Aaron Davis และ Dan Finlay สองผู้ก่อตั้งโครงการ MetaMask ซอฟต์แวร์กระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยม ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกกับเว็บข่าว Vice ยอมรับข้อเสียของคริปโตว่าเป็นการพนันและแชร์ลูกโซ่
MetaMask เป็นซอฟต์แวร์กระเป๋าเงินคริปโตที่นิยมมากที่สุดตัวหนึ่ง เป็นผลงานของบริษัท ConsenSys ที่พัฒนาซอฟต์แวร์สายคริปโตหลายตัว (อีกตัวคือ Infura ที่ใช้เขียน-อ่านข้อมูลลงบล็อกเชน) ตัวของ Dan Finlay เป็นพนักงานของ ConsenSys ส่วน Aaron Davis เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ
ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนให้ข้อมูลว่าปริมาณการใช้งาน MetaMask ลดลงตามตลาดคริปโตที่ซบเซาลง (แม้เติบโตจาก 1 ล้านคนมาเป็น 30 ล้านคนภายใน 2 ปี)
Davis ยอมรับว่าการนำเงินไปซื้อคริปโตเป็นการพนัน (putting your money in cryptocurrencies is gambling) และเขาบอกว่าออกมาพูดเรื่องนี้ช้าไป เขาบอกว่าสิ่งที่พวกเรามีตอนนี้ยังไม่ใช่อนาคตของโลกการเงิน และคุณไม่ควรนำเงินเก็บทั้งชีวิตมาลงทุนในคริปโต เขามองว่าการที่คนจำนวนมากเชื้อเชิญให้คนมาลงทุนในคริปโตเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และเขาไม่แปลกใจเลยที่โครงการคริปโตจำนวนมากล้มเหลว เพราะมันเป็นแชร์ลูกโซ่ (Ponzimonics)
ส่วน Finlay บอกว่าการล่มสลายของบริษัทคริปโตในปี 2022 เกิดจากบริษัทที่เรียกตัวเองว่า DeFi แต่จริงๆ แล้วทำตัวเป็นธนาคารเงา (shadow banks) ที่อาศัยวิธี leverage (การวางหลักประกันบางส่วนแล้วกู้หรือใช้เงินเกินมูลค่า) โดยไม่โปร่งใสเรื่องข้อมูล
Finlay ยอมรับว่าไม่สามารถป้องกันให้เกิดแชร์ลูกโซ่บนบล็อกเชนได้ สิ่งที่ MetaMask ทำได้คือทำให้ธุรกรรมคริปโตปลอดภัยมากขึ้น ผู้ใช้รับทราบข้อมูลและยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น (consensual) และพยายามไม่ให้คนที่มีชื่อเสียงแย่ๆ ได้รับการยอมรับหรือน่าเชื่อถือกว่าเดิม
ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนมองว่า MetaMask ทำหน้าที่เสมือนเป็นเว็บเบราว์เซอร์ มีหน้าที่เชื่อมต่อผู้ใช้เข้ากับระบบ ผู้ใช้เองก็ต้องระวังตัวมากขึ้นด้วยตัวเองเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จะพยายามทำให้ MetaMask ปลอดภัยมากขึ้น แสดงข้อมูลธุรกรรมให้เด่นชัดและเข้าใจง่ายกว่าเดิม เพื่อแก้ปัญหา phishing ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ที่มา - Vice
Comments
เม่าควรฟังเยอะๆ น้ำเริ่มลดตอเริ่มผุด
WE ARE THE 99%
มุแง๊ อุแว๊ 🤣🤣🤣🤣🤣 ก็หน้าสั่นกันไป....
ถ้า BTC ยังไม่ลบมากกว่า 80% จากจุดสูงสุดแบบรอบก่อนๆ คนในตลาดก็คงยัง Bullish Crypto อยู๋ดี
69k ลงมา 17k รอบนี้ ลงมา 75% แล้วนะครับ
สังคมที่พวกนี้อยู่มัน echo chamber ชัดๆครับ อวยกันเอง สุดท้ายตายยกลำ เหรียญแตกไปหลายเหรียญก็ยังจะอวย น่าเวทนา
เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคลแค่นั้นครับ ไม่ต้องไปเชื่อทั้งหมดก็ได้
ฟังจากหลายๆ แหล่งแล้วประมวลผลด้วยตัวเอง มีสติเยอะๆ รู้จักจัดการความเสี่ยงด้วย เพราะต่อให้เล่นหุ้น แต่ไปกู้ยืมเงินมาเล่นก็คาที่ได้เหมือนกัน
ส่วนผมลองแล้วไม่รุ่ง บรัย
แต่เพราะโลกการเงินปัจจุบัน ที่คนบางคนในนี้บอกว่าเป็น feature นั้นผลักให้คนต้องไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสียง แล้วยิ่งนานวันก็จะโดนผลักให้ต้องเสี่ยงมากๆขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะความเสี่ยงของการอยู่เฉยๆมันก็เสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ
จากเดิมที่ว่ากันว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะเกิดทุกๆ 10ปี เปลี่ยนเป็น 5ปี ตอนนี้เหลือ 3ปีละ
ตลาดไม่ได้ผลักให้ใครมาลงทุนหรอกครับ ความเสี่ยงมันก็อยู่คู่กับการลงทุนในทุกสินทรัพย์อยู่แล้วถ้าไม่เข้าใจสิ่งไหนก็อย่าไปลงกับสิ่งนั้น
ถ้าคิดว่าเข้าใจดีแจ่มแจ้งกว่าชาวบ้านล่ะครับ
อยู่เฉยๆ ก็เสี่ยง แล้วควรไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่าอีก นี่ตรรกะมันแปลกๆ อยู่นะครับ
ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นแค่การพนันเฉย ๆ นะ
แต่พอฟังเยอะ ๆ เข้าเริ่มเห็นพวกที่มีการันตีปันผล 10% 20% ครับแชร์ลูกโซ่แน่นอน
อันนี้อาจจะต้องแยกว่ามันมีหลายประเภทมากๆ ครับ
แค่นับในสายสายเดียวอาจจะมีทั้งเหรียญหลัก เหรียญรอง เหรียญ future stable NFT DeFi play-to-earn …-to-earn ฯลฯ ซึ่งลงทุนในแต่ละส่วนเองก็ต่างกันไปราวกับลงทุนคนละอย่างเลย
หรือถ้านับพวกสายที่ไม่มี smart contract อย่าง Bitcoin เองมีเหรียญเดียวโดดๆ การันตีปันผลอะไรไม่ได้เลยนี่ก็อาจจะนับเป็นอีกเรื่องนึง
เหมารวมว่าทั้งหมดเป็นเหมือนกันก็อาจจะดูไม่ดีไปหน่อยครับ (แต่ผมว่ากระทั่งตัวที่เสี่ยงต่ำสุดในนั้นก็ยังเสี่ยงสูงแหละ)
อืม ผมอาจจะพูดห้วน ๆ ไปหน่อยแหละครับ จริง ๆ ก็มีหลายกลุ่มจริง ๆ นั้นแหละ กลุ่มที่เป็นแชร์ลูกโซ่คือพวกการันตีผลตอบแทนแหละครับ
ส่วนกลุ่ม Bitcoin เป็นกลุ่มที่ผมบอกว่ายังไม่เป็นแชร์ลูกโซ่เพราะมันไม่มีการรันตีผลตอบแทน แต่ก็อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงแบบคาดเดายากมาก
ขาลงบอกพนัน ขาขึ้นบอกอนาคต 🤣
+100000
ทุบราคากันใหญ่เลยนะ
คนโน้นเตือน cryptobros ก็ไม่เชื่อ คนนี้เตือน cryptobros ก็ไม่เชื่อ
จนสุดท้าย ตลาดเริ่มแตก แต่ cryptobros ก็ยังคิดว่ายังไปได้ต่อ
อืม...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สมน้ำหน้าครับ พวกนี้เตือนไม่ฟัง ต้องเจอกับตัว เหมืองแตก เทการ์ดจอขายกันใหญ่555+
นอกจากเรื่องราคาลงแล้วยังมีเรื่องกำหนดการเลิกใช้การ์ดจอขุดของ Ethereum ใกล้เข้ามาแล้วด้วยนะครับ เหมืองก็คงต้องเริ่มทยอยกำจัดออกบ้างแหละ
พวกพี่รับมาแพง ที่ชอบเข้าเถียงตามกลุ่มเฟชบุ๊ค
บอกว่าเหมืองไม่เกี่ยวกับการ์ดจอ
ดุด้วยพวกนี้ ชอบลากคนอื่นมาด่า