คณะกรรมการด้านเสถียรภาพการเงิน (Financial Stability Board - FSB) หน่วยงานให้คำแนะนำระบบการเงินนานาชาติ ที่สมาชิกหลักคือกลุ่มชาติ G20 ออกมาเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งเงินคริปโต และ stablecoin ทั้งระบบ เนื่องจากเงินคริปโตเริ่มมีขนาดใหญ่และเมื่อวงการเงินคริปโตมีปัญหาก็อาจจะกระทบไปถึงระบบการเงินในระบบได้
FSB ระบุว่านานาชาติต้องยึดหลัก "กิจกรรมเหมือนกัน, ความเสี่ยงเหมือนกัน, ต้องถูกกำกับเหมือนกัน" โดยทุกวันนี้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากไม่ได้ถูกกำกับระดับเดียวกับบริการทางการเงินอื่นๆ เช่น การจดทะเบียนหรือขอใบอนุญาตให้บริการทางการเงิน ตลอดจนมาตรการป้องกันการฟอกเงินและการก่อการร้าย
แนวทางของ FSB ที่เรียกร้องให้กำกับเงินคริปโตมีมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าตลาดโตเร็วแต่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะหากมี stablecoin ล่มสลายไปก็จะสร้างผลกระทบต่อวงการได้เป็นวงกว้าง หลังจากนี้ทาง FSB เตรียมเสนอแนวทางการกำกับดูแลเงินคริปโตให้กับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของประเทศกลุ่ม G20 ในเดือนตุลาคมนี้
ที่มา - FSB
Comments
D e c e n t r a l i z e d
เป็นบททดสอบขนาดใหญ่ (น่าจะเรียกได้ว่าสอบไฟนอล) ของวงการคริปโตครับ ว่าถึงเวลาที่รัฐบาลทั่วโลกมองตรงกันว่าต้องกำกับแบบเดียวกันกับธนาคารและบริการการเงินอื่นๆ แล้ววงการคริปโตจะทำอย่างไร
แม้จะบอกว่า decentralized แต่รัฐบาลต่างๆ ก็ไม่ต้องไปไล่จับรายเล็กรายน้อย เอาแค่กดดันรายใหญ่ๆ ที่ควบคุม blockchain แทบทุกตัว คิดสภาพ pool ใหญ่ๆ ต้องทำ KYC คนร่วมวงทั้งหมด, รับ feed แบนบัญชีไม่ให้โอนได้จากร้ฐบาล ฯลฯ แค่นี้ก็แทบไม่ได้ต่างจากวงการการเงินปกติ (ต่างกันที่เปลืองไฟ)
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าเป็น Project ที่มี VC หนุนหลัง มีผู้สร้างเป็นตัวเป็นตนทำอย่างที่คุณว่าได้แน่ครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
มันไม่ใช่แค่ผู้สร้างโปรเจคมีตัวมีตนครับ แต่ต้องเป็นผู้ใช้บริการมีตัวตน
เหมือนธนาคารที่ต้องขออนุญาต แล้วธนาคารมีภาระต้องยืนยันตัวตนผู้ใช้ทุกคน (จะกี่ล้านคนก็ตามทีต้องเช็คหมด) พวกนี้โครงการ cryptocurrency ทั้งหมดยังไม่ได้ทำ โดยระบุว่าตัวเองเป้น decentralized
แต่ถ้าโดนกำกับ ต่อให้เปิดบริการ DeFi แล้วโดนบังคับว่าต้องทำ KYC ทุกบัญชี ก็กลายเป็นบททดสอบครับว่าจะทำยังไง พอโดนบังคับจริงอาจจะไม่มีคุณค่าที่จะทำ DeFi? หรือสร้าง use case ใหม่ได้?
lewcpe.com, @wasonliw
อันนั้นเรียกว่า CeFi ครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ในแง่กำกับเขาไม่สนหรอกครับ ว่าจะ CeFi หรือ DeFi หรือจะเรียก foobar
ถ้ากฎกำกับไปถึง (ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่ถึง FSB ถึงมาเรียกร้องตามข่าวนี้) มีกระดานเทรด, มีการให้กู้, มีบริการทางการเงิน เขาก็บอกแค่ว่ามันต้องอยู่ใต้กฎเดียวกัน ถ้าให้บริการแล้วไม่ทำตามกฎ มันก็กลายเป็นบริการเถื่อน เขาก็ตามจับคนให้บริการ ทีมพัฒนาจะปิดบังตัวตนก็คงทำได้ แต่ได้ค่าธรรมเนียมมาจะเอาไปซื้อของยังไง?
แบบเดียวกับบริการหลายตัวที่ออกเป็น ICO ไปก่อนนี้ หลายประเทศตีความว่าเป็นหลักทรัพย์ ออกขายโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาก็ไม่ได้มาสนใจว่าจะเรียกอะไร
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าจะสื่อว่าถ้าผิดกฏหมายแล้วแล้วบริการพวกนี้จะหายไปผมบอกได้เลยว่าไม่หายครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เท่าที่อ่านไม่คิดว่าตั้งใจจะสื่อแบบนั้นนะครับ
อะไรที่ผิดกฎหมายแล้วหายไปเลย ? ช่วยยกตัวอย่างให้ดูหน่อยสิครับ
จะกลายเป็น decrypto currency แล้ว
ต้องการหลุดจากการกำกับของรัฐมันเป็นจุดขายไม่ใช่เหรอ
เมื่อระบบการเงินคริปโตใหญ่เกินไป รัฐต่างๆ คงไม่ยอมให้ระบบเศรษฐกิจตัวเองถูกระบบการเงินคริปโตควบคุม หรือสร้างความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจก่อน แค่ LUNA ล่มสลายรอบที่ผ่านมาก็กระทบมาบ้างแล้ว
ใช่ครับ ในกรณีนี้ถ้าโดนบีบแล้วยังยึดหลักการหลุดจากการกำกับ ก็กลายเป็นสินค้าใต้ดิน
ถึงเวลานั้นจะมีคนใช้เยอะแค่ไหน เน็ตเวิร์คต่างๆ ยังทำงานอยู่ไหม ใครจะเปิด node ได้บ้าง ก็เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ตัวเองว่าสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมา มันทนต่อการเข้ามาแทรกแซงของรัฐได้จริงไหม
lewcpe.com, @wasonliw
แหม่ ในวันที่ระบบเศรษฐกิจการเงินทั่วโลกกำลังมีปัญหา เห็นๆเลยว่ามีอยู่ค่าเงินเดียวที่แข็งโป๊ก แล้วนี่ยังมา disclaim อีก ไม่สิต้องบอกว่าพยายาม disclaim มาตลอด ถ้า crypto เกิดก็รู้ๆกันอยู่ค่าเงินไหนส่งผลกระทบมากที่สุด ที่อาจารย์ท่านหนึ่งว่าเค้าวางแผนกันมาเป็นทศวรรษสงสัยจะจริง
ยังไงนะครับ ต่อๆ
ลองติดตามอาจารย์วิทย์เลยครับแกเอาเรื่องยากๆมาเล่าให้เข้าใจง่ายมากๆ ล่าสุดแกพูดไว้ใน THE SECRET SAUCE หัวเรื่องดอลลาร์เจ้าโลก ลองติดตามแกดูครับ
ผมว่าเขาไม่ได้disclaimเพราะกลัวคริปโตจะเกิดหรอก ไม่ได้อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คริปโตทำตัวเองให้มีคุณสมบัติเป็นเงินจริงๆให้ได้ก่อนจะเทียบกับusd
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ผมว่าควบคุมไม่ได้จริงหรอกครับ เดะก็หาทางอื่นได้อยู่ดี
วิ่งในระบบคริปโตอาจจะตามยาก แต่พอต้องแลกกลับมาเป็นเงินเพื่อใช้จ่ายในระบบปรกติมันต้องแจงที่มาของเงินให้ได้ว่ามาได้ยังไง
ฉะนั้นบริษัทที่อยากทำธุรกิจด้านการชำระ หรือแลกเปลี่ยนด้วยคริปโต จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่าบุคคลนั้นเป็นใครผ่าน KYC ไม่งั้นก็ไม่มีใครทำธุรกิจด้วยหากรัฐออกข้อกำหนดที่ไปบีบบริษัทรอบข้าง
โดน ปปง อายัด-ตรวจสอบไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ ๆ
ถูกต้องครับ แต่ต้องวงเล็บว่า ถ้าคุณไม่แลกเป็นเงินจริงออกมานะ
1 BTC = 1 BTC ก็ใช้ BTC ไปเลย อะไรแบบนั้น
ถ้าโดนกีดกันในการแลกเป็นเงินตราอื่นๆหรือสินทรัพอื่นๆ ก็จบครับ ถ้าแลกกับใครไม่ได้ก็เหลือแค่แลกในกลุ่ม crypto currency ด้วยกันเอง ถ้าจะแลกเป็นแบบอื่นคงต้องแลกแบบเงินสด หรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ถ้าใช้ผ่านระบบธนาคารหรือออนไลน์นี่คงไม่ผ่าน
เห็นโปรคริปโต Influencer หลายคน
ชอบบอกว่า ถ้าเชื่อมั่นรัฐบาลได้ ถ้าเชื่อมั่นธนาคารได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีคริปโต เหมือนว่ารัฐบาลเป็นสิ่งที่เลวร้าย คอยครอบงำ คอยควบคุมอยู่ ต้องปลดแอก ต้องมีสกุลเงินกลางที่ไม่มีองค์กรณ์ไหนควบคุม
คือเรื่องเงินมันเรื่องใหญ่นะ ให้มันควบคุมติดตามได้หน่อยเถอะ หลายคนถือเหรียญไว้เยอะ ก็ผลักดัน Crypto เต็มที่ เพราะต้องทำให้มันอยู่ในกระแสตลอดเวลาให้มันเกิด
จริงๆ ตัวอย่างไม่ต้องย้อนกลับไปใกลมาก ย้อนไปต้นปีนี้ก็พอ มีศรีลังกาเป็นตัวอย่าง
กำ เบิล
จะมีกี่คนกันเชียวที่มองเป็นเงิน ทุกวันนี้เข้ามาหวังรวยกัน เทรดเอากำไร
อีกหน่อยถ้าคุมไม่ได้ก็ผิดกฏหมายไป เป็นเงินใต้ดินที่อยู่บนอินเตอร์เน็ทแถมเห็นเส้นทางการเงินด้วยนี่ แต่จริงมันก็เหมือนชิป คูปองตามศูนย์อาหาร