ได้หนีกัน
ส่วนถ้าคุณคิดว่า การใช้ไฟในการทำระบบบัญชี = การเอาไฟไปทิ้ง แบบนี้ระบบธนคารทั่วโลกปัจจุบันไม่ยิ่งกว่าหลอครับ อัตราการใช้ไฟของระบบธนคารทั่งโลกรวมกัน มากกว่าบิทคอยหลายเท่า แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจำนวนมาก
นอกจากรวยเพราะเหรียญแล้ว โลกได้ประโยชน์อะไรบ้างครับ
ควรหาหนังสือเศรษฐศาสตร์มาอ่านบ้างครับ จะได้รู้ว่าระบบ fiat มันเป้นยังงัย
ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้นหรอกครับ
PoS. แล้วเครื่อง server ที่ใช้ในการยืนยันบัญชีอยู่ไหนอะครับ
PoS บางทีใช้ความสามารถในการคำนวณสูงกว่า PoW หลายเท่าครับ แค่ ETH ใช้แรงขุด และสเปคคอมระดับเทพทั้งนั้น
ที่เห็นการ์ด GPU คือให้สุ่ทเลขเร็วขึ้นแค่นั้นแหละ
และถ้าถามว่าถ้าจะคุมเหรียญ คุมไงละ ง่าย ๆ ปิด data center ซะ จบไม่ยากด้วย ถ้า node น้อย การบืนยันจะช้า และใช้งานจริงไม่ได้ แต่ถ้า PoW ละไม่รู้ แค่ปิดธุรกรรม จบ ส่วนจะเป็นเล่นอะไร Layer2 Layer3
datacenter, farm, บ้านคนครับ แล้ว PoW อยู่ที่ไหนนะครับ?
พูดถึงส่วนไหนครับ
- ตัว consensus PoS ไม่ได้ใช้ความสามารถการคำนวณสูงกว่าหลายเท่า โดยเฉพาะ PoW ที่ปั่นค่าความยากกันจนไปไกล การคำนวณส่วนมากเป็นการคำนวณตามงานที่ต้องคำนวณ ไม่ใช่คำนวณค่า hash ทิ้งเปล่าครับ
- ETH ตอนนี้้ใช้แรงขุดมากเพราะ
- ETH main chain ตอนนี้เป็น PoW ครับ
- ETH chain ไม่ได้มีแค่งานธุรกรรมที่ transfer เงินข้ามบัญชีไปเรื่อยๆ แต่เป็นการประมวลผล smart contract ด้วย
ดังนั้นผมเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การเทียบ PoW กับ PoS แต่เป็นการเทียบ PoW สองตัว ที่มีกับไม่มี smart contract
จะปิดยังไงนะครับ?
อันนี้ผมก็ว่าไม่เกี่ยวกับ PoW/PoS แต่เป็นที่การออกแบบ chain ไม่ใช่เหรอครับ
พอใช้ PoS ปุ๊บ Layer2 จะไปด้วยกันไม่ได้เลยเหรอครับ? แล้ว Layer2 ของ Ethereum นี่บนสาย Beacon ทำยังไงกันอยู่นะครับ หรือพอรวมสายแล้วจะทำยังไงต่อ
PoS. แล้วเครื่อง server ที่ใช้ในการยืนยันบัญชีอยู่ไหนอะครับ
PoS บางทีใช้ความสามารถในการคำนวณสูงกว่า PoW หลายเท่าครับ แค่ ETH ใช้แรงขุด และสเปคคอมระดับเทพทั้งนั้น
ที่เห็นการ์ด GPU คือให้สุ่ทเลขเร็วขึ้นแค่นั้นแหละ
และถ้าถามว่าถ้าจะคุมเหรียญ คุมไงละ ง่าย ๆ ปิด data center ซะ จบไม่ยากด้วย ถ้า node น้อย การบืนยันจะช้า และใช้งานจริงไม่ได้ แต่ถ้า PoW ละไม่รู้ แค่ปิดธุรกรรม จบ ส่วนจะเป็นเล่นอะไร Layer2 Layer3
Proof of Work : Using power for the sake of using power.
อยากรู้วิธีแบน
เหรียญที่เป็น proof of work
ว่าไป ก็อยากให้แบน Crypto ที่ใช้ Cryptographic Function ด้วยครับ แบบน่าจะมีงานที่มันมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติกว่าการคำนวนแฮชหรือเปล่านะ
folding coin ไงครับ
คิดถึง primecoin ยังอยู่มั้ยหว่า
จะตัดน้ำ-ตัดไฟเหมืองเหมือนที่จีนทำไหมนะ
รอดูท่าทีของยุโรป
..: เรื่อยไป
หาวิธีผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดให้ทันใช้เป็นปัญหาของโลกจริง ๆ เหมือนในจีน รถ EV เต็มประเทศแต่ผลิตไฟใช้เผาถ่านหินเอาสะอาดมากคับพี่น้อง นี่ขนาดจีนแบนชุดเหรียญไปแล้วนะ ไฟยังไม่พอใช้เลย
อาจจะเป็นถ่านหินแบบลดมลพิษแล้วก็ได้มั้งครับ
//สงสัยผมเล่น Cities Skyline มากไปหน่อย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
คุมมลพิษที่โรงไฟฟ้ามันง่ายกว่าคุมมลพิษที่ท่อไอเสียรถยนต์ครับ
เพราะโรงไฟฟ้ามันมีแค่ไม่กี่ที่และวิ่งไปไหนมาไหนไม่ได้
ผมนึกถึงโฆษณาชวนเชื่อเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปล่อยมลพิษมากกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงเลย (ถึงจะมีมูลความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง)
ความสะอาดของรถยนต์ไฟฟ้าไม่มาจากแค่การไม่มีท่อไอเสียครับ แต่มาจากประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานจากน้ำมัน/ไฟฟ้า ไปเป็นพลังงานกลขับเคลื่อนล้อ แทนที่จะเสียไปกับความร้อนและเสียงโดยเปล่าประโยชน์ด้วย ซึ่งรถน้ำมันแปลงได้ไม่ถึงครึ่ง แต่รถไฟฟ้าแปลงได้เกินครึ่ง
ใช้พลังแสดงอาทิตย์ พลังงานน้ำ ความร้อนใต้พิภพ สุดท้ายก็นิวเคลียร์