งาน Motor Expo 2021 กำลังจะเริ่มขึ้น โดย Mercedes-Benz ประเทศไทยได้นำรถยนต์ไฟฟ้า EQS มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นการโชว์ตัวแก่บุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยผมได้มีโอกาสไปร่วมงานในวันสื่อมวลชนจึงได้เก็บภาพมาแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันครับ
เท้าความก่อนว่า Mercedes-Benz EQ เป็นซีรีส์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยก่อนหน้านี้มี EQC ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของค่าย และเคยมีข่าวว่าจะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยแต่เจรจาไม่ลงตัวจึงยกเลิกแผนไป เวลาผ่านมาได้ฤกษ์นำรถซีรีส์ EQ เข้ามาจำหน่ายในไทยเสียที กับรุ่น EQS ที่ได้ชื่อว่าเป็น S-Class ในแบบรถยนต์ไฟฟ้า
Mercedes-Benz EQS รุ่นที่เปิดตัวในไทย คือ EQS 450+ มาพร้อมมอเตอร์ตัวเดียวที่เพลาหลัง (แปลว่าขับเคลื่อนล้อหลัง) แบตเตอรี่อยู่ที่พื้น ความจุ 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง โฆษณาว่าแล่นได้ 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มีกำลัง 329 แรงม้า โดยในต่างประเทศมีรุ่น EQS 580 4MATIC มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วย ทำให้คาดเดาได้ว่า Mercedes-Benz ประเทศไทยอาจนำเข้ามาทำตลาดในอนาคต
EQS รุ่นที่นำมาโชว์ในงานเป็นสีน้ำเงิน Nautical Blue ด้านหน้ายังคงการออกแบบที่มีกลิ่นอายของ EQC อยู่ โดยกระจังหน้าเป็นแบบทึบมีลวดลายฝังอยู่ด้านในและยังเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมาย ไฟหน้าเรียกว่า Digital Light ที่ทำงานร่วมกับระบบนำทาง คือเมื่อถึงเวลาเลี้ยว ไฟหน้าจะฉายลูกศรเลี้ยวลงบนพื้นถนนได้ด้วย
มาที่ด้านข้างซึ่งมีกิมมิคเล็กๆ อยู่ตรงแก้มด้านซ้าย จะมีช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ เมื่อกดเข้าไปจะเด้งออกมา และมันคือ ช่องเติมน้ำฉีดกระจก!! สาเหตุที่มาเติมน้ำตรงนี้เพราะฝากระโปรงหน้านั้น "ไม่ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้เปิดเลย" สิ่งเดียวที่เจ้าของรถต้องเซอร์วิสคือเติมน้ำฉีดกระจกเท่านั้น ข้อยืนยันว่าผู้ใช้รถไม่ควรจะเปิดฝากระโปรง คือเมื่อเปิดมาแล้วไม่มีโช็คยกฝากระโปรงหรือก้านเหล็กค้ำด้วยซ้ำ
ในส่วนของมือจับประตูก็เป็นแบบฟลัชเก็บเข้ากับตัวรถ เพื่อลดแรงเสียดทานอากาศให้มากที่สุด
วนมาด้านท้าย ไฟท้ายของ EQS มีชื่อว่า 3D Helix โดยด้านในจะเป็นเกล็ดๆ รวมถึงไฟด้านซ้ายและขวาก็เชื่อมกันเป็นเส้นเดียวพาดผ่านฝากระโปรงท้ายอีกด้วย
ฝากระโปรงท้ายเป็นแบบยกขึ้นทั้งบานกระจก (fastback) เมื่อเปิดแล้วเผยให้เห็นส่วนเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 610 ลิตร โดยฝาท้ายเป็นแบบเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ช่องชาร์จไฟอยู่ที่ด้านหลังขวาของรถ ในตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของรถยุโรปทั่วไป ตัวช่องชาร์จเป็นแบบ CCS Type 2 ตามมาตรฐาน โดยชาร์จไฟกระแสตรงได้สูงสุดที่ 200 กิโลวัตต์ (ตั้งโหมด Eco ให้จำกัดที่ 100 กิโลวัตต์ได้หากต้องการถนอมแบตเตอรี่)
มาดูด้านในกันบ้าง สิ่งแรกที่ผู้ใช้จะมองเห็นคือแผงแดชบอร์ดขนาดยักษ์ที่ยาวจากซ้ายไปขวาเป็นกระจกแผ่นเดียวกัน ด้านใต้ฝังจอไว้ 3 จอ คือหน้าปัดของผู้ขับ, หน้าจอกลางสำหรับควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์, ระบบนำทาง, ระบบปรับอากาศ และหน้าจอซ้ายสุดคือจอของผู้โดยสารตอนหน้า
ผมลองกดหน้าจอเล่นๆ ดู พบว่าทำงานได้รวดเร็ว ไม่มีกระตุก หน้าจอมีความละเอียดสูง คมชัด และที่สำคัญคือรองรับภาษาไทยเต็มระบบ ทั้งเมนูต่างๆ ไปจนถึงภาษาของแผนที่ (ทุกวันนี้ Tesla ยังอ่านไทยไม่ได้เลย)
คอนโซลกลางก็เรียบหรู มีช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่ฝาปิดเป็นไม้จริง ในช่องเก็บของมีพอร์ต USB Type C สำหรับชาร์จโทรศัพท์ 2 ช่อง, ที่วางแก้วน้ำที่ตัวล็อคจะหมุนออกมารับแก้วเมื่อวางแก้วน้ำลง ไม่เกะกะหากไม่ได้ใช้งาน
ปุ่มสตาร์ทรถอยู่ถัดลงมาจากช่องเก็บของ พร้อมแป้นควบคุมแบบรูดซ้ายขวาที่สามารถสแกนนิ้วได้ด้วย (Mercedes-Benz ซื้อเทคโนโลยีนี้มาจาก BlackBerry) นอกจากนี้ก็เป็นปุ่มปรับเสียง, โหมดการขับขี่ และไฟฉุกเฉิน โดยส่วนตัวผมชอบชุดปุ่มควบคุมตรงนี้มาก เพราะมีขนาดเล็ก ไม่ต้องใหญ่โตเกะกะ ทำให้ดีไซน์โดยรวมดูเรียบร้อย
หน้าจอบอกระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 52% ประเมินว่าจะแล่นได้อีก 289 กิโลเมตร
ชุดเครื่องเสียงระดับหรูจาก Burmester สัญชาติเยอรมัน
อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งของผู้โดยสารตอนหลังนั้นนั่งไม่สบายเท่าที่ควร (เมื่อเทียบกับ S 580e ที่จอดอยู่ข้างๆ) เบาะหลังไม่สามารถปรับเอนได้เลย รวมถึงไม่มีที่พักแข้ง/พักเท้าให้ด้วย (นี่ S-Class จริงหรือเปล่า) ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่อยู่ใต้พื้น ทำให้พื้นสูงกว่าปกติ นั่นแปลว่าเข่าของผู้โดยสารจะชันกว่ารถปกติ โดยผมรู้สึกว่าเข่าผมชันกว่าตอนนั่ง Tesla Model S และ Model 3 เสียอีก คิดว่านั่งนานๆ น่าจะเมื่อยแน่ๆ
ผู้โดยสารตอนหลังปรับแอร์แยกโซนซ้ายขวาได้อิสระ
ด้านใต้เปิดมามีพอร์ต USB Type C ให้อีก 2 พอร์ต
หลังคาเป็นซันรูฟแบ่งสองบานระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง
ทั้งนี้ Mercedes-Benz เลือกใช้วัสดุภายในรถได้หลากหลายและลงตัวอย่างมาก ให้ความรู้สึกหรูหราได้ดี มีตั้งแต่หนังแท้ที่เบาะ, คอนโซลเป็นการผสมผสานระหว่างผ้า Alcantara และผ้าอีกชนิดที่ผมไม่ทราบชื่อแต่เนื้อมีความละเอียดนุ่มมืออย่างยิ่ง รวมถึงมีไม้จริงอย่างที่เขียนไปตอนต้น
Mercedes-Benz EQS จะจัดแสดงอยู่ที่งาน Motor Expo 2021 ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2021 ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ แต่พนักงานภายในบูธแจ้งว่า 7-8 ล้านบาท โดยจะเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคันก่อน และจะเริ่มประกอบรวมถึงผลิตแบตเตอรี่ภายในประเทศไทยในอนาคต
Comments
มองผ่านๆ EOS 450 เก่าจัด
ข้างดูไม่สิ้นคิดแบบ tesla ดี ดูล้ำๆ ยานอวกาศดี
ด่าแรงอ่ะ
แต่วันก่อนดูช่องน้าเน็คไปส่อง Benz G Class ข้างในสวยมากๆ ครับ ไม่รู้มาก่อนว่าด้านใน Benz จะสวยแบบนี้ ในขณะที่เทสลา เรียบ แต่ไม่หรู เหมือนให้โปรแกรมเมอร์ออกแบบอ่ะ
ผมไปส่องเว็บ Tesla ก่อนเม้น นั่งส่องอยู่งงเลย กดสลับไปมาแต่ละรุ่นแบบว่า จอกลางเหมือนกันหมด layout อะไรดูคล้ายกันมาก ดูแบบเข้าใจได้ว่าลดต้นทุนกันสุดๆ เลยครับ อยากได้ปุ่มไรพี่แกก็ยัดเข้าจอกลาง ง่ายๆ ดี
ช่องเติมน้ำฉีดกระจกนี่เปิดได้เลยไม่มีอะไรล็อกเลยหรอ? เกรงว่าจะมีคนเอาน้ำปลามาเติมให้
อ้างอิงจาก autolifethailand มันจะมีระบบล็อคเหมือนกับประตูผู้โดยสารนั้นแหละ ถ้ากุญแจไม่อยู่ในระยะหรือไม่กดปลดล็อครถก็จะเปิดฝาไม่ได้
ไม่ชอบไฟเลี้ยวสีแดงเลย ถ้าเกิดหลอดไฟหยุดขาดข้างนึง ต้องมานั่งจ้องว่าไฟเลี้ยว หรือไฟหยุด (รอดูมันกระพริบรึเปล่า) แทนที่จะมองแว๊บเดียวก็รู้เลย
Jusci - Google Plus - Twitter
เห็นภาพแรกคิดว่าเป็นรถลายจุดหรือเปื้อนอะไร
ทำไมหลายเจ้าถึงไม่ทำจอภาพเป็นจอเดียวยาวๆ ไปเลย
ที่นั่งหลัง ดูไม่ใช่ s class เลย