ผู้บริหารเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในยุโรป 4 ค่ายใหญ่ คือ Vodafone, Telefonica, Orange, และ T-Mobile เรียกร้องสหภาพยุโรปให้แบนบริการ Private Relay ของแอปเปิล เนื่องจากกระทบต่อการจัดการเครือข่าย
บริการ Private Relay ของแอปเปิลเป็นบริการ VPN ที่ซ้อนสองชั้นทำให้ตรวจจับได้ยากว่าผู้ใช้กำลังเชื่อมต่อกับบริการใด หรือเชื่อมต่อจากเครือข่ายใด นอกจากนี้บริการ Private Relay ยังรวมอยู่ในแพ็กเกจ iCloud+ ซึ่งน่าจะมีคนใช้งานเป็นวงกว้าง เพราะต้องการบริการอื่นๆ เช่น การดูภาพกล้องวงจรปิด หรือการซ่อนอีเมล
แม้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะเข้ารหัสแทบทั้งหมดแล้วในช่วงหลัง แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายโทรศัพท์มือถือก็ยังเก็บข้อมูลการใช้งานจาก metadata ได้เป็นจำนวนมาก ทั้งปลายทางของการเชื่อมต่อและประเภทโปรโตคอลที่เชื่อมต่อ ทำให้สามารถจัดการทราฟิกได้ รวมถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีเป็นบางบริการ ไม่แน่ชัดว่าการใช้ VPN เป็นวงกว้างจะกระทบผลประโยชน์ส่วนใดของผู้ให้บริการจนต้องออกมาเรียกร้องครั้งนี้
ที่มา - The Telegraph
Comments
ช้านะ ไทยล้ำหน้าไปก่อนแล้ว เพราะชิงแบนก่อนเปิดตัวด้วยซ้ำ ?
ใจเย็น ไทยแบนหลังเปิดตัว
ต้องดู 7-8 ประเทศแรกที่ชิงแบนก่อนแล้วด้วยจิ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ส่วนตัวนะ คิดว่าที่ขอแบนบริการนี้เพราะหากินกับข้อมูลลูกค้าไม่ได้หรือเปล่า? (อาจจะทำไม่ได้ในยุโรปเพราะมี GDPR อยู่ แต่ก็ไม่แน่)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เรื่องแบบนี้มันก็ควรคุยกันให้ดีครับ จะเอากันให้ตายไปเลยข้างใดข้างหนึ่งก็ได้แต่ก็จะเจ็บกันทั้งคู่
สมมติว่า Apple ไม่ยอมไม่สนใจอะไรเลย Operator ที่อาจจะเคยมี proxy server ไว้ cache content บางอย่างเช่น video ที่คนดูกันเยอะ ๆ ในช่วงนึงก็จะ cache อะไรไม่ได้เลยเพราะมองไม่เห็นอะไรซักอย่าง
สุดท้ายแล้ว Operator ก็อาจจะเลือกแอบบีบ traffic ไปจะไป relay server ของ Apple แบบเงียบ ๆ เพื่อทำให้คนใช้รู้สึกว่าใช้ Private Relay แล้วเน็ตช้าลงเยอะ ปิดไปดีกว่า
แต่ตอนที่ลองใช้ในไทย ตอนเบต้า (ที่ยังใช้ได้)
ความเร็วก็ถูกบีบลงพอสมควรละแหละ
เลยเปิดเฉพาะเวลาจำเป็นจริงๆ
แต่ไม่รู้ใน ตปท เป็นไงเหมือนกันตอนนี้
แถวนั้น จะมีคนออกมาบ่น แบบ ของไทยไหม
ของไทยอดใช้เพราะรัฐและ.......กลัวสินะ เดี๋ยวปกครองคนยาก คนจะไม่เชื่องเหมือนเมื่อ่กอน