เว็บไซต์ InfoWorld ตีพิมพ์บทความจากนิตยสารในเครือ JavaWorld ฉบับปี 1996 เล่าเบื้องหลังว่าทำไม Sun Microsystems ถึงตั้งชื่อภาษา Java แทนโค้ดเนมที่ใช้ระหว่างพัฒนา Oak (ตั้งชื่อตามต้นโอ๊คที่อยู่ข้างหน้าต่างของออฟฟิศ)
ตอนแรกนั้น Sun ตั้งใจใช้ชื่อภาษา Oak อย่างจริงจัง แต่ติดว่าชื่อนี้ถูกจดเครื่องหมายการค้าโดยบริษัท Oak Technologies ทำให้บริษัทต้องมาระดมสมองตั้งชื่อกันใหม่ คนที่จัดประชุมเรื่องชื่อคราวนั้นคือ Kim Polese ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Oak ในตอนนั้น (ภายหลังไปก่อตั้งและเป็นซีอีโอของบริษัทหลายแห่ง เช่น SpikeSource และ Marimba ซึ่งขายกิจการสำเร็จทั้งคู่)
ตัวอย่างชื่อที่ถูกเสนอขึ้นมาได้แก่ Lyric, Pepper, NetProse, Neon, Ruby, WRL, WebDancer, WebSpinner ส่วนชื่อที่เข้ารอบสุดท้ายคือ Java, DNA, Silk ที่ต้องมาตัดสินด้วยการโหวต สองชื่อสุดท้ายคือ Java และ Silk
ส่วนคนที่เสนอชื่อ Java เป็นคนแรก เล่ากันว่าเป็น Chris Warth โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งที่คิดชื่อจนมึนหัว จนต้องจิบกาแฟของร้าน Peet's Coffee ร้านกาแฟชื่อดังในแคลิฟอร์เนีย แล้วพูดชื่อ Java ขึ้นมาเพราะคิดชื่ออื่นไม่ออกแล้ว
ภาพจาก Peet's Coffee
Kim Polese เล่าว่าใช้เวลาครุ่นคิดและเลือกชื่อนี้นานพอสมควร เธออยากใช้ชื่อภาษาดูแตกต่าง สนุก จดจำง่าย และเลี่ยงการใช้คำน่าเบื่ออย่าง 'net' และ 'web' ที่นิยมในยุคนั้น เมื่อได้ชื่อที่เข้ารอบสุดท้ายแล้ว เธอก็ไปทดสอบกับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ในงานปาร์ตี้ว่าชื่อไหนคนจดจำได้มากที่สุด ซึ่งชื่อ Java เป็นชื่อที่ได้เสียงตอบรับดีที่สุด
Polese บอกว่าเธอเองก็ชอบชื่อนี้ที่สุด และนำไปตั้งชื่อเบราว์เซอร์ HotJava ต่อด้วย (แทนชื่อเดิม WebRunner) และยังเล่าว่าทีมวิศวกรเสียดายชื่อ Oak อยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะคุ้นกับชื่อใหม่ Java ในระยะเวลาถัดมา
ที่มา - InfoWorld
Comments
โอ๊ก
อยู่ๆ ภาพไก่ยางสีเหลืองก็ลอยขึ้นมาในหัว
ถ้าได้ชื่อเดิมก็เก๋ดีเหมือนกันแฮะ
..: เรื่อยไป
พอภาษาโอ้ก ผมคงคิดถึงหนังเรื่อง ท่านชายโอ้กอ้าก สมัยโน้นเหมือนกัน 555 สมัยนั่นล้อรัฐบาลกันมัน สมัยนี้ลุงไม่ขำด้วย เหอๆ
📸
ถ้าภาษา จาวา ชื่อ รูบี้…