การปลดพนักงาน Twitter เกิดขึ้นแล้วในช่วงคืนของวันที่ 4 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐ) แม้ยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการว่าปลดเท่าไร แต่คาดกันว่ามากถึง 50% (อ่านเสียงของคนถูกปลดได้จากแท็ก #TwitterLayoffs และ #OneTeam)
พนักงานที่โดนปลดส่วนหนึ่งเริ่มรวมตัวกันเพื่อฟ้องบริษัท Twitter เนื่องจากทำผิดกฎหมาย Worker Adjustment and Retraining Notification Act of 1988 (WARN Act) ของสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดว่าการปลดพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไปจะต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน
อย่างไรก็ตาม กฎหมาย WARN Act ก็มีช่องโหว่คือจำกัดการชดเชยพนักงานแต่ละคนตามค่าแรงสูงสุด 60 วัน และเสียค่าปรับให้หน่วยงานภาครัฐในแคลิฟอร์เนีย (ที่สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่) เพียงวันละ 500 ดอลลาร์เท่านั้น
การถูกฟ้องตามกฎหมาย WARN Act ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Elon Musk เพราะ Tesla ก็เคยโดนมาก่อนแล้ว (คดียังอยู่ในชั้นศาล) และตัว Elon เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นคดี "เล็กน้อย" (trivial)
ที่มา - Bloomberg, Yahoo Finance
Comments
นัวส์เลยงานนี้ ดีแล้วปลดกันตั้งแต่เริ่ม
มัสก์เห็นอะไรในทวิตเตอร์ถึงยอมทุ่มทุนยุ่งเหยิงมากขนาดนี้
โดนบังคับซื้อเปล่าครับ ไม่งั้นโดนฟ้อง ฮ่าๆ
ตอนซื้อเพราะเห็นศักยภาพใช้ปั่นเหรียญได้
พอตกลงซื้อราคาดอย ตลาดเหรียญก็วายพอดี
จะยกเลิกไม่ซื้อก็ไม่ได้
เลยมาขูดรีดทั้งจากพนักงานและลูกค้าเพื่อเอาตัวรอด 😅
กลายเป็นชะตา Elon อยู่กับ FED
ดอกเบี้ยสูง = ที่กู้มาซื้อจ่ายดอกอาน+ตลาดเหรียญซบปั่นไม่ขึ้น
ใช้ Tesla แล้วจะได้ติดยศบน Twitter
พวกเว็บมูลค่าสูงๆ เวลาจะหายมันก็หายไปเป็นลมเลยนะ เพรสะเดิมทีมันก็ไม่มีสิ่งของที่จับต้องได้ พอเจ้งจะนำซากมาขายได้
ต่างจากรถ ยังมพอมีโรงงานให้ขายต่อได้
ถ้าแพ้คดีต้องจ่ายค่าแรงชดเชยย้อนหลังเพิ่มอีก 60 วัน (น่าจะเพิ่มจาก package ที่ให้อยู่แล้ว) + ค่าปรับวันละ 500USD
ถ้าชนะไม่ต้องจ่ายค่าแรง 60 วัน
upside สูง แต่ downside ต่ำมาก
lewcpe.com, @wasonliw
ปลดได้แต่60วันเองรึ หรือมีตามอายุงานอีกก้อนนึง