หลัง Diablo Immortal เริ่มปล่อยให้เล่นในอเมริกาแล้ว (บ้านเราช่วงปลายเดือนนี้) และเริ่มเห็นโมเดลการหาเงินของ Blizzard จากเกมนี้ไปบ้าง ไม่ว่าจะจากของตกแต่งหรือ perk ที่ช่วยให้การเล่นง่ายขึ้น
แต่ล่าสุด YouTuber ช่อง Bellular News ได้ลองวิเคราะห์และประเมินว่า จากโมเดลการหาเงินของ Blizzard จากเกมนี้ หากจะอัพเกรดให้ตัวละครเทพที่สุดตอนท้ายเกม ผู้เล่นจะต้องจ่ายเงินสูงสุดถึงราว 110,000 เหรียญ หรือตีเป็นเงินไทยตอนนี้ก็ราว 3.7 ล้านบาทเข้าไปเลย
โดยหลักแล้ว การเพิ่มความสามารถของตัวละครของ Diablo Immortal มี 3 แกนคือเลเวล, ไอเท็มและ Legendary Gem ซึ่งเลเวลสามารถตันได้ และหากอยากจะเก่งเพิ่มขึ้น ก็ต้องอาศัยพลังของไอเท็มและ Gem ซึ่ง Legendary Gem (ที่มีเลเวล 1-5 หายากตามระดับเลเวลที่เพิ่มขึ้น) จะดร็อปจาก Legendary Chest เท่านั้น และจะปรากฎออกมาเมื่อเราเล่นจบดันเจี้ยน Elder Rift ซึ่งต้องใช้ Legendary Rift ที่เสียเงินซื้อในการเข้าดันเจี้ยน
ที่มา - Bellular News via GameRant
Comments
มันก็คงมีคนจ่ายได้แหล่ะ ธุรกิจ Freemium ส่วนใหญ่ก็มีรายได้จากคนเล่นเพียง 20% ที่เล่นอยู่แล้ว แล้วก็มีบางส่วนก็กระเป๋าหนักพอที่จะจ่ายเพื่อเอาชนะ ลำดับของกิเลสคนมันเริ่มจากมีการงานที่ดี มีเงินมากพอที่จะปรนเปรอกิเลสตัวเอง และสุดท้ายเมื่อมีเงินมากเกินพอแล้ว ก็อยากก็มีอิทธิพล มีชื่อเสียง แล้ววิธีที่ทำให้คนมีเงินมีชื่อเสียงได้ง่ายสุดก็คือใช้เงินซื้อเนี่ยแหล่ะ ก็พบเห็นได้ทั่วไปแล้วนะในปัจจุบันที่หลายคนใช้เงินซื้อความสำเร็จ ไม่เฉพาะเจาะจงต้องเป็นเกมส์ แต่ยังไงสายฟรี สายฝืมือ ก็ต้องมี เพื่อเป็นฐานในการสร้างกิเลสให้คนมีเงินอยากไต่เต้าไปยอดปิรามิด นี่แหล่ะธุรกิจในโมเดลแบบ Freemium ใครอยากอยู่ยอดปิรามิดก็ต้องจ่าย
ยิ่งสายเกมส์แข่งรถ ต้องไปเจอรถโครตแรงโดยกำเนิดจ่ายเงินซื้อก้อนใหญ่ๆ ก็ได้มาแล้ว กับรถที่แต่งจนหยดสุดท้ายโดยใช้ไอเท็มฟรี มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเหมือนกัน ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะผมก็เป็น ผมเสียเวลาจูนรถมากกว่าเล่นเกมส์อีก 555
จะเล่นกับธุรกิจด้วยโมเดลธุรกิจแบบฝรั่งต้องเข้าใจพื้นฐานก่อน จะได้ไม่หลงทาง จะไปหารายได้กับคนที่จะชักจูงอย่างไรก็ไม่จ่าย กับคนที่พร้อมจะจ่ายไม่อั้นเมื่อเปิดโอกาส แบบไหนจะดีกว่ากัน แล้วจ่ายอย่างไรให้ดูสมจริงคนจ่ายได้ชื่อเสียง คนเล่นก็ไม่รู้สึกโกงเกินไป ยังท้าทายความสามารถ และ Balance เกมส์ไม่เสียนี่แหละโจทย์
คนเก่ง -> อยากท้าทายความสามารถตัวเอง -> ไม่จ่ายแต่จะเอาชนะด้วยฝีมือ -> เอาไปอวดเพื่อน -> กรูเก่ง
คนรวย -> อยากมีชื่อเสียง -> พร้อมจ่ายเพื่อประสบความสำเร็จรวดเร็ว -> เอาไปอวดเพื่อน -> กรูชนะคนเก่ง
สำคัญที่ Algorithm ทำอย่างไรให้ Balance การแข่งขันดูสูสี มันก็โลกมายาอย่างหนึ่งของเกมส์
ไม่มี pc หรือ console เหรอ รอ diablo4 สิ!!!
มีลง PC ครับ ทาง Microsoft คงอยากให้เอามาดัน PC Game Pass
มีใน BattleNet ฮะ ไม่เห็นมีใน MS Store เลย
น่าเสียดายนะครับ ความจริง Brand Diablo มันขายได้อยู่แล้ว เอามาลง Game Pass น่าจะสร้างพื้นที่ข่าวได้เยอะ ทำให้เกิดผลพลอยได้ตามมาได้อีกมาก
ยัง merge กันไม่เสร็จนี่ครับ ถ้า merge เสร็จแล้วก็ Microsoft ไม่มีทางพลาดหรอกครับ ซื้อมาซะแพงขนาดนั้นต้องเอาให้คุ้ม
ถ้าไม่นับเรื่องการที่ต้องใช้เงินซื้อในหลายๆ อย่าง
ผมว่าก็เป็นเกมที่โอเค เล่นเก็บเนื้อเรื่องพอเพลินๆ ระหว่างรอ D4 ได้
ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งศุลต่านบ้านเราครับ
ไม่เก่งคือเติมไม่พอ
พอดีไม่ได้เล่นเลยไม่รู้ว่า 3.7 ล้านบาทนี่คือต่อหนึ่งตัวละครหรือต่อทุกตัวละคร (มันมีกี่ตัวหว่า) คือเราเลือกเล่นได้มากกว่าหนึ่งตัวได้หรือไม่ ถ้า 3.7 ล้านแล้วอัพได้ครบทุกตัว มันก็พอจะเข้าใจได้ในระดับผู้เล่นที่รวยๆ
คนไทยเติมเก่งอยู่แล้ว ถ้าเกมดีดี
ธุรกิจ Game Cheats เติบโตตามไปด้วย
ปรากฏ
ผม ผู้ซึ่งต้อง copy ไปวางใน Word แล้วขยาย Font Size เพื่อดูว่ามันแตกต่างกันยังไง
ตาดีสุดยอด ^ ^"
แค่นี้ จิ้บๆ เจอคนไทยเติม lord mobile
หรือ rise of kingdom งบประมาณนี้เยอะมาก
เอาตรงๆ มันก็ไม่เว่อร์ขนาดนั้น ของทุกอย่างดรอปได้หมด แค่ขยันฟามหน่อยก็ได้แล้ว
ปัญหาคือคนจ่ายเงินมีอิทธิพลกับเกมมากเกินไป มันจะทำให้ F2P รู้สึกไม่มีกำลังใจที่จะเล่นด้วย (เพราะช่องว่างระหว่างผู้เล่นกว้างมาก เล่นไปก็แพ้พวกเติมอยู่ดี) แล้วโมเดลการตลาดมันร้ายยิ่งกว่านั้นมาก (เช่น เติมแล้วบังคับให้ล็อกอินตลอดจึงจะได้ของครบ) บ้านเราอาจจะเคยชินกับวัฒนกรรมการเติมเกมหนักกันมานาน แต่ตะวันตกค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้
เอาจริง ๆ ถ้าเกมมี PVP ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะมี P2W เท่าไหร่ ยิ่งเป็นเกม stat-based นี่ยิ่งหนักเลย
แต่เกมแนวนี้จะโดนรีวิวบอมบ์ก็ไม่แปลก เผลอ ๆ คนรีวิวยังไม่ทันได้เล่น แค่เห็นก็บอมบ์แล้ว (เกมยังไม่เคยเล่นจะเรียกว่ารีวิวได้อย่างไรนะ?)
Battle pass ที่ต้องเข้าเล่นรับของทุกวันมันก็โมเดลปกตินะ เพราะเกมมือถือ หลักๆคือทำยังไงก็ได้ให้คนเข้าเล่นสม่ำเสมอทุกวัน แย่ง screen time จากเกมอื่นมา หรือจำกัด resource ต่อวัน เพื่อให้เข้าเกมมาเล่นเก็บทรัพยากรทุกวัน
ซึ่งมันเป็นแบบนี้แทบทุกเกม ทำไมเพิ่งจะมาตาสว่างกับ diablo ก็ไม่รู้ อาจจะแค่ชื่อบลิซซาร์ดก็เลยตามน้ำพวกมากลากไปตามวัฒนธรรมชาวเนตยุค 2020 ก็เป็นได้
จนกว่าจะรู้ว่าเกมนี้เป็นเกม stat-based competitive RPG ที่ผู้เล่นต้องแข่งกัน เกมอื่นส่วนใหญ่ทีมี battle pass ไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้เล่นแข่งขันกันเองอยู่แล้ว และส่วนมากที่เป็นเกม competitive ก็จะมีแต่ของตกแต่ง (หัวใจสำคัญ) ของเก็บสะสมไว้เพื่อ loot box หรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ทำอย่างอื่นได้สบายลงนิดหน่อย อย่างผมเองเล่น Alchemy Stars ตัวเกมมี Battle Pass ยาวถึง 2 เดือน และของที่แจกมันมีสกินใหม่ ของช่วยฟาร์มที่แค่ลง Auto ของ 1 วันก็ได้เท่ากับ BP ทั้งเล่มแล้ว และของเปิดกาชาที่ราคาเทียบเท่าการเติมเงินหลักพัน ซึ่งมันเห็นแล้วยังไงก็คุ้มค่ามาก ๆ และมันเป็นราคาที่เท่ากับเกมเล่นแบบแอร์ไทม์พอดี
จริง ๆ แล้ว เกมอะไรก็ช่างที่ต้องแข่ง stat กันหนัก ๆ การเว้นช่องว่างระหว่างผู้เล่นสายฟรีและสายเติมเงินมันเป็นผลเสียกับผู้เล่นทั้งนั้น ที่เหลือมันแล้วแต่ว่าระดับไหนจึงจะเหมาะสม ระดับไหนที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกแย่กับระบบเหล่านี้น้อยที่สุด เกมอื่น ๆ มันไม่ได้มาแข่งสถานะกันตรง ๆ มันเลยไม่มีใครรู้สึกถึงมันมากเท่าไร (+เกมออนไลน์มีค่าใช้จ่ายการให้บริการสูงอยู่แล้ว จะให้จ่ายครั้งเดียวจบเหมือนเกมออฟไลน์คงเป็นไปไม่ได้) ซึ่งแน่นอน Diablo Immortal ทำพลาดไปแล้วที่ทำให้ผูเล่นรู้สึกได้ทันทีตั้งแต่เริ่มเปิดตัว จะไปโทษคนเห่อด่าเกม P2W มันก็ไม่ถูกต้องนัก และ Diablo เองก็ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้นด้วย
อ่านคอมเมนต์แล้ว รู้สึกว่าตัวเองเล่นเกมมือถือเยอะเกินไป จนเห็นตรงข้ามกับท่านทุกตัวอักษรเลยครับ 555556