By: lew 
on 1 July 2022 - 11:21
Tags:
Topics:
ธนาคารกลางอินเดียออกรายงานเสถียรภาพทางการเงินประจำเดือนมิถุนายน ระบุถึงสภาวะทางการเงินโดยรวมทั่วโลกที่เป็นความเสี่ยงให้ธนาคารกลางต้องดูแล โดยรายงานระบุถึงเงินคริปโตว่าเป็นภัยอย่างชัดเจน ("Cryptocurrencies are a clear danger.") เนื่องจากเป็นเป็นสิ่งมีมูลค่าจากความเชื่อ และมีไว้เก็งกำไรโดยอาศัยชื่อที่ดูดีเท่านั้น
ภายในรายงานยังระบุถึงความเสี่ยงของเงินคริปโต โดยเฉพาะ stablecoin ว่าได้รับความนิยมสูงขึ้นแม้จะยังมีขนาดตลาดไม่ใหญ่พอจะสร้างความเสี่ยงขนาดใหญ่ เพราะมูลค่าสินทรัพย์ยังอยู่ที่ 0.4% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกเท่านั้น แต่เงินคริปโตก็ถูกใช้เพื่อเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบการฟอกเงิน, การป้องกันการก่อการร้าย, การตรวจสอบผู้ถือครอง, รวมถึงการควบคุมการเข้าออกของทุน
รายงานชี้ว่าเงินคริปโตเริ่มเป็นภัยต่อเศรษฐกิจในกรณีที่ราคาตกต่ำมากๆ ก็อาจจะกระทบต่อระบบชำระเงินอื่นๆ ได้
อินเดียเป็นชาติที่ต่อต้านวงการเงินคริปโตอย่างมาก ทั้งพยายามแบนอย่างเต็มรูปแบบ และเก็บภาษีอย่างหนัก
ที่มา - Reserve Bank of India
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Cloudnone
- AWS มาไทย ย้ายเลยดีไหม อะไรยังมาไม่ครบบ้าง? | Cloudnone Ep. 23
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
Comments
"เนื่องจากเป็นเป็นสิ่งมีมูลค่าจากความเชื่อ" นี่ล่ะที่มันโคตรอันตราย
เพลงพี่ตูนต้องเข้าแล้วครัฟ
ถ้าประเทศอื่นว่าไปอย่างนะ แต่นี่คือ อินเดีย...
ผมก็สงสัยกับคนที่อวยคริปโตว่ามันดีการกว่าเงินจริงแต่สุดท้ายก็เอาหน่วยเงินคริปโตมาเทียบมูลค่ากับเงินจริงอยู่ดี
จริงปู่บัฟเฟตต์เตือนก็น่าจะจบกันแล้ว
ไปดูเม้นพูดถึง cryptocurrency ในข่าวเก่ากันครับ ข่าวนั้นอายุครบ 2 เดือนตามเดือนปฏิทินในวันนี้พอดี
ผมมองอีกมุมนะ
- เงินทุกสกุลมันก็ซื้อขายด้วยความเชื่อหนะหละครับ
ไม่ต่าง จาก ผลงานศิลปะ
- สมมติทอง กับ USD มันก็ถูกเก็บในความเชื่อว่าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของได้
แต่อย่างทอง มันมี properties มารองรับ เช่น เครื่องประดับ
อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ หรืออื่นๆ ส่วน USD พูดยาก
สิ่งค้ำประกันคือ USA กับกองกำลังทหาร
- คริปโตเคอเรนซี่ยมันยังไม่มี properties เฉพาะเหมือนทอง
เพราะ CBDC ไม่ต่างจากเชนของ คริปโตของ Non-Bank เท่าไหร่ในภาพรวมๆ
(ผมไม่พูดถึงคุณลักษณะย่อยๆของคริปโตแต่ละตัว)
- สุดท้ายก็ต้องรอดูว่าจะยังไง สุดท้าย มูลค่าคริปโตตอรรี้มันก็โดนค้ำด้วยความเชื่อ
ส่วนบุคคล/กลุ่มบุคคล รอดูปลายทาง ว่าอีก 10 ปีจะเป็นยังไง.....
"ส่วน USD พูดยากสิ่งค้ำประกันคือ USA กับกองกำลังทหาร"
ผมว่าทุกสกุลเงินก็ค้ำประกันด้วยกองกำลังทหารของประเทศนั้น ๆนะครับ
ต่างจาก เงินดิจิทัล ที่ค้ำประกันด้วยความเชื่อของคนเล่นล้วน ๆ
อยากให้หลุดจากการควบคุมของรัฐยกเว้นตอนมีปัญหาบ่นว่ารัฐไม่ดูแล
ประเทศตุรกีมีกองกำลังทหารใหญ่กว่าไทยซัก 2 เท่าได้แต่เงินสกุลของตัวเองนี่ยับยู่ยี่เลยนะครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ก็เหมือนผมพูดว่าไทยมีนายพลมากกว่าเมกาทำไม
ค่าเงินไม่แข็งกว่าเมกาหนะหละครับ
คืออย่างตุรกีมันดำเนินนโยบายผิดพลาดครับ
คือ ผมอาจจะพูดไม่ชัด
คือที่ผมอยากจะพูดก็คือ
แต่ละประเทศมันมีนโยบายการเงินเป็นของตัวเอง
มีต้นสายปลายเหตุ จากหลายๆปัจจัย เพียงแต่ประเทศ
มหาอำนาจอย่างเมกาอาจจะมีระบบที่ยูนีค สักหน่อยเพราะ
เป็นคนวางรากฐานมาตั้งแต่ WWII
เงินดอลล่าค้ำด้วยเศรษฐกิจของอเมริกา
และคงไม่มีค่าเงินประเทศไหนค้ำด้วยกำลังทหาร
เบื่อนะครับ อะไรๆก็ตู่
ผมอาจจะพูดผิดขออภัย คือต้องบอกว่ามีกำลังทหารเป็น
องค์ประกอบช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจครับ
ผมเคยฟังคลิปของ ตั๊ม พิริยะ
ผมชอบช็อตนึง (อาจจะไม่เป๊ะ)
"ถ้าสมมติ จีนไม่ได้เป็นมหาอำนาจ คิดว่ามันจะจบแบบ
อัฟกา อิรักไหม หรือถ้าเกาหลีเหนือไม่ได้มีนิวเคลียร์จะจบแบบ อิรัก อัฟฟกาไหม"
ก็คือแกจะสื่อว่า กำลังอาวุธเป็นส่วนนึงที่คอยค้ำจุนสภาพประเทศ
พอประเทศมั่นคง เศรษฐกิจมันก็ไปต่อได้ พอมันมีกำลังทหาร
มันก็จะไม่เอาลูกตะกั่วไปสาดกันมั่วให้เศรษฐกิจมันพัง
มันต้องใช้ทางอื่นในการบีบแทน
แต่เคสยูเครนกับรัซเซียอาจจะเหนือความคาดหมายหลายๆฝ่าย
ปล.ผมก็ฟังไปเรื่อยหละ พอฟังแล้วก็แหย่ๆไปหน่อยจะได้มีแรงตามข่าวบ้าง
ลบ