FCC หรือ กสทช. สหรัฐ เพิ่มรายชื่อบริษัทที่ถูกแบล็คลิสต์ห้ามทำธุรกรรมด้วย เนื่องจากความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ
เดิมทีรายชื่อนี้มีผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายสัญชาติจีนอย่าง Huawei และ ZTE, ผู้ผลิตกล้องวงจรปิด Hytera, Hikvision, Dahua ล่าสุดเพิ่มโอเปอเรเตอร์จีน (นับเฉพาะบริษัทนิติบุคคลในอเมริกา) 2 รายคือ China Telecom และ China Mobile รวมถึงบริษัทแอนตี้ไวรัส Kaspersky จากรัสเซีย
Kaspersky ถูกสหรัฐเพ่งเล็งมารอบหนึ่งแล้วในปี 2017 โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในตอนนั้น เซ็นคำสั่งห้ามหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐใช้ผลิตภัณฑ์จาก Kaspersky ซึ่ง Kaspersky เองก็พยายามแก้ปัญหาโดยย้ายศูนย์ข้อมูลบางส่วนออกมาจากรัสเซีย
การแบน Kaspersky ของ FCC ในรอบล่าสุด ย่อมสอดคล้องกับสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย ที่รัฐบาลสหรัฐมีมาตรการแซงค์ชันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียหลายอย่าง ฝั่งของ Kaspersky เองก็ออกแถลงการณ์ว่า "ผิดหวัง" กับประกาศของ FCC และบอกว่านี่เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ไม่มีเหตุผลด้านเทคนิคมาเกี่ยวข้อง เพราะมั่นใจในคุณภาพและความถูกต้องในผลิตภัณฑ์ของตน
ในฐานะบริษัทสัญชาติรัสเซีย Kaspersky ไม่ได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อสงครามยูเครน-รัสเซียมากนัก แม้ผู้ก่อตั้ง Eugene Kaspersky เคยโพสต์ความเห็นผ่านทวิตเตอร์ เรียกร้องให้ยุติสงครามด้วยการเจรจา
We welcome the start of negotiations to resolve the current situation in Ukraine and hope that they will lead to a cessation of hostilities and a compromise. We believe that peaceful dialogue is the only possible instrument for resolving conflicts. War isn’t good for anyone.
— Eugene Kaspersky (@e_kaspersky) March 1, 2022
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
ผมมองว่าการเมืองก็คือ "เหตุผล" ที่ดีที่จะแบนนะครับ
กรณีนี้ดูคว่ำบาตรตกกะปินะ ต่างจากตอนที่ทรัมป์แบนพอสมควร
ซื้อsubscription ผ่าน amazon แบบนี้จะโดนยกเลิกตามไหมเนี่ย
โดนแน่นอน แต่จะคืนเงินเต็มจำนวนมั้ย หรือยังใช้งานได้ต่อจนหมดสัญญามั้ย ต้องรอดูครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ค่ายนี้เคยเอาไปใช้กับงาน Server อยากจะบอกว่าลงค่ายกัดดีกว่าเยอะจริงๆ มีอย่างที่ไหนมี Threats เข้ามาแต่ไม่บล๊อกให้ เอาค่ายกัดสแกนทีเจอมัลแวร์เป็นร้อย
ค่ายกัดที่ว่านี่ ค่ายไหนครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ให้เดาน่าจะ Bit ครับ (ช่อง 2 ของ Bite ซึ่งแปลว่ากัดได้)
Malwarebytes ?
เสียงแตกครับ ?
bitdefender
WE ARE THE 99%
ก็ถูกแล้วนะสำหรับช่วงนี้ ไปเรียกร้องกับปูตินดิกล้าไหมละ
ต้นปี พึ่งซื้อ Key 2 ปีมาด้วยสิ
แนวคิดเบื้องหลังเรื่องการคว่ำบาตรจนประชาชนลำบากไปด้วยนี่เค้าหวังผลจากกลไกอะไรครับ
กดดันครับ ให้ประชาชนและบริษัทไปกดดันรัฐบาลตรงข้ามอีกที
ประชาชนลำบาก รัฐก็อยู่ไม่ได้
อีกอย่าง ช่วยให้พวก ignorance ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกเหนือจากเรื่องให้ประชาชนกดดันรัฐบาล
ลองมองในแง่ของเผด็จการ มันมีความเป็นไปได้ที่ วันดีคืนดี รัฐบาล จีน/รัสเซีย/เกาหลีเหนือ จะเรียกเจ้าของบริษัทไปพบ สั่งให้เพิ่ม backdoor ไม่งั้นยึดบริษัทเป็นของรัฐ.....
กระตุ้นให้เอกชนผลิตใช้เองครับ ลดการพึ่งพาต่างชาติในระยะยาว
ให้เจ้าของบ.ไปโวยกับท่านผู้นำไงครับ
เหมือนที่บ้านเราขนาดรัฐประหารมาแถมมีม.44 ก็ยังต้องเกรงใจผู้สนับสนุน ขนาดร่างรธน.เสร็จแล้ว พอผู้สนับสนุนโวย ก็ยังมีแก้เลย(เรื่องที่ให้เปิดเผยทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง)
เพิ่งหมดอายุเมื่อต้นเดือนมีนา ตอนนี้ซื้อ bitdefender รายปีมาใช้แล้ว
ใช้ kaspersky แล้วชอบมากมันยืดหยุ่นดี ป้องกันได้เยอะ ดู youtube ที่มีการเทส
kaspersky ก็ป้องกันได้ดีกว่า แต่บริษัทรัสเซีย ตั้งอยู่ใน Moscow ภายใต้รัฐบาลปูติน (แทบจะเหมือนกับรัฐบาลสีจิ้นผิง)
บริษัทหลายแห่งคงมีเอี่ยวกับรัฐบาลด้วยแน่ๆ เพราะถ้าไม่ยุ่งรัฐบาลคงตัดขาดหรือเล่นงาน
เลยซื้อ bitdefender มาใช้ก่อน
ใครใช้ Kaspersky Security Cloud – Free
สามารถหนีไปใช้ Bitdefender Antivirus Free หรือ Avast One Essential แทนได้นะ
ของฟรีคุณภาพดีไม่แพ้ Kaspersky Security Cloud – Free
หลังๆมา ใช้ที่ติดมากับ W11 ก็รู้สึกว่ามันเพียงพอสำหรับ PC ส่วนตัวละ
China Mobile นี่ผู้ถือหุ้นใหญ่ true นี่
ปรกตินะ เขากลัว Cyber attack จาก รัสเซียอยู่แล้ว