หลังจากทางก.ล.ต. ออกประกาศห้ามไม่ให้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไปให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการ วันนี้ก็มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเพิ่มเติมโดยคุณสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด ก.ล.ต. และคุณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. ระบุว่าหากไม่ได้ใช้ตัวกลางเป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กำกับดูแลก็ยังคงเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะทำได้
ทั้งสององค์กรระบุถึงความกังวลว่าจะมีการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นวงกว้าง เช่น การที่ผู้ให้บริการต่างๆ นำระบบไปวางเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชำระค่าสินค้าและบริการ
อย่างไรก็ดี นอกจากผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจะไม่สามารถให้บริการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าหรือบริการเองแล้ว ตัวประกาศของก.ล.ต. ยังกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องตรวจสอบบัญชีต่างๆ ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการใช้บัญชีเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการหรือไม่ พฤติกรรมเหล่านี้ เช่น การรับสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาและขายออกทันที หรือการถอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกไปและกลับเข้ามาในอีกบัญชีในตัวเงินใกล้เคียงกัน
ทางก.ล.ต. ระบุว่าจะมีการออกเกณฑ์การใช้บัญชีที่เข้าข่ายการใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการต่อไป โดยประกาศระบุว่าผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต้องแจ้งเตือนหรือระงับบัญชีของผู้ใช้หากพบพฤติกรรมเช่นนี้
ที่มา - งานพูดคุยกับ ก.ล.ต. - ธปท. เรื่องเกณฑ์กำกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็น MoP
Comments
คือ... หมายความว่ากระดานเทรดแบบพวก Bitkub, Zipmex ทำ wallet ไปจ่ายค่าสินค้าไม่ได้ แต่ถ้าสมมุติ อย่างเช่น true wallet, dolfin, shopeepay, linepay (หรือ wallet อื่นๆ) จะรับโอนเหรียญจาก wallet ของกระดานเทรดแล้วเอาไปจ่ายค่าสินค้าแบบนี้ก็ได้รึป่าว
ถ้าบริษัทพวกนั้นรับโอนเหรียญ จะโดนข้อหาให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตแทน
นาย A โอนให้ร้านนาย B ผ่าน bitcoin ยืนรอหน้าร้าน นั่งรอ confirm 6 block ประมาณ 50-70 นาที (จะรอ 1-2 block ก็ได้ถ้ามั่นใจ แต่ถ้า revert ก็ตัวใครตัวมัน ไม่มีใครช่วย) เสียค่าธรรมเนียมไป 20% เพราะช่วงนั้นเน็ตเวิร์คแน่น แถม transaction จำนวนเงินน้อย ไร้ตัวกลาง ต่างคนต่างต่อเน็ต ยิงผ่าน bitcoin เองแบบนี้ทำได้ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ด้วยความที่มันเป็น decentralized มันมีข้อจำกัดของมันอยู่แล้วครับในเรื่อง transaction/sec จะให้ performance ไปสู้ระบบ centralized ก็คงไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการโอนยอดเงินใหญ่ๆอย่าง 1 ล้าน / 10 ล้านคงไม่เป็นประเด็น
กลับมาเรื่องยอดเล็กๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ Bitcoin มี 2 layer ที่เรียกว่า Lightning นะครับเผื่อจะยังไม่ทราบ https://themomentum.co/cryptonian-bitcoin-lighting/ ซึ่งอันนี้มันจะแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาด้านบนได้ครับ
ผมมองว่าคนเราควรมีสิทธิเลือกว่าจะใช้อะไรเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน เงินบาทมันก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมันครับอย่าง ปี 40 ก็เห็นกันมาแล้วว่าถ้าผู้เกี่ยวข้องดำเนินนโยบายทางการเงินไม่ดี มันก็กระทบเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผมมองว่าสินทรัพย์ทุกตัวมีความเสี่ยง การ diversify port เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าใน port จะมี bitcoin เพิ่มขึ้นมามันก็ช่วยกระจายความเสียงได้ดีครับ ก็เลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ ธปท ออกมาตัดแข้งตัดขาแบบนี้
แต่ตอนแรกเห็นมีคนชูเรื่องความเร็วในการโอนเงินนะครับ (ฮา) คือจริง ๆ เข้าใจแหละว่าเค้าเอาไปเทียบกับพวก batch processing มันเลยเร็วกว่า แต่พอเทียบกับ online แล้วมันเทียบไม่ได้
ครับ ก็ไปใช้ layer-2 กันเองได้ครับ ไม่ต่างกัน อย่าใช้ตัวกลางใต้กำกับ สององค์กรก็บอกว่าเป็นสิทธิ์เหมือนกัน ส่วนคนตั้ง node layer-2 จะถูกตีความว่าให้บริการในกลุ่มที่ต้องขออนุญาตไหมอันนี้คงอีกเรื่อง ยังไงก็คงไปใช้ node ต่างประเทศได้อยู่ดี
สององค์กรเขายังไม่ห้ามลงทุนครับ ถ้าคุณอยากเอามาผสมในระบบการเงินเดิมนี่มองได้ว่าเพราะไม่อยากถือความเสี่ยงเองกลุ่มเดียว อยากลากระบบการเงินทั้งระบบเข้ามาเสี่ยงด้วย
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านแล้วปวดหัว แบบนี้ถ้ามันไม่ง่าย เร็ว สะดวก ก็คงมีแต่พวก Super User นั้นแหละมั้งครับที่จะใช้
ดีครับ
“หากไม่ได้ใช้ตัวกลางเป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กำกับดูแลก็ยังคงเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะทำได้” แปลว่าเรายังใช้ crypto wallet ทั่วๆไปรับส่งเงินได้ งี้เหรอ ? แต่ๆๆก่อนจะแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ต้องผ่านตัวกลางที่กำกับดูแลอีกทีนี่ โอ้ย ทำไมยิ่งคิดยิ่งงง ติด loop ? นี่ยังไม่คิดไปถึงตอนแปลงกลับอีกนะ หรือจะให้ขังตัวเองอยู่ในสินทรัพย์ดิจิทัลตลอดไป ไม่ต้องแปลงถาวรซะเลย ?
งงสาวกเงินคริปโตล่ะครับ อยากไร้ศูนย์กลางจัด โดนตัดช่องศูนย์กลางจุดเดียวโวยเหมือนโลกสลาย
lewcpe.com, @wasonliw
คุณ lew โหดจริง 555
That is the way things are.
ถ้าเอาคำพูดนี้ ไปพูดในกลุ่มสาวกเงินคริปโต หรือนักขุดบิทคอยน์ล่ะก็ พี่ลิ่วจะได้รับการยัดเยียดจากคนในกลุ่มที่ว่ามานี้ให้เป็นสลิ่มแหงๆ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ไม่แปลกครับ เขาก็ต้องอ้างสิ่งที่ตัวเองได้ประโยชน์แม้ว่าจะต้องขัดกับวามสามารถหลักที่เขาเชิดชูแต่แรก 360 องศาเลยก็ตาม
เท่าที่ผมดูการกระทำแพทเทิร์นแบบนี้มันใช้ได้กับทุกกลุ่มที่ยึดถือในแต่ละสิ่งที่ตัวเองเชื่ออยู่แล้วด้วย ไม่ใช่แค่กลุ่มคลิปโต
หลายๆคนที่ผมเห็น ไม่ได้มีแนวคิด ปชต อะไรหรอกครับ แค่หาเงินหรือฟอกเงินแค่นั้นเอง พอไม่สะดวกก็โวยวายว่าคนอื่น กะลาแลนด์มั่ง ย้ายประเทศมั่ง
สาวกเงินคริปโตเค้าไม่เข้าใจหรอกครับว่า decentralize แท้ๆ ทั้งระบบไม่มีอยู่จริง
+1
ผมชอบคำพูดนี้ครับ "เทคโนโลยีไม่ผิด แต่คนนำไปใช้ที่ผิด"
Blockchain ดีครับ แต่ cryptocurrency นี่แปลกๆ
ตอนแรกผมได้ยินว่า crypto สร้างมาเพื่อทดสอบแนวความคิดของ blockchain เฉย ๆ ด้วยครับ คอนเซพท์มันเลยแปลก ๆ
ครับ เรียกผมเหริอครับ?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เฉลย: คนบ่นไม่ได้ถือคริปโตสักตัว ?
เหมือนสาดน้ำร้อนลงไผในฝูง...
เม้นนี้ทำผมลั่นแรงมาก 55555555555555555555555555555555555
ผิดข่าวครับ ขออภัยภูเบศร์
ถ้าผมแปลความความ "cryptocurrency" แบบนี้เพื่อนๆจะโกรธไหม?
cry = ร้องไห้
pto = pay to order
currency = สกุลเงิน
"สกุลเงินที่เราต้องร้องไห้เมื่อจ่ายตามคำสั่งซื้อ"
:O
ชอบครับ 555555