Etsy แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้ากลุ่มงานฝีมือ กำลังถูกผู้ค้าในระบบงัดข้อ เหตุบริษัทประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมการขายจาก 5% เป็น 6.5% จนผู้ค้าหลายพันรายในระบบทำการประท้วงด้วยการหยุดร้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ความไม่พอใจดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ. 2022 หลัง Josh Silverman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Etsy ส่งจดหมายถึงผู้ค้าในระบบ โดยเนื้อหาของจดหมายชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของผู้ค้าในระบบ และยอดขายที่มาจากทั่วโลก แต่เพื่อให้เติบโตไปมากกว่านั้น Etsy จำเป็นต้องลงทุนการตลาด และเทคโนโลยีใหม่
ดังนั้นเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว Etsy จึงมีความจำเป็นต้องปรับค่าธรรมเนียมการขายจาก 5% เป็น 6.5% ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 2022 เป็นต้นไป ซึ่งการกระทำแบบนี้ค่อนข้างกระทันหัน และสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ค้าในระบบ Etsy ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการขายของบนนั้น
จนวันที่ 11 เม.ย. 2022 ผู้ค้าบน Etsy หลายพันรายจึงร่วมมือกันหยุดร้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ พร้อมรวบรวมลายเซ็นกว่า 50,000 ชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้ค้าของ Etsy รวมอยู่ เพื่อยื่นให้ Etsy พิจารณาไม่ขึ้นค่าธรรมเนียมการขาย
Raina Moskowitz ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ Etsy ออกมายืนยันว่า ความสำเร็จของผู้ค้าในระบบคือเรื่องที่สำคัญที่สุดของ Etsy และต้องการสร้างประโยชน์ รวมถึงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อใจได้ของผู้ค้าในระบบกว่า 5.3 ล้านราย เช่นเดิม
สำหรับในประเทศไทย การขึ้นค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ถูกผู้ค้า หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบออกมาแสดงความไม่พอใจอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดคือ Shopee ประกาศเพิ่มค่าธรรมเนียมการขาย 1% กับร้านกลุ่ม Non-Mall ทุกหมวดหมู่ จากเดิมที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยให้เหตุผลว่า นำไปยกระดับระบบให้ดีขึ้น เช่นกัน
Comments
คนใน Shopee ต้องเอาบ้างละ เพิ่งขึ้นเลย
ว่าแล้วทำไมของใน Shopee ที่ซื้อบ่อยๆ มันขึ้นราคาเกือบทุกตัว ตอนแรกนึกว่าผู้ขายเขาขึ้นราคาเอง สงสัยเอาไปโป๊ะโปรโมชั่นลดขาดทุนแน่ๆ เดี๋ยวนี้หาแบบถูกไม่พึ่งโปรยาก อย่างว่าถ้าเล่นโปรมันมีลูกเล่นตอดเงินเยอะแถม boot ยอดขายเอาไว้โม้ได้อีก
ไม่เคยสังเกตุมาก่อน อยากรู้เลยว่า 1% ทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มเท่าไหร่กันนะครับ?
มัน 1% ขายไม่พอ ยังมีค่าธรรมเนียมชำระเงิน ( เหมือนแบบรูดบัตร) อีก
ใช่ๆ ไม่ควรเก็บอะไรเลย Shopee ควรเป็นการกุศลไปเลย
?
สงสัยเว็บน้ำเงินคงเป็นนักบุญแล้วหล่ะถ้างั้น
จริงๆ ขึ้นเยอะกว่านี้ก็ได้ครับ เอาซัก 10% ไปเลย ช็อปปี้อุตส่าห์ใจดีบริการพ่อค้าฟรีไม่หักอะไรมาตั้งนานแล้ว พวกไม่สำนึกบุญคุณ #ค่ายน้ำเงินถูกใจสิ่งนี้
จะประชดเพื่ออะไรอ่ะครับ
ประมาณ 30 - 100 ต่อราคาสินค้าเฉลี่ย 1000 บาทขึ้นไปครับ ถ้าไม่สังเกตุดีๆ จะไม่ทราบหรอก เพราะพ่อค้า online จะใช้วิธีตั้งราคาขายตามตัวแทนจำหน่าย และใส่เป็น % ส่วนลด ถ้าของมีการปรับราคาก็ปรับ % ส่วนลดเอาเพื่อให้ดูราคาขายไม่ได้เปลี่ยนแปลง พอดีผมเคยทำงานห้างมาก่อนเลยค่อนข้างทราบ tactic นี้ดี แล้วของที่ผมซื้อบ่อยๆ พ่อค้าเขาจะเล่นราคากันบ่อย ผมเลยใช้วิธี Add to cart แล้ว track ราคาก่อนหน้าซึ่งผมจะพอจำได้เพราะมีเป้าหมายไม่กี่ตัวว่าตัวไหนขึ้นลงบ้าง แต่สินค้าที่ผมซื้อประจำเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยนะครับ margin มันจะสูงกว่าปรกติทำให้เล่นราคาได้หลาย wave
อย่าไทยเห็น platform โชว์ยอดมีแต่ขาดทุนๆ มาหลายๆ ปี จะสู้กันไปไหนกันนะกว่าจะมีกำไร
เดี่ยวนี้ไปส่อง aliexpress ของแพงขึ้น ซื้อในไทยรวมส่งยังถูกกว่าแถมพอของถึงไทยก็ส่งด่วนๆ ไม่ต้องลุ้น ปณ. ไทย
ส่วนตัวผมซื้อของคนละแบบกันบนแต่ละแพลตฟอร์มครับ
aliexpress นี่ใช้สำหรับพวกอะไหล่กับอิเล็กทรอนิคส์ เพราะแพลตฟอร์มอื่นไม่มี อะไรแบบนี้ครับ
หลายๆอย่างเดียวนี้ Aliexpress แพงกว่า Lazada, Shopee นะครับ
พอลองมาดูเจอว่าเป็นร้านเดียวกันแหละ แต่สงสัย Aliexpress น่าจะมีค่าอะไรแพงกว่า
มันก็เป็นสูตรสำเร็จของห้างสรรพสินค้านะครับ จะร้านจริงหรือจะร้านออนไลน์ก็ตาม
ช่วงแรกก็หั่นราคาให้คนย้ายมาทำมาหากินเอาชีวิตผูกกับระบบ และเพื่อคฆ่าแพลตฟอร์มอื่น พอคนฝากชีวิตไว้กับระบบตัวเองแล้วก็ขึ้นราคา
platform แบบนี้รัฐไทยน่าจะทำเอง เป็นวิธีเอาร้านค้าเข้าระบบภาษีง่ายๆ เลย
อาจจะมีก็ได้ครับ แอปเป๋าตังค์ก็เริ่มรองรับงานต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว จะมีแพลตฟอร์มแบบนี้ผมก็ว่าเหมาะเลยครับ อะไรหลายอย่างก็พร้อมมากขึ้นมากแล้วด้วย ออกมาปีนี้ก็คงไม่แปลกใจเลย
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
แพลตฟอร์มของไทยก็มีนะครับ ถึงจะไม่เห็นโฆษณาถี่แบบสองเจ้านั้นก็เถอะ หรือที่เป็นของหน่วยงานรัฐไทยเห็นมี thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ดูไม่เหมือนเว็บขายของเลยครับ เหมือนทำมาเพื่อให้ได้ใช้งบหมดๆ ไป จะได้ไม่โดนตัด
และจะพัฒนา platform ผมว่าไม่ควรใช้ outsource น่ะครับ ให้องค์กรที่ดูแลพัฒนาเองนั้นล่ะดีที่สุด
Thaitrade เป็นB2Bครับ
สำหรับผม eCommerce B2B กับ B2C มันต่างกันแค่กระบวนการสมัคร กับวิธีคิดภาษีเท่านั้นน่ะครับ
นอกนั้นเหมือนกันทุกอย่าง
ต่างกันมากๆตรง Marketing ครับ เรื่องหลักๆเลย
เรื่องอื่นไมหนีกันเท่าไหร่
ไม่มีคู่แข่งก็แบบเนี่ย
ถ้ามีคู่แข่งไม่พอใจย้ายไปอีกเจ้าแล้ว