กรมสรรพากรระบุว่ากำลังเร่งดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการคิดภาษีจากกำไรการขายหรือลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโทเคอเรนซี ให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมาย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ปี 2565 นี้
กรมสรรพากรระบุด้วยว่าเตรียมคุยกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงเดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่ดำเนินการ ในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และมีประโยชน์กับทุกฝ่าย พร้อมยืนยันยึดหลักผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง
ยังไม่แน่ชัดว่านโยบายจะออกมาแบบไหน และเหตุใดจึงไม่มีการปรึกษาหารือหรือพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ ก่อนจะออกนโยบายภาษี น่าสนใจว่าเวลาภายในเดือนมกราคมที่เหลืออยู่เพียง 21 วัน กับกระบวนการทำงานที่น่าจะมีความสลับซับซ้อนและต้องประสานงานกับหลายฝ่าย จะทำให้สุดท้ายแล้วมาตรการภาษีที่ได้รับการปรับปรุง จะออกมาในรูปแบบใด
ที่มา - กรมสรรพากร
Comments
ง่ายมาก
ไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเก็บ
ไปทำการระบุก่อน รูปแบบปฏิบัติทำยังไง ดูความพร้อม broker,exchange พร้อมไหม
ระบุเสร็จแล้ว ก็ทำหนังสือประชาสัมพันธ์อะไรก็ว่าไป
แล้วปีภาษีหน้าค่อยเก็บก็ได้
ตอนออกมาตราการลดหย่อนภาษีเค้าก็บอกระหว่างปีภาษีได้
ถ้าพวกเรียกเก็บแบบนี้ก็น่าจะทำได้เช่นกันนะครับ ?
ทุกคนไม่ได้ยื่น รายไตรมาส หรือยื่น 2 รอบต่อปีนะครับ
เพราะระบบของมนุษย์เงินเดือนเค้าไม่ได้ออกทวิ 50 กับ ภงด.
เป็นราย ไตรมาส หรือ รายครึ่งปี ถ้ามีคิดดูว่าทุกคนทำตัวเหมือนบริษัทฯใน
ตลท. โดยไม่มีระบบอะไรรองรับ.....
ลิงค์ที่มา ตายไปแล้วครับ
Archive.org เก็บทันครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
แว่บแรกนี่มีอ่านสรรพากรเป็นคนขับรถเรอะไปรับลูกนายกทำไม
+1 ?
55555
เว้นวรรคให้ถูกหน่อยก็ดีครับ "สรรพากรรับลูกนายก เตรียมนัดถกภาษีคริปโต ระบุเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคมนี้"
กับ "สรรพากรรับลูก นายกเตรียมนัดถกภาษีคริปโต ระบุเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคมนี้"
ถ้าเว้นแบบนี้เกรงว่าจะไม่ถูกอยู่ดีรึเปล่าครับเพราะนายกไม่ได้เป็นคนเตรียมนัดถกภาษีคริปโต
ผมว่าแบบที่เขียนก็ได้นะ
วิเคราะห์ตามหลักภาษา "รับลูก" เป็นคำกริยาน่าจะแปลประมาณว่า "รับต่อแนวคิดหรือคำสั่ง"
ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีกรรมก็ได้ แต่การใส่นายกเป็นกรรม ลงไปก็ถือว่าสมบูรณ์กว่า ว่ารับลูกจากใคร
หิวแหละดูออกขายอะไรก็ไม่ได้สักอย่างนักท่องเที่ยวก็น้อยนิด ถึงขนาดต้องส่งออกกัญชงน้ำท่อมและอื่นๆ
อาการถังแตกก็แบบนี้ เก็บแบบหน้ามืดตามัว ขาดสติคิดให้รอบคอบ
ควรเอากำไร-ขาดทุนมาคิดอะ แบบเดิมมันน่าเกลียดเกินไปจริงๆ แถมยังผลักภาระให้คนเสียภาษีมากรอกเองอีก เขาคงจะกรอกให้อยู่หรอก
KYC + Bank จะหนีไปไหนครับ
ดีนะ ออกจากวงการคลิปโตมาแล้ว เป็นโรคกลัวความสูง
ที่ตะบี้ตะบันเก็บภาษี อาจจะเป็นการแบนคลิปโตไปด้วยในตัวเนียนๆ
เสียภาษีจนไม่คุ้มจะเล่น