Nirmala Sitharaman รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอินเดียแถลงงบประมาณปี 2022-2023 พร้อมกับประกาศแผนการปรับปรุงโครงสร้างภาษีและการลงทุน แต่ประเด็นใหญ่คือการประกาศแผนเก็บภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทที่อัตรา 30% โดยไม่สามารถนำรายการขาดทุนมาหักลบได้ พร้อมกับภาษีรายธุรกรรมอีก 1%
ที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับธุรกิจคริปโตทุกประเภทเสมอมา โดยเตรียมแบนการใช้งานเงินคริปโตทุกประเภท มาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายแบนเงินคริปโตกลับไม่ได้บรรจุอยู่ในวาระการประชุมสภารอบนี้ (ควรตระหนักว่ากฎหมายแบนอาจจะใช้งานคู่กับการเก็บภาษีไปด้วยได้ เช่นไทยเองก็มีการเก็บภาษีเมื่อมีรายได้จากยาเสพติด)
แถลงของ Sitharaman ครั้งนี้ยังมีการปฎิรูปภาษีอีกจำนวนมาก เช่น การเพิ่มเพดานหักลดหย่อนภาษีรายบุคคล, ยืดระยะเวลาลดหย่อนภาษีบริษัทตั้งใหม่
ที่มา - India Express
Comments
หนักกว่าเก็บที่ไทยอีกนะเนี่ย (15%) ตอนแรกขาดทุนเอามาหักไม่ได้ แต่เปลี่ยนใหม่เป็นหักลดหย่อนได้ เฉพาะ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ กลต. เท่านั้น (พวก Bitkub ฯลฯ)
แปลกจัง ทำไมอินเดียถึงต่อต้านธุรกิจคริปโตหนักขนาดนี้
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ในเมื่อเป็น Decentralized ก็ควรอยู่ได้โดยรัฐบาลควบคุมไม่ได้อย่างที่หลายๆคนบอกกัน ก็อย่าเอามาแจกเปลี่ยนเป็น fiat สิครับ จะได้ไม่โดนภาษีเนอะ
รัฐเกือบทั่วโลกก็อยากต่อต้านคริปโตกันหมดนั่นแหล่ะครับขึ้นอยู่กับว่ากล้าออกตัวมาแค่ไหนก็เท่านั้นเอง แล้วอินเดียวก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ผมยังไม่เห็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ไหนที่คนของรัฐออกปากสนับสนุนนะ อย่างน้อยอเมริกาก็ยังบอกว่าไม่ดีเพราะการกินพลังงานซึ่งเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่ง แต่เพราะเป็นประเทศรากฐานมาจากความความเสรี เลยออกตัวแบบจีนไม่ได้ ดูอย่างการจะบังคับการฉ๊ดวัคซีนป้องกันโควิดก็ได้
อย่าว่าแต่อินเดียเลย หลายๆประเทศอยากจะแบนกันทั้งนั้นแค่รอโอกาศ รอเวลา ประเทศที่แบนก็มี จีน อินโด อินเดีย รัสเซีย แถวชาติยุโรปก็เริ่มที่จะสั่งห้ามโฆษณาต่างๆ
ไทยเราเองก็ยังกล้าๆกลัวๆ ถ้ามีปัญหามากในอนาคตคงได้แบนถาวรจากปัญหาของคริปโตและจากตัวผู้ใช้งานเอง
รัฐแทบทั้งโลกต่อต้านคริปโตฯ เพราะมันควบคุมไม่ได้ มีแนวโน้มสูงที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางอาชญากรรม
ไม่ว่าจะรัฐบาลประเทศไหน ถ้าเป็นรัฐบาลที่ดีก็จะให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของประเทศครับ
อะไรที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้ มันมีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงแทบทั้งนั้น เพราะงั้นก็ไม่แปลกอะไรที่มันจะถูกจับตามองครับ ส่วนจะ take action กันแบบไหนก็แล้วแต่ประเทศ บางประเทศก็แบนไปเลย บางประเทศก็พยายามทำให้มันควบคุมได้ (แต่ผมว่าถ้าไม่แคร์สายตาประชาชน ใจจริงรัฐไหนๆอยากจะแบนทั้งนั้นแหละ เพราะผมมองว่าคริปโตมันไม่มีประโยชน์อะไรกับประเทศเลย ในเมื่อแต่ละประเทศมีสกุลเงินของตัวเองอยู่แล้ว)
บ้านเราคงไม่ถึงขั้นนี้
เทียบกะไทยถือว่าหนัก
เทียบกะข่าวเก่าเขา ที่ใครยุ่งจะจำคุกด้วยถือว่าดีขึ้นมาเยอะ
ส่วนตัวคิดอย่างนี้ครับ
Cryptocurrency = Cry Paid To Order Currency
การลงทุนในหุ้น หรือซื้อ RMF ยังมีคำเตือนว่า"การลงทุนยังมีความเสี่ยง"
และเอาเงินเราไปลงทุนพัฒนาในธุรกิจมีกำไรมาจ่ายปันผลตลอดจนมูลค่าหุ้นที่ขึ้นลงตามปัจจัย
แต่ซื้อ Cryptocurrency เหมือนซื้อหวยรอเวลาและโอกาส เสมือนการพนันหรือแชร์ลูกโซ่
และมีความเสี่ยงเรื่องการปั่นและฟอกเงิน แต่รัฐไทยกับเชื่องช้าและมาตรการดูประนีประนอม
ผมเป็นห่วงจริงๆ ถ้าฟอกสบู่ Cryto แตกจะเป็นอย่างไร