สัปดาห์ที่แล้ว นอกจาก สำนักงาน ก.ล.ต. รับฟังความเห็นการแก้ไขหลักเกณฑ์ซื้อขายคริปโต ต้องซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท จำกัดความเสี่ยงรายย่อย ยังมีรับฟังความเห็นอีกเรื่องที่จะแก้ไขหลักเกณฑ์ ห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลและนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่รับฝากไปให้กู้ยืมหรือลงทุน และจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ฝาก (deposit taking and lending)
ประเทศไทยเพิ่งมีกรณีของบริษัท Zipmex ที่มีบริการ ZipUp+ รับนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปลงทุนต่อ แลกกับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่สินทรัพย์ดิจิทัลที่นำไปลงทุนต่อนั้นเกิดปัญหา ทำให้ไม่สามารถนำมาคืนผู้ฝากได้
สำนักงาน ก.ล.ต. เคยระบุว่าไม่ทราบเรื่อง ZipUp+ มาก่อน และถือเป็นช่องว่างของการกำกับดูแล จึงกลายมาเป็นเหตุผลให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. ลงมติห้ามผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการ deposit taking และ lending เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
กฎเกณฑ์นี้ไม่ครอบคลุมถึงการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากเพื่อยืนยันธุรกรรม (consensus) เช่น กรณีของบล็อกเชนแบบ Proof of Stake ที่ต้องนำเหรียญไปค้ำประกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง และไม่รวมถึงการแจก airdrop ให้ลูกค้า
สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถแสดงความคิดเห็นกลับไปยัง ก.ล.ต. ได้ภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2565
ที่มา - สำนักงาน ก.ล.ต.
Comments
ทำไมห้ามละ
แค่ให้ใส่คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ห้ามดื่มเกินวันละสองขวด เด็กและสตรีมีคันไม่ควรฝสด ก็ได้มั้ง
คนไม่อ่านครับ
ทำหน้าเต็มมาขั้น
ทำช่องให้ติ๊ก
ทำตัวแดง ๆ
พวกนี้ถ้าจะไม่ห้าม ก.ล.ต. ต้องมีอำนาจกำกับดูแลครับ สามารถเข้าตรวจสอบบัญชี กำหนดเกณฑ์การนำสินทรัพย์ไปหาประโยชน์ และเงื่อนไขอื่นๆ ยิบย่อยอีกมาก
สุดท้ายอาจจะทำได้ แต่เงื่อนไขพวกนี้ต้องครบพอสมควรก่อน ถ้าเอาเร็วๆ นาทีนี้คือห้ามเลย แล้วค่อยทำเกณฑ์ตามมาถ้าอยากทำกัน
lewcpe.com, @wasonliw
อยู่ในกลุ่มกองทุน มีแต่โพสท์บ่นว่ากองทุนที่ซื้อผันผวนมาก เม้นตอบก็จะเป็นแพทเทิร์น 1. สมาชิกถามรู้มั้ยความเสี่ยงเท่าไร 2. คนโพสท์ตอบอะไรคือความเสี่ยง 3. สมาชิกถามเคยทำแบบทดสอบความเสี่ยงมั้ย 4. คนโพสท์ตอบมันเกี่ยวอะไร
🤦🏻♂️
พอเกิดปัญหาก็มาด่ากลต.นี่ไงครับ แล้วก็บอกว่าแบบนี้จะมีกลต.ไปทำไม พอจะห้าม ก็หาว่าขัดทางรวยอีก ด่าว่าเป็นไดโนเสาร์บ้าง ฯลฯ
เข้าใจว่ากลต.ประกาศห้ามทำDeFi ในexchangeไทยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่นี่ใช้ช่องโหว่ประกาศ ไปทำกับบ.ลูกที่สิงคโปร์แทนและชี้ชวนโดยตรงกับลูกค้าให้โอนออกไปเองโดยไม่โฆษณาโจ่งแจ้ง ก็เลยต้องออกคำสั่งที่รัดกุมมากขึ้น
แต่exchange ยุคใหม่นี่ไม่ค่อยโปร่งใสกันเลย เมื่อก่อนเจ้าเก่าๆ เปิดcold wallet/hot walletให้ดูตัวเลขว่าเหรียญไม่ได้หายไปไหน
อนาคตถ้าจะให้เปิดDeFi ได้ คงต้องมีการกำกับดูแลพอๆกับสถาบันการเงินปกติ ก็จะโดนด่าหาว่าไดโนเสาร์อีกไหม?
ป.ล.นึกถึงยุคทรัสต์เถื่อนฮิตๆกันเลย ไม่ต่างกัน
คิดว่า ผมกำลังสมัครบัตรเครติดอยู่ตอนนี้ ผมอ่านเอกสารการให้บริการไหมอ่า
เหมือนๆกันแหละผมว่า ใส่เข้าไป ผมก็ไม่อ่านอยู่ดี
ก็ดีแล้วนี่ครับ เวลายังไม่เกิดปัญหาทุกคนก็ชิวๆ พอเวลามีปัญหาก็ด่าคนกำกับดูแลว่าไม่ดูแล ถ้ายังไม่พร้อมก็สั่งห้ามไปก่อนเลย แล้วกรณีนี้คือ เขาใช้เทคนิคอย่างที่คุณ lew กล่าวไว้ ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงมาก เพราะกฎหมายไทยไม่มีผลบังคับใช้ไปถึงถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องจัดการห้ามที่ต้นทางไปเลย
เคส zipup อันนี้เขียนไว้ครับ แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ และถ้ากด cancle ก็ login ไม่ได้
ส่วนตัวคิดว่า ก.ล.ต. กลัวจะเจอปัญหาการเลี่ยงบาลีแบบนี้อีก
ความเสี่ยงต่างกันเยอะ ไม่ใช่ทุกการลงทุนใส่แบบนั้นแล้วจบนะครับ เค้ามีการควบคุมตามความเสี่ยงอีก บางอย่างจำกัดรายย่อยทั่วไปลงทุนไม่ได้ด้วย แล้วความเสี่ยงรับฝากมีผลตอบแทนคริปโตแบบนี้น่าจะเสี่ยงกว่าพวกนั้นอีก จะแค่แปะคำเตือนไม่พอหรอกครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มันเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต. ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อยากแสดงความคิดเห็นกับ กลต. ก็แจ้งได้ที่ "เปิดรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง" ได้นะครับ
ระยะยาวผมว่าแยกให้ชัดเจนก็น่าจะพอ คือที่ผ่านมามีคนที่บอกว่าเค้าเสียหายเพราะไม่รู้ว่ามันมีแยกเป็นสองส่วน
ถ้าแยกเป็นคนละนิติบุคคลเลย ต้องเปิดบัญชีใหม่แยกขาดจากกันก็น่าจะดีขึ้น คนที่อยากจะเสี่ยงแล้วเข้าใจดีก็ไม่น่าจะมีปัญหา
เห็นด้วยกับ กลต.
พูดกันตามความเป็นจริง DeFi นี่ความเสี่ยงที่เงินต้นจะสูญหาย มันมากกว่าการลงทุนใน หุ้นกู้ Non Rate/ไม่มีRating/Junk Bondซะอีก
ซึ่งกฎหมายของไทย หุ้นกู้พวกนี้ จำกัดเฉพาะให้นักลงทุนรายใหญ่/สถาบัน ลงทุนเท่านั้น ขั้นต่ำในการลงทุนก็สูงระดับ 5แสน/1ล้าน บาท
เห็นมีแต่คนบ่นกันเต็มเลย ห้ามทำไม ยุ่งบราๆ