สำหรับผู้ที่ประกอบวิชาชีพในสายงานสาธารณสุขรวมทั้งผู้ที่บริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอคงพึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทุกวันนี้การบริหารคลังเลือดเพื่อใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน ทุกวันนี้ยังคงมีความต้องการรับบริจาคเลือดอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากความต้องการใช้เลือดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาปริมาณเลือดสำรองนั้นล้วนมาจากการรับบริจาคทั้งหมด แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ที่อาจมาช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนเลือดได้ นั่นคือการใช้ "เลือดสังเคราะห์"
เลือดสังเคราะห์ที่ว่านี้เป็นผลงานจากโครงการ RESTORE ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย 3 แห่งในสหราชอาณาจักรร่วมด้วย National Health System Blood and Transplant (NHSBT) เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดสำรองในคลังโดยใช้สเต็มเซลล์ของมนุษย์มาเพาะเลี้ยงสร้างเป็นเลือดสังเคราะห์
นักวิทยาศาสตร์จะใช้เลือดจริงที่ได้รับจากผู้บริจาคประมาณครึ่งลิตรมาสกัดแยกเอาสเต็มเซลล์ออกมาด้วยการใช้ magnetic bead โดยจะได้เซลล์มาประมาณ 500,000 เซลล์ หลังจากนั้นเมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 3 สัปดาห์สเต็มเซลล์เหล่านั้นจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนมีจำนวนราว 50 พันล้านเซลล์ โดยจากบรรดาเซลล์จำนวนมากมายเหล่านั้นจะได้เซลล์ที่มีคุณลักษณะเหมาะแก่การถ่ายเข้าสู่ร่างกายคนราว 15 พันล้านเซลล์ และเซลล์เหล่านี้เองคือเลือดสังเคราะห์ที่ถูกกล่าวถึงในตอนต้น
ทีมนักวิทยาศาสตร์โครงการ RESTORE ได้นำเอาเลือดสังเคราะห์ที่ได้ไปถ่ายเข้าสู่ร่างกายคน 2 คนซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่ละคนได้รับเลือดสังเคราะห์ 5-10 มิลลิลิตร ซึ่งก็ไม่พบปัญหาหรือผลข้างเคียงใดๆ จากการถ่ายเลือดสังเคราะห์นี้ โดยหลังจากนี้จะมีผู้เข้าร่วมโครงการที่จะรับการถ่ายเลือดสังเคราะห์อีกอย่างน้อย 8 คน โดยจะได้รับเลือดสังเคราะห์หลังจากที่ได้รับการถ่ายเลือดจริงอย่างน้อย 4 เดือน ซึ่งการเว้นช่วงเวลานี้เพื่อให้นักวิจัยสามารถเปรียบเทียบอาการต่างๆ ระหว่างการรับเลือดจริงและเลือดสังเคราะห์ได้
ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์จะทำการติดตามเซลล์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นด้วยธาตุกัมมันตรังสีอ่อนๆ เพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าเมื่อเซลล์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นถูกถ่ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
การวิจัยทดลองสร้างเลือดสังเคราะห์นี้จะมีประโยชน์ในการเสริมคลังเลือดโดยเฉพาะหมู่เลือดที่หายากและมีปริมาณขาดแคลน อย่างไรก็ตามการรับบริจาคเลือดจากผู้คนยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอยู่ เพราะการเพาะเลี้ยงเซลล์สร้างเลือดสังเคราะห์นั้นมีตุ้นทุนสูง อีกทั้งใช้เวลานานกว่าจะได้เลือดที่พร้อมใช้
ที่มา - ExtremeTech, NHSBT
Comments
โนเบลแน่นอนด็อคเตอร์มอร์เบียส
เพื่อให้เข้าใจได้
เข้าสู่ร่างกาย
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
การทำแบบนี้ได้ก็ทำให้้คนเสื่อมสภาพช้าลงด้วยไหม
ขั้นต่อไปก็สร้างเลือดเทียมที่มีประสิทธิภาพกว่าเลือดปกติ ใกล้ได้กลายเป็น X-MEN ละ
เปิดฟาร์มสร้างเลือดสังเคราะห์ น่าจะเป็นอีกธุรกิจในอนาคต หากผลการวิจัยสามารถนำมาใช้งานได้จริง ต่อไปคงมีตู้ถ่ายเลือดตามร้าน Mini Mart 555 จริงแล้วอัตราการเพาะเลี้ยง และระยะเวลาถือว่าใช้ได้แล้วนะในเชิงพาณิชย์ถึงแม้จะเป็นแค่ในช่วงวิจัย
ก้าวสำคัญเลยนะเนี่ย
..: เรื่อยไป
ต่อไปก็อวัยวะภายในเช่นกระเพาะเทียน ตับเทียน ไตเทียม ยิ่งถ้าเป็นหัวใจเทียมนี่ จะสุดยอดไปเลย
อ่านเม้นนี้แล้ว มันแว๊ปเข้ามาในหัว…. สมองเทียม!!
ไม่นานมานี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับ lab-grown brain นะครับ แต่ว่าไม่ได้เอามาเขียน
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
พลเมืองชาวเยรู
ผมว่าถ้าสามารถเพาะปลูกสมองใหม่แล้วสามารถผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายใหม่ได้ ก็จะแก้เรื่องสมองเสื่อมและสมองตายได้เลยนะ
แต่ติดที่จะโอนถ่ายข้อมูลในสมองเก่าไปสมองปลูกถ่ายใหม่ยังไงมากกว่าเนี่ยสิ เพราะมันไม่ใช่ PC ที่เสียบ USB โอนข้อมูลได้เลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ในมุมมองของคนที่มองคนโดนถ่ายโอนข้อมูลล่ะก็จะดูเหมือนว่าเป็นการย้ายข้อมูลจากสมองหนึ่งไปอีกสใองหนึ่งครับ แต่ถ้าในมุมมองคนถูกย้ายก็คือจุดจบอยู่ดีครับ แค่คนความจำเสื่อมยังกลายเป็นคนละคนได้เลยครับ เพราะงั้นตัวตนไม่น่าจะมีอยู่จริงสำหรับชีวิต อย่างที่พระพุทธเจ้าบอกตัวตนเราไม่ใช่ของเรา
ถ้ายกตัวอย่างที่คุณเรียกว่าการโอนข้อมูลใน USB ไปลง PC มันก็คือ การ copy ไปนั่นล่ะ ส่วน คำสั่ง move มันคือการ copy ไปก่อนแล้ว delete ข้อมูลที่อยู่ในตัวเก็บข้อมูลเก่าทิ้งครับแค่นั้นเลย
ถ้าอ้างอิงการทำงานแบบนี้ราก็สิ้นชีพอยู่ดีครับแค่มีตัวก็อบปี้ของตัวเองใช้ความทรงจำล่าสุดของเราแล้วดำเนินชีวิตต่อไปแทน สรุปคือถ้าเพื่อคงความรู้ของคนนั้นให้อยู่แต่พัฒนาต่อไปก็ใช่ครับ แต่ถ้าเพื่อชีวิตอัมตะนี่ไม่น่าจะใช่ครับ
เป็นปัญหา Ship of Theseus ครับ ทำไปทำมา กลายเป็นมี 2 คน 😂😂😂
iPAtS
ผมอยู่ในฝั่งที่คิดว่าตัวเองในตอนนี้กับวินาทีที่แล้วก็เป็นคนละคนกันครับ แค่ความทรงจำมันช่วยเชื่อมบางส่วนแล้ววงจรสมองที่เป็นวงจรเกือบเหมือนเดิมก็เลยยังรักษาความต่อเนื่องได้จนเหมือนเป็นคนเดียวกัน
เพราะงั้นเคสการ move หรือ copy ข้ามร่าง ผมไม่ติดอะไรทั้งนั้น 😂
นึกถึงหนัง The Prestige เลยครับ 😅
นึกถึงหนังเก่าเรื่องหนึ่งชื่อ The 6th Day ของ Arnold Schwarzenegger เลย
ฉากที่ว่า https://www.youtube.com/watch?v=w2-vJMcv0pA
Neural Link ไงครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แทบจะชุบชีวิตคนที่นอนใน Cryonics capsule ใด้เลยนะเนี่ยถ้าพัฒนาการผลิตไปสู่เกล็ดเลือด,เม็ดเลือดขาวต่อใด้อีก
แบบนี้ก็ทำเลือดกรุ๊ป NULLL ออกมากรุ๊ปเดียวพอ ใช้ได้กับมนุษย์ทุกคนทั่วโลก ไม่ต้องแยกกรุ๊ปให้ยุ่งยาก จะกรุ๊ปอะไร + หรือ - ก็แทนได้หมด แต่ไม่รู้จะหาตัวอย่างได้ไหม เพราะคนกรุ๊ปนี้มีไม่ถึง 100 คนบนโลก