ทีมนักวิจัยแห่ง Southwest Jiaotong University ใน Chengdu ประเทศจีน ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีการยกรถยนต์ด้วยแม่เหล็กแบบเดียวกับรถไฟ maglev ให้รถยนต์วิ่งไปบนถนนที่ดัดแปลงพิเศษ โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การทดลองนี้ทำโดยการดัดแปลงรถยนต์ซึ่งหลักๆ แล้วคือการติดแม่เหล็กถาวรเข้าไปใต้ท้องรถ ร่วมกับการติดแถบตัวนำไฟฟ้าบนถนนที่ทำการทดสอบ ทั้งนี้หลักการสร้างแรงลอยตัวของรถ maglev อธิบายโดยง่ายก็คือการสร้างสนามแม่เหล็กจากตัวรถให้กระทำแรงผลักต่อแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่ติดอยู่กับพื้นถนนจนก่อให้เกิดแรงยกตัวรถขึ้นมา
ในการทดสอบนี้รถยนต์หนัก 2.8 ตัน สามารถเคลื่อนที่โดยลอยสูงอยู่เหนือผิวถนนประมาณ 35 มิลลิเมตร ทำการวิ่งทดสอบบนทางด่วนใน Jiangsu โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานขนส่งท้องถิ่น
ภาพจากวิดีโอขณะทำการทดสอบ
ผลจากการทดสอบในครั้งแรกนั้นถือว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมรถให้วิ่งได้ตามเส้นทางที่กำหนด โดยไม่เกิดอุบัติเหตุการชนหรือเบี่ยงหลุดออกจากเส้นทาง และจากการทดสอบซ้ำในวันเดียวกันสามารถบันทึกสถิติความเร็วสูงสุดของการวิงได้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทีมวิจัยได้ทดสอบซ้ำโดยใช้รถทั้งหมด 8 คันมาวิ่งบนทางด่วนที่ได้รับการดัดแปลงพิเศษเป็นระยะทางประมาณ 7.9 กิโลเมตร โดยสถิติความเร็วสูงสุดที่ทำได้จากการทดสอบคือ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การวิจัยทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบคมนาคมแบบใหม่ ซึ่งในอนาคตทางการจีนอาจพิจารณาสร้างถนนที่จำกัดสำหรับรถยนต์ที่วิ่งด้วยเทคโนโลยี maglev เป็นการเฉพาะ
ที่มา - Interesting Engineering
A #maglev vehicle technology test saw a 2.8-tonne car float 35 millimeters above the road and run on a highway in #Jiangsu, east China. A permanent magnet array was installed for levitation. pic.twitter.com/7vWc8TvJpn
— QinduoXu (@QinduoXu) September 12, 2022
Comments
วิ่งเร็วๆ แล้วระบบหยุด ดับ รถหล่นลงมาที่พืนตามปกติที่ความเร็วสองร้อย หวังว่าคนขับคงควบคุมรถอยู่
ทรงยังงั้นเปลี่ยนรถเป็น แพแบนๆติดเก้าอี้ ก็ได้มั้ง
กลัวคุมรถไม่อยู่ชนคันหน้าหรือหลุดถนนแน่นอน
ปล.แม่เหล็กถาวรราคาไม่ถูก ผลิตเยอะคงไม่ไหว
ผมว่าแนวคิดดีนะ
รถติด Maglev เวลาปกติก็ขับเอง วิ่งบนถนนปกติเหมือนรถทั่วไป วันไหนรีบก็ไปขึ้นทางด่วน ขับเข้าซอง จ่ายเงิน แล้วแม่เหล็กที่พื้นก็ดันรถไปปลายทางรวดเดียว ถึงที่แล้วก็กลับมาขับต่อ
แต่ต้นทุนจะคุ้มมั้ยนี่สิ
Elon Musk มองสิ่งนี้...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ข่าวต่อไป นักวิจัยกล่าว ยิ่งเร็วยิ่งทำให้ความเสียหายเยอะ แถมเทียบความเร็วรถยนต์รุ่นใหม่กับรถ mini 4wd
ชอบดี มีทรัพยากร มีบุคคลกร จะวิจัยอะไรก็ได้ ส่วนแร่เค้าคงมองไปที่อวกาศ ส่วนปัญหาต่างๆก็ต้องวิจัยต่อไป เชื่อว่าคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ อยากให้ไทยมีงานวิจัยดีๆแบบนี้บ้าง กลัวอย่างเดียวพวกเต่าล้านปี กลัวโน้นนี่นั้น งานวิจัยทดลองเพื่อวัดผล นำไปต่อยอด มันไม่จำเป็นต้องการความสมบูรแบบหรือความคุ้มค่าอยู่แล้วโดยเฉพาะประเทศที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆได้ทั่วโลกหรือแม้แต่ในอวกาศ
ในสายตาผม เป็นงานวิจัย "ขี่ช้างจับตั๊กแตน"
เป็นการพยายามทำให้ Maglev กลายเป็นของส่วนบุคคล
งานหวือหวา แต่ประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่า
ถ้าเป็นทางด่วนยาวๆก็อยากให้รถมันวิ่งไปเองแบบนี้เหมือนกันนะ ขี้เกียจขับอ่ะ ฮา
ผมว่าก่อนวิจารณ์เราลองปรับวิธีคิดแก้ไขปัญหาดูก่อนว่าเทคโนโลยีนี้จะแก้ไขจุดอ่อนได้อย่างไร
- ปัญหาแรกคือ การควบคุมในความเร็วสูง หากกรณีเกิดสถานะการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฟ้าดับ อันนี้ผมว่าโดยปรกติแล้ว สภาพความเป็นแม่เหล็กมันจะไม่ได้หายไปทันที แต่จะค่อยลดลง ก็ทำให้รถชลอตัวได้
- การป้องกันรถหลุดจากรางในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง อันนี้ก็อาจแก้ไขได้ด้วยทำเลนพิเศษมีกำแพงกั้น หรือไม่งั้นก็ทำให้วิ่งในท่อแบบ Hyperloop ไปเลย ก็น่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว
- การแก้ไขปัญหารถชนแบบต่อเนื่อง ปัญหานี้ก็แก้ไขได้โดยเมื่อรถยนต์เข้าท่อวิ่ง ก็ให้ศูนย์กลางเป็นผู้ควบคุมแทน โดยดึงข้อมูลปลายทางจากที่ผู้ใช้ตั้งไว้ มาใช้งาน แล้วทำงานแบบรถไฟรางเดี่ยว ที่วิ่งแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งอันนี้จีนก็น่าจะเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
- น่าจะประยุกต์สถานะความเป็นแม่เหล็กในการขับเคลื่อน เมื่อรถวิ่งผ่านขดลวดแม่เหล็กให้แปลงกลับเป็นกระแสไฟฟ้า เพื่อชาจน์รถแบบไร้สายเวลารถอยู่ในท่อวิ่ง เพื่อนำไปใช้เวลาวิ่งบนถนนปรกติ
ส่วนตัวมองว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรถ้าจะทำงานวิจัยเพื่อหาผลกระทบ สิ่งใหม่ๆ ก็มักมีแรงเสียดทานจากคนทั่วไปเสมอ เพราะถ้าพี่จีนทำได้ ก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำไปในทันที
อย่าให้ภาพหลอกเรา ลองจินตนาการดูระบบขนส่งอัตโนมัติแบบท่อ ที่รถส่วนบุคคลสามารถเข้าไปวิ่งได้ แทนที่ทางด่วนในปัจจุบัน ผมว่าหลายคนก็คงเคยเห็นในนิยายวิทยาศาสตร์ หรือว่าการ์ตูนนะ งานวิจัยนี้จะทำให้เกิดระบบขนส่งแบบนี้่ได้เลย อีกข้อดีนึงของการขนส่งแบบท่อคือ เราสามารถซ้อนท่อทั้งในแนวระนาบ และแนวดิ่งได้หลายชั้น โดยไม่ต้องเหลือ clearance มากนัก ทำให้เพิ่มความจุ หรือปริมาณรถวิ่งได้เรื่อยๆ โดยไม่กระทบท่อที่ใช้งานอยู่แล้ว
ถ้านึกภาพไม่ออก ลองดูคลิปนี้ แนวคิดนี้จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่ลองเปลี่ยนแผ่นรองรับเป็น Robot ที่ทำงานด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าดูสิ
https://www.youtube.com/watch?v=kWhr610Fjm8
ของ Elon เห็นของจริงก็แค่อุโมงค์ธรรมดาทำโชว์แค่นั้นละครับ แคบๆ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคงลำบาก
พออ่านถึงตรงนี้ "เมื่อรถวิ่งผ่านขดลวดแม่เหล็กให้แปลงกลับเป็นกระแสไฟฟ้า"
จบเลยครับ! ไม่ต้องอ่านต่อ!
แล้วแบบไหนมันถึงถูกต้องล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนี้ หลักการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็ใช้หลักการนี้ไม่ใช่หรือครับ คือใช้พลังงานกลนำไปหมุนขดลวดแม่เหล็กให้ตัดสนามแม่เหล็กเพื่อให้เกิดการเหนี่ยวนำทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า เราก็แค่เปลี่ยนไปใช้พลังงานจากการเคลื่อนที่ มาเป็นตัวปั่นกระแสไฟกลับ โดยวางขดลวดไว้ที่พื้นถนน จริงๆ มันก็มีคนทำอยู่แล้วนะครับ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และในอเมริกา ที่ใช้พลังงานจากการเคลื่อนที่ของรถปั่นกระแสกลับไปชาจน์ที่ตัวรถ มีการใช้งานจริงเป็นรถโดยสาร ลองหาใน Youtube ดู พอดีผมจบเครื่องกลไม่ได้มีความชำนาญด้านไฟฟ้ากำลัง ถ้ามีไอเดียยังไงช่วยอธิบายเป็นความรู้หน่อยครับ ผมเองไม่ค่อยชอบคนที่บอกว่าผมผิดแต่ไม่อธิบายเหตุผลซะด้วยสิ คนเราก็ไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง แต่ที่งงคือ ถ้ากรูผิดแล้วมันผิดตรงไหน จะได้ไปหาคำตอบเป็นความรู้เพิ่มเติม
อ้างอิง
อเมริกา
https://www.youtube.com/watch?v=Ucv1Xg9FhWk
เกาหลีใต้
https://www.youtube.com/watch?v=Ub1YsSAnsX8
เท่าที่ผมดูคลิปสองคลิปนั้นเร็วๆ ไม่ได้ใชโพลังงานจากการเคลื่อนที่ของตัวรถมาปั่นกระแสไฟฟ้าแต่ตัวพื้นมันต้องรับพลังงานไฟฟ้ามาส่งแบบไร้สายเข้่าไปเลยไม่ใช่เหรอครับ?
ส่วนถ้าเอาพลังงานจากการเคลื่อนที่มาแปลงนี่ไม่ต้องถึงรถโดยสารครับ รถ hybrid & EV เกือบทุกคันน่าจะมีหมด แต่แปลงเฉพาะตอนเบรคนะ
การทำงานของรถคือเราใส่พลังงานเข้าไปเพื่อให้เกิดความเร่งเป็นบวกให้รถมีความเร็วขึ้นมา
ทีนี้ตอนลดความเร็วหรือให้ความเร่งเป็นลบนี่โดยทั่วไปเราเอาเบรคไปแปลงพลังงานความร้อนทิ้งไปเฉยๆ เลย รถพวกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็เลยคิดว่าแทนที่จะเป็นความร้อนเสียไปเปล่าๆ เอาแปลงกลับมาได้สักหน่อยก็ยังดี ซึ่งมันไม่คุ้มกับพลังงานที่ใส่เข้าไปตอนเร่งความเร็วขึ้นมาอยู่แล้ว
ส่วนตัวในเคสนี้ผมว่ามันน่าจะคนละเรื่องกันครับ เรื่องลอยตัวกับเรื่องชาร์จพลังงาน แต่ถ้าบอกจะส่งพลังงานให้มันเคลื่อนที่ แล้วเอาพลังจากการเคลื่อนที่มาชาร์จพลังงานอีกทีมันไม่คุ้มครับ สูญเสียหลายต่อ เพราะมันจะกลายเป็นระบบชาร์จพลังงานพยายามเบรครถ (เพราะมันดูดพลังงานออกมา) ส่วนระบบขับเคลื่อนก็พยายามดันรถไปพร้อมกัน ตัวจ่ายพลังงานให้ฝั่งระบบขับเคลื่อนจะใช้พลังงานมากกว่าปกติ
คล้ายๆ กรณีที่เอากังหันลมปั่นไฟไปติดตั้งหน้าคอล์ยร้อนของแอร์นั่นแหละครับ
อีกอันนึงที่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่นี่ผมว่าน่าจะอันนี้
มันน่าจะหายไปเกือบทั้งหมดในแทบจะทันทีไม่ใช่เหรอครับ?
ขอบคุณครับ ผมน่าจะเข้าใจผิด เห็นขดลวดเลยนึกว่าใช้หลักการเดียวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
สนใจว่าพลังงานที่ใช้คุ้มไหม
ไม่ค่อยได้ข่าว hyperloop ธนาธร มานานล่ะ
เห็นว่าทำไม่ได้จริง แต่เป็นแผนของอีลอนมัสก์เพื่อสกัดอะไรสักอย่างของทางการ
อย่างเพ้อเลยตอนนั้น ยังทึ่งอยู่ว่ามีคนเชื่อเยอะมากขนาดนั้นเลย
ตัว Hyperloop ตอนแรกผมก็เชื่อนะว่ามันมีจริง ดูไปดูมา มัน pipe-dream มาก
ส่วนตัวคิดว่า ยังไงตรงนี้ MagLev หรือ HSR ปกติน่าจะดีกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตอนนั้น คนที่พยายามบอกว่าเป็นไปไม่ได้/ไม่คุ้ม โดนทัวร์ลงหนักมาก
35 mm, not 35 cm.
รอ Thunderf00t แหกวิธีคิดนี้ครับ อาจจะดีกว่าพื้นถนนโซล่านิดนึง แต่คิดๆไปถ้าใช้งานสักพักคงเละไม่แพ้กัน
จริงครับ พอข่าวนี้ออกปุ๊ป นึกถึงคุณ thunderf00t ก่อนเลย
+1 รอดูแหกเหมือนกัน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เหมาะเอาไปใส่มอเตอร์เวย์หรือทางด่วน ถ้าต่อยอดจนใช้งานได้จริง อาจประหยัดเวลา แถมประหยัดน้ำมันด้วย
เพราะบางคนจำเป็นต้องใช้รถต่างจังหวัดต่างเมือง ไม่สะดวกขึ้นรถไฟ
อีกกรณีหนึ่งก็คือ รถขนส่ง
สนามแม่เหล็กขนาดนั้น มีผลต่อร่างกายมั้ยครับ?
อ่านคอมเม้นท์แล้วนึกถึงสารคดีสองพี่น้องตระกูลน้องไรท์ ที่มีคนหัวเราะที่เค้าคิดสร้างเครื่องบิน
กรณีนี้ผมว่าต่างกันอยู่นะครับ เพราะเราเห็น Maglev รถไฟทำได้อยู่แล้ว การเอามาใช้กับรถก็ไม่ต่างกันมากมายมีสิ่งที่มนุษย์ research กันมาอยู่ แค่จะทำไหม ลงทุนคุ้มค่าเปล่า
นึกถึงไฮเปอร์ลูปมากกว่า แนวคิดมีมาก่อนสองพี่น้องตระกูลน้องไรท์อีกนะ
ก็วิจัย ทดลองกันไป ทำได้สำเร็จ ก็ยอดเยี่ยมเลย
ระบบแม่เหล็ก? ทุ่มทุนกับระบบขนส่งมวลชนคุ้มค่ากว่าเห็น ๆ แต่ก็นั่นแหละ จากเปลืองอยู่แล้ว กลายเป็นเปลืองกว่าเดิม
เอาหลายๆคันมาต่อกันก็จะได้รถไฟครับ :3
รถมันยังกระโดดดึ๋งๆอยุ่เลย - -"
The Last Wizard Of Century.
ควรเป็นทางด่วน maglev แบบว่า
รถธรรมดาขับเข้าไป จ่ายตังค์
มีแขนกลเอาฐาน maglev เข้ามาประกอบติดรถ แล้วเอารถไปวางบนราง
แล้วพุ่งไปตามรางข้ามจังหวัดด้วยความเร็ว >200km/s
ถึงที่หมายก็มีแขนกล ถอดฐาน maglev แล้วปล่อยให้ขับออกมา
อืมอันนี้ผมว่าน่าสนใจนะครับ แต่จริง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าก็ไม่จำเป็นต้องแขนกลอะไรเลยนะครับ ก็แค่ขับขึ้นไปบนแท่น maglev แล้วค่อยปล่อยกระแสไฟทำให้มันลอย
มันกลายเป็นต้องติดตั้งระบบ maglev บนรถยนต์ทุกคัน
ซึ่งไม่ใช่รถทุกคันจะใช้บริการนี้ ทำให้ราคารถแพงขึ้นโดยใช่เหตุ
และในการวิ่งธรรมดา รถจะเปลืองพลังงานจากการแบกน้ำหนักระบบ maglev ตรงนี้ตลอดเวลา
สู้เอามาติดให้เฉพาะตอนเข้าระบบ maglev ดีกว่าครับ
ที่เขาหมายถึงคือเป็นแท่นที่มีระบบ maglev อยู่แล้วรถแค่วิ่งเข้าไปจอดแล้วก็ล็อกล้อให้อยู่บนแท่น คือแบบนี้ใช้ง่ายแล้วก็ซับซ้อนน้อยกว่าเอามาติดตั้งที่ตัวรถอีก
คล้าย ๆ Loop tunnel ตามทฤษฎีของ TBC สินะครับ
(ที่ของจริงกลายเป็นแค่อุโมงค์ธรรมดารถวิ่งได้ทีละคัน)
ผมคิดว่าต้องทำให้ระบบล็อคให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วก่อน
ไม่งั้นได้ติดยาวแบบทางด่วนธรรมดาแน่ ๆ ครับ
ถ้าแนวคิดนี้ก็มีทำนะครับ Eurotunnel แต่แค่ไม่ได้ใช้รถไฟระบบ Maglev ในการขนส่ง
มันน่ากลัวตอนที่เกิดอุบัตเหตุนะผมว่า
That is the way things are.
นักวิจาร์ณเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนนักวิจัยเต็มไปด้วยผลงาน
แต่บางที คำถามบางอย่าง มันก็พาไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นไม่ใช่หรอครับ?
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ส่วนนักวิจัยที่ดี จะมีทั้งสองอย่าง
เหมาะสำหรับระบบจอดอัตโนมัติ ขี้เกียจไปจอด ลงแค่หน้าประตูพอ
เพลงประกอบแม่ม 5555