หลังจากมีข่าวเจ้าของบัญชีถูกถูกมิจฉาชีพหลอกส่งลิงก์ผ่าน LINE จนกระทั่งเงินถูกโอนออกจากบัญชี 1.4 ล้านบาท ทางธนาคารไทยพาณิชย์ก็แถลงชี้แจงว่าการถอนเงินไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของธนาคาร แต่ผู้ถูกหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของธนาคาร
ทางธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่าธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความผ่านทาง SMS, อีเมล, LINE, หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสผ่านลูกค้า
แถลงของธนาคารไม่ได้บอกรายละเอียดของเหตุการณ์ครั้งนี้โดยตรง แต่แนะนำ 3 ประเด็น ได้แก่
การใช้ซอฟต์แวร์ remote desktop ตามปกติเพื่อหลอกควบคุมเครื่องของเหยื่อนั้นเป็นปัญหาที่มีต่อเนื่อง โปรแกรมยอดนิยมเช่น Team Viewer มีรายงานอยู่เนืองๆ ว่าคนร้ายพยายามหลอกให้เหยื่อลงโปรแกรมเพื่อเข้าควบคุมเครื่องของเหยื่อ ช่วงปี 2016 มีมัลแวร์แอนดรอยด์ระบาดในยุโรปโดยติดตั้ง Team Viewer QuickSupport ลงในเครื่องของเหยื่อ
ที่มา - จดหมายข่าวธนาคารไทยพาณิชย์
ภาพโดย TheInvestorPost
Comments
ในขณะที่อีกข่าวข้างล่าง Mastercard เผยผลสำรวจ คนไทยกว่า 94% เคยใช้ระบบดิจิทัลชำระค่าบริการ สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 88%
คนไทยตอนนี้ใช้เทคโนโลยีนำหน้าความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีไปแล้ว
ในขณะที่ รัฐบาลผลักดันให้ใช้ระบบดิจิตอล ชาวบ้านร้านตลาด คนเฒ่าคนแก่ คุณแม่คุณยาย มาใช้แอพเป๋าตังค์กันโครมๆ แต่รัฐกลับไม่ผลักดันการให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีซักเท่าไหร่
มิจฉาชีพแบบนี้ก็จะยังมีต่อไป และหาเหยื่อได้ไม่ยาก เพราะยังมีคนมากมายที่ใช้เทคโนโลยีได้ แต่ไม่เข้าใจมัน
อันนี้ผมเห็นต่างครับ นั่นคือคนชราหรือคนที่อายุมากๆ 55 ขึ้นไปส่วนมาก(ไม่ใช่ทุกคน)ตอนนี้ส่วนมากทำตัวเหมือนน้ำเต็มแก้วครับไม่รับอะไรเพิ่มหรือไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่มแล้วเพราะงั้น ให้ความรู้ไปไม่มีผลมากมายอะไรเลยเลย เหมือนเอาเงินไปเททิ้งมากกว่า
ผมบอกรูปแบบให้เลย อันนี้ไม่ใช่คนชราทุกคนนะที่จะเป็นแบบนี้แต่เป็นส่วนมากแน่นอน คือจะพยายามเลี่ยงเทคโนโลยี เวลาทำอะไรจะให้ลูกหลานทำให้ ผลคือเวลาทำธุรกรรมปกติลูกหลานจะทำให้ครับ
แต่ธุรกรรมที่เกี่ยวกับมิจฉาชีพมาโจรกรรม มิจฉาชีพจะเป็นคนชอนคนชราเองเลยครับว่ากดตรงไหนยังไง หมายเลขหน้าที่แสดงบนหน้าจอคือหมายเลขอะไรซึ่งมิจฉาชีพมีเวลาเหลือเฟือในการสอนแนะนำ step by step แบบละเอียดยิบ เพราะงานของเขาคือใช้เวลาเพื่อสิ่งนี้นั่นล่ะในการหารายได้
และตอนที่ทำธุรกรรมโดยมีมิจฉาชีพสอนจะเป็นเวลาที่คนชราอยู่คนเดียวครับ ผลคือเละยังไงครับ แก้ไม่ได้หรอก ยังไม่รวมเรื่องหลงๆลืมๆที่ต้องสอนใหม่ทุกรอบในการทำธุรกรรมปกติ ส่วนมิจฉาชีพเขาสอนแค่รอบเดียวแล้วดึงเงินออกไปเลยทำครั้งเดียวจบเคสต่อคนผลตอบแทนก็สูงครับ เขาเลยอ่อนน้อมกว่าให้ลูกหลานทำให้แน่นอน
สรุปคือผมเห็นปัญหาประมาณนี้ล่ะครับแต่ไม่รู่วิธีแก้แบบแบบสดใสที่ทุกอย่างจบสวย ผมนึกออกแค่ว่าเดี๋ยวมันก็หายไปเองตามกาลเวลานั่นคือคนรุ่นก่อนเราเสียไปหมดแล้วและคนรุ่นเราที่มีอัตราความรู้เกราะป้องกันเรื่องนี้พอตัวไปเป็นวัยชราแทน มิจฉาชีพจะหลอกเราได้ยากขึ้นหน่อยหนึ่งครับ ถ้าไม่มีใครเป็นโรคหลงๆลืมๆนะ และป้องกันได้เฉพาะเรื่องพวกนี้ แต่ในอนาคตก็คงมีอะไรใหม่ๆมาหลอกพวกเราตอนอยู่ในวัยชราอีกอยู่ดีนั่นล่ะครับ ถึงตอนที่แก่ชรากันแล้วก็อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแล้วแบบรุ่นปัจจุบันแล้วกันครับผม พยายามเรียนรู้อะไรใหม่ๆเข้าไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองจนตายนั่นล่ะครับ
อันนี้ คุณ Bigkung มองในแง่คนชราอย่างเดียว ซึ่งมันก็ใช่ครับ
แต่ยังมี "ชาวบ้านร้านตลาด" อีก เคสแบบนี้จะต่างไปครับ
ยกตัวอย่าง ผมเองทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งมีพนักงานหลายระดับ พนักงานเดี๊ยวนี้เค้าก็ใช้สมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว บางคนยังใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ด้วยซ้ำ และก็เข้าถึงเทคโนโลยีในการใช้จ่ายใหม่ๆทุกอย่าง ไม่ว่าจะ เป๋าตังค์ PromptPay แสกนจ่าย ซ้ือออนไลน์ แต่เชื่อไหมว่า มีคนเหล่านี้จำนวนมาก ที่ไม่รู้ปัญหาพื้นฐานและมาให้ผมแก้ปัญหาให้
ปัญหาเบสิคที่สุด คือ เปลี่ยนมือถือ ลงแอปใหม่ แล้วลืมรหัส โดยที่เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Google Account คืออะไร และไม่รู้เลยว่าตัวเองมี Account นี้ ดีไม่ดีไม่รู้จัก Gmail และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมี ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆอีก อย่าง ความสำคัญของ OTP, การ 2-Step Verification คืออะไร กลุ่มคนเหล่านี้ก็เป็นอีกกลุ่ม ที่ไม่ทันเทคโนโลยี และถูกหลอกลวงได้ง่าย
ลองไปถามเค้าก็ได้ ว่ารู้จักไหม VPN คืออะไร Remote Desktop คืออะไร ร้อยทั้งร้อยจะบอกว่าไม่รู้จัก
กลุ่มคนเหล่านี้ ตอนแรกก็มีไม่มาก และปัญหาต่างๆของเค้า ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรื่องอันตรายจากมิจฉาชีพเท่าไหร่
แต่ยุคหลังๆ ยุคที่รัฐ มีนโยบายให้คนใช้แอพสแกนคนละครึ่งในการจับจ่าย ยุคที่มีการกักตัวโควิดแล้วต้องใช้บริการ Delivery เค้าก็ค้นพบโลกใหม่ที่การจับจ่ายง่ายขึ้น (สอกคล้องกับผลงานวิจัย) เค้าก็หันมาใช้ Digital Payment กันมากขึ้น ในขณะที่ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานของพวกเขา ยังตามไม่ทันเทคโนโลยี
สองอย่างนี้ทำให้ขาดสติ
ต้องปลูกฝัง สติ ฝัง ว เอ๊ะๆ