ASML ประกาศแผนการก่อนประชุมผู้ถือหุ้นระบุแผนทางการเงินในช่วงสามปีข้างหน้าว่ายังคงมีการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะผู้ผลิตชิปจำนวนมากจะลงทุนซื้อเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะเครื่องผลิตชิปในกลุ่ม EUV คาดว่ายอดขายต่อปีจะเพิ่มเป็นปีละ 90 เครื่องจากตอนนี้ปีละ 60 เครื่องในปี 2025 และคาดว่าเครื่องในกลุ่ม High-NA EUV ที่จะเริ่มส่งมอบปี 2024 เพิ่มกำลังผลิตเป็นปีละ 20 เครื่องภายในปี 2027 ส่วนเครื่องยอดนิยม (mature node) อย่าง DUV คาดว่าจะมียอดขายสูงถึงปีละ 600 เครื่อง โดยสัดส่วนกำไร (gross margin) อยู่ที่ 54-56%
แนวโน้มกำไรที่ดีทำให้บริษัทมีเงินเหลือ ตอนนี้จึงประกาศเตรียมซื้อหุ้นคืนรวมเป็นเงิน 12,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 440,000 ล้านบาท กินเวลาจนถึงสิ้นปี 2025
ASML เป็นบริษัทที่อยู่ตรงกลางสมรภูมิชิประหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยที่ผ่านมามีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กดดันไม่ให้ ASML ส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปไปยังจีน แม้จะเป็นเครื่องในกลุ่ม DUV ก็ตาม
ที่มา - ASML
ภาพเครื่อง ASML EXE:5000 High-NA EUV โดย ASML
Comments
อ่านข่าวบริษัทนี้ทีไร ก็แทบไม่อยากเชื่อว่า
จะเป็นบริษัท (เดียวในโลก?) ที่ไม่มีคู่แข่งโดยตรง
อยู่คนเดียวบนยอดโดดๆ เลย😅
สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีคู่แข่งเลย ตั้งกำไรได้ขนาดนี้
iPAtS
ก็เหมือน Einstein มีคนเดียวในโลกในช่วงเวลาหนึ่งๆ (แต่เราไม่รู้ว่าห่านทองคำคนนั้นคือใครใน ASML) คนอื่นก็ต่อยอดจาก Einstein มาตลอดจนวันนี้โดยที่ยังไม่มีใครคิดทฤษฎีอะไรที่เทียบเคียงกับเขาได้อีกเลย (เอาแต่ต่อยอดกันไงครับ)
และเหมือนที่สุดก็ดูจะเปรียบได้กับ Edison มีคนเดียวในโลกในช่วงเวลาของเขาจนเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ สืบทอดมาจนเวลานี้ (แต่ความต่างก็คือ Edison เป็นห่านทองคำที่เป็นเจ้าของบริษัทเอง)
อัจฉริยะ มีอยู่จริงนะครับ อย่าปล่อยให้ "ความรู้เยอะ" ที่เรามีอยู่ในหัวของเรา บดบังให้เรามองไม่เห็นอัจฉริยภาพของคนอื่นครับ
คน "มีความรู้มาก" ในโลกทั้งหมด ใช้ชีวิตกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวจากผลงานของอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยมีมาในโลก แต่ด้วยติดกับดักความรู้เยอะ เลยลืมไปว่า อัจฉริยะมีอยู่จริง
เคยดูใน wsj คือ ASML เค้ากล้าลงทุนและฉลาดลงทุนด้วย คือไปดีลกับลูกค้าเพื่อเอาเงินทุนไปวิจัย แล้วแบ่งหุ้นให้ลูกค้าด้วย แล้วเค้ามองขาดเริ่มลงทุนก่อนตั้งแต่ตลาดชิพมันยังไม่บูมขนาดนี้ จนตอนนี้ถึงมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่น
เจ้าอื่นจะลงทุนแข่งก็ต้องลงทุนทั้งเงินและเวลา ตอนนี้เลยไม่มีใครอยากทุ่มทุนไปวิจัยหรือตั้งบริษัทแข่งมากกว่า คือในแง่ธุรกิจแล้วมันไม่คุ้ม...
ปล...อย่าว่าแต่จะทำบริษัทแข่งกับ ASML เลย ขนาดลูกค้า ASML ยังมีอยู่ไม่กี่เจ้า เพราะเครื่องแพงมากกกกก เป็นลูกค้ายังยาก จะไปทำบริษัทแข่งนี่ดูจะยิ่งยากและไม่คุ้มค่าลงทุน
บริษัทจากประเทศขนาดเล็กที่ monopoly ตลาด แม้แต่เมกากับจีนยังเอาไม่ลง
ผมว่าคู่แข่งไม่สนใจที่จะไล่ตามมากกว่าครับ