Platformer รายงานพนักงานของ Twitter หลายรายถูกไล่ออกเพราะวิจารณ์หรือล้อเลียน Elon Musk ทั้งผ่านทาง Slack ของบริษัทและทั้งที่โต้แย้งและถกเถียงกับ Musk บน Twitter
ตัวอย่างเช่น Nick Morgan อดีตวิศวกรซอฟต์แวร์หัวหน้าทีม Twitter Service โพสต์รูปภาพที่แคปจากอีเมลที่บริษัทส่งมาตอนกลางคืนว่าเขาถูกปลดออกโดยมีผลทันที เพราะมีพฤติกรรมที่ละเมิดนโยบายบริษัท เขาโพสต์ใน Twitter ว่าเขาเชื่อว่าตัวเองถูกไล่ออกเพราะไม่ได้แสดงความจงรักภักดีเต็มร้อยใน Slack (“not showing 100% loyalty in slack.”)
ส่วน Sasha Solomon วิศวกรซอฟต์แวร์หัวหน้าร่วมของทีม Core API เผยว่าเธอลูกไล่ออกเพราะล้อเลียน (“shitposting”) Musk นอกจากนี้ Jesse Feinman ที่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์เช่นเดียวกันก็เผยว่าตนเองก็ถูกไล่ออกเพราะล้อเลียน Musk เหมือนกัน ส่วนบัญชี Twitter @nickrw ก็เผยว่าตนเองถูกไล่ออกหลังทวิตวิจารณ์ Musk
ตอนนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีพนักงานที่วิจารณ์และล้อเลียนซีอีโอถูกไล่ออกไปแล้วกี่คน แต่ Platformer คาดว่าน่าจะราว 20 คนแล้ว
ก่อนหน้านี้ Musk ก็เพิ่งจะไล่ Eric Frohnhoefer และ Ben Leib ออกหลังจากที่ทั้งคู่มาทวิตโต้แย้งและเถียงกับ Musk
ที่มา: Gizmodo
Comments
ทำตัวเป็น boss อย่างเดียว ใครไม่ถูกใจก็ไล่ออกกันเป็นว่าเล่น
เฮ้อ...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มีหัวหน้าใจเปราะบางพันนี้ ทนายคดีแรงงานช่วงนี้คงรวยส์น่าดูว์
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ลองคิดว่า เอาลุง ไปเป็นหัวหน้าพรรค ก้าวไกล
หรือเพื่อไทย ดูครับ พรรคแตกแน่นอน
เละเป็นโจ๊กหมู ไส้ไข่ ไม่ใส่ขิง ไม่ใส่ถุง ไม่กินแล้ว
ผมว่าเหมือนลุงข้างบ้านที่ใครคอมเม้นอะไรไม่ได้โดนจับหมด
แต่ต่างกันอย่างเดียวคือเรื่องผลงานนะคือคนนึงเปลี่ยนโลกไปอนาคต อีกคนพาย้อนเวลา
ต่างกันอีกอย่างครับ คนนึงเป็นเจ้าของบริษัทเค้าจะไล่คนออกก็ได้ อีกคนนึงไม่ใช่เจ้าของอะไรเลยนะ
อีกอย่างนึงคืออย่างน้อยคนนึงก็ฉลาดมีความรู้กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเลย
รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในยุคมืดของ Twitter เลย
ไหนว่า free speech ไง
ก็ไม่ได้แบนไอดี twitter นะ แค่ไล่ออกเอง อยากพูดอะไรต่อบน twitter ก็ได้
ผมเฉยๆนะ องค์กรทั่วไปก็เป็น แต่จะเนียนกว่านี้ ด้วยการกดดันให้ลาออกเอง
Elon : ทำตัวเกรียน ให้พนักงานลาออก จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ดีกว่า
พนักงาน : ทำตัวเกรียน ให้ Elon ไล่ออก จะได้มีค่าชดเชยดีกว่า
... 🤔🤔😅
ไล่ออกไม่มีค่าชดเชยนะครับ
ไล่ออกไม่มีค่าชดเชย คือ ต้องทำผิดกฎบริษัทชัดเจนตามที่กฎหมายคุ้มครอง
ถ้าไล่ออกแบบนี้ ผมว่าระบุความผิดตามกฎบริษัทยากนะ น่าจะนับเป็นไล่ออกแบบมีค่าชดเชย
การไล่ออก ปกติต้องชดเชยตามอายุงาน ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดนะ
ถ้าทำผิด/เกิดความเสียหาย จนโดนไล่ออก ถึงจะไม่มีค่าชดเชย
แต่ลาออกนี่ ไม่มีค่าชดเชยใดๆ คือ ออกแบบมือเปล่า ไม่ได้อะไรเลย
เว้นแต่มีสัญญาพวกเงินสะสม
นั่นคือสาเหตุที่ตำราบริหารมืด ถึงหาทางบีบ/หลอกให้คนลาออกเอง
เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตรงนี้
มีลูกน้องบริษัทที่ไหน ล้อเลียนหัวหน้าแล้วไม่โดนเด้งบ้าง ?
ล้อเลียนไม่ได้ ?
หน้าบางจริง
ผมว่าไม่แปลกนะ ลูกน้องที่ว่าไม่ใช่คนที่ elon เลือกมาเอง
ถ้ากลิ่นมันเข้ากันไม่ได้ การแยกทางกันก็ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
จริงๆชัดเจนแบบนี้ก็ดีนะครับ ถือว่าวัดใจเลยว่าอีลอนส์จะพาทวิตเตอร์ไปต่อในแบบที่ต้องการได้มั้ย
พนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของแก คงต้องหางานที่อื่นไปก่อน
..: เรื่อยไป
ยังช้ากว่า Discord Yandere พอสมควรครับ
หมายความว่ายังไงครับนี่ เรื่องดิสคอร์ดเนี่ย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เห็นเม้นเข้าข้าง พนักงานเยอะนะ ชอบกันเหรอให้คนอื่นล้อเลียน
เอาดีๆ เคยโดนล้อแล้วสนุกเหรอ
ถ้าคุณมีอำนาจ ผมว่าคนที่ล้อพวกคุณๆก็ปริว อย่ามาทำเป็นใจกว้างเลย
กำลังหาเม้นแบบนี้เลย โดนพนักงานแอบไปล้อเลียนแล้วไม่จัดการ เขาเรียกว่าควายครับไม่ใช่ใจกว้าง พนักงานดีๆถ้ามีปัญหาเขามีแต่เข้ามาพูดตรงๆ
ไม่ชอบวิธีการจัดการคนที่ล้อเลียน ≠ ชอบการล้อเลียน
แยกแยะให้ออกครับว่าคอมเมนต์ที่คุณว่าเขาอยู่ฝั่งไหนกันแน่
จัดการลูกจ้างที่ล้อเลี้ยนนี่ต้องมีวิธี หรือชอบไม่ชอบอีกเหรอครับ
ไม่ฟ้องหมิ่นประมาทก็บุญแล้ว
ไม่งั้นก็โดนเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ค่าชดเชยบานนะครับถ้าลูกจ้างชนะขึ้นมา
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
มีเงินพอจ่ายสำหรับการให้คนออกได้อีกหลายๆ คนครับ
และมีเวลา และมีเงินสำหรับให้ทนายไปขึ้นศาล
ถ้าพนักงานแบบนี้ หากผมเป็นเจ้าของ บ. ผมก็คงใช้วิธีที่ไม่ต่างจาก Musk
ทำไมจะมีไม่ได้ล่ะครับ ก็วิธีการจัดการมันก็มีหลายวิธี ผมก็ไม่ได้ชอบการล้อเลียน แต่ก็ไม่ได้ชอบวิธีการที่เอะอะก็ไล่ออกอย่างเดียวเหมือนกัน ผมไม่สามารถที่จะคิดแบบนี้ได้เลยเหรอครับ?
คือผมเห็นแค่คอมเมนต์ไม่เข้าข้างมัสก์เท่านั้นเองนะ ไม่เห็นคอมเมนต์เข้าข้างพนักงานเลยซักคอมเมนต์ แต่บางคอมเมนต์นี่คือยัดเยียดไปว่าเข้าข้างพนักงานไปแล้ว แถมไปว่าเขาเป็นคนชอบล้อเลียนหรือถูกล้อเลียนอีก ทั้งๆที่บางทีเขาก็แค่อาจจะไม่ได้เข้าข้างทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้นเอง
มันก็เหมือนกับตอนดราม่าวิลล์สมิธตบหน้าคริสร็อคนั่นแหละครับ ที่คนที่ไม่เห็นด้วยการตอบโต้ของวิลล์สมิธก็ถูกยัดเยียดว่าเป็นพวกชอบหรือเห็นด้วยกับการล้อเลียนเหมือนกันนั่นแหละ
ปล. ไม่ต้องไปแตกประเด็นเรื่องทำร้ายร่างกายกับไล่ออกนะครับ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อ ที่ผมอยากจะสื่อคือการยัดเยียดคนที่คิดต่างไปอยู่อีกฝั่งครับ เพราะงั้นถ้าแตกประเด็นเรื่องทำร้ายร่างกาย vs ไล่ออกผมขอไม่คอมเมนต์ต่อนะครับ
"เผยว่าเธอลูกไล่ออก" >> ถูกไล่ออก
ถ้าให้เปรียบเทียบคือ เหมือนกับเลือกตั้งใหม่แล้วคนเก่าอยู่ไม่ได้โดนเด้งออกหมด เชื่อว่าอนาคตทิศทางเปลี่ยนไปจริงๆ แต่ไม่รู้จะออกมาทางไหน รู้แต่ว่าสุดท้ายคนที่อยู่ได้คือคนขยันแน่ๆ บริษัทก็น่าจะเติมโตได้เพราะเหลือแต่คนทำงาน
เคยได้ยินการปลดแบบกระทันหันแบบนี้มาบ้าง แต่เข้าใจมากขึ้นก็จากเคส Twitter นี่แหละ คือจะปลดก็ปลดก็เลยไม่ต้องมีสัญญาณ ไม่ต้องเรื่องเยอะ ไม่ต้องคุย ตื่นมาเช้าก็งานหายไปแล้ว จำนวนก็ไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย
ส่วนเรื่องอื่นที่ตามมาก็คงคุยกันด้วยกฎหมายทั้งฝั่งของบริษัทและฝั่งของอดีตพนักงาน
ต้องดูด้วยถ้าทำเป็นจำนวนมากๆ นี่หัวหน้าก็น่าจะพิจารณาด้วยเพื่อเกิดเพราะอะไรไม่ใช่เอาแต่ไล่ออกลูกเดียว
บริษัทจะล่มเพราะความอีโก้จัดแบบนี้แหละ ต่อให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และผู้ใช้พอใจก็ตาม
ใครที่ด่าอีลอน ลองเปิดกรุ๊ปไลน์ด่าceoบริษัทตัวเองให้ดูหน่อย
สถานการณ์แนวนี้ผมเคยเจอกับตัวเองครับ
ผมเคยเจอหัวหน้าส่งอีเมลหาทั้งทีมต่อว่าว่าโค้ดที่ผมเพิ่งแก้ไปมันทำให้โปรแกรมแครชได้ในบางสถานการณ์ ผมสวนกลับด้วยการตอบหาทั้งทีมเหมือนกันว่านี่คือหลักฐานว่าโค้ดทั้ง 2 แบบ compile ออกมาแล้วเหมือนกันทุกประการแบบ byte-to-byte ช่วยยกตัวอย่างให้ดูหน่อยว่ามีสถานการณ์ไหนบ้างที่โปรแกรมที่เหมือนกันทุก byte ตัวนึงจะใช้ได้แต่อีกตัวนึงจะแครช ผ่านไปแป๊บเดียวผู้จัดการมาเรียกผมและหัวหน้าคนนั้นไปคุยแล้วถามผมว่าทำไมไม่ไปคุยกันดี ๆ ส่วนตัว ผมก็ตอบว่าตอนเค้าต่อว่ามาก่อนเค้าเลือกที่จะตะโกนบอกทั้งทีมแล้วจะให้ผมไปตอบเค้าแบบเงียบ ๆ กันสองคนได้ยังไง
อันนี้น่าจะคนละเคสกับข่าวนู้นที่ทวีตตอบโต้กันนะครับ
สำหรับคนที่คิดว่าทำไมพนักงานถึงมาเถียงในที่สาธารณะครับ Elon เองก็มีทางเลือกที่จะไปคุยเป็นการภายในแต่เลือกที่จะเปิดประเด็นในที่แจ้งก่อนแล้วอีกคนก็เห็นว่ามันเป็นข้อมูลที่ไม่จริงก็เลยต้องตอบในที่แจ้งเหมือนกัน
บางคนเค้าไม่เข้าใจว่า กำลังลุยกับเจ้าของบริษัท ไม่ใช่ลูกจ้างที่แค่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดเหมือนเมื่อก่อน
ว่าแต่รอบนี้ตาแจ๊คไม่ออกมาพูดอะไรหน่อยเหรอ?
เจ้าขบริษัทก็นายจ้าง (คงไม่ต้องยกฎีกานะ) นะครับ ถ้าเหตุในการเลิกจ้างไม่เป็นไปตามกฎหมายก็เตรียมตัวโดนฟ้องเท่านั้นเอง
ส่วนตาแจ็กคงสาละวนกับ BlueSky อยู่มั้งครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ดีที่เขาไล่ออก ไม่ฟ้องหมื่นประมาทก็บุญโข่แล้ว แปลกใจคนเข้าข้างพนักงานสงสัยบูลลี่นายจ้างจนเป็นนิสัย
มีใครสร้าง social ใหม่มาแข่งยัง 😂
ตรรกะคนผิดเพี้ยน มันก็สื่อกออกมาเป็นการกระทำ เป็นคำพูด
ถามจริงว่า การล้อเลี้ยน มันเกิดประโยชน์ยังไงครับ ผมเห็นแต่ข้อเสียของมัน (ยกเว้นล้อเลียนแบบเล่นสนุกกับเพื่อน)
ยิ่งเคสนี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไปล้อเลียนเจ้าของบริษัท
มันสื่อว่าคุณมีปัญหา แต่เลือกที่จะสื่อหรือแสดงออกแบบผิดๆ โดยที่ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ แถมยังเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่
และเคสนี้ Musk คงไม่เสียเวลาเรียกมาคุยด้วยครับ ไอคิวคนนี้เขาไม่ได้ระดับไอคิวหลักสิบ
พนักงานแบบนี้คือ logic มันเพี้ยน, เป็นวิศวะกรฯ เสียเปล่า
ยิ่งสถานะการณ์ที่เขาต้องการลดคนด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปเสียเวลาคัด
เค้าอาจจะเกลียด Musk กับนินทากันเป็นปกติกันมาก่อนหน้านั้นแล้วครับ อย่าลืมว่าวัฒนธรรม Twitter กับ Musk นั้นแตกต่างกันครับ ผมเข้าใจว่าคนที่กล้าทำแบบนั้นเค้าไม่แคร์นะว่าจะถูกไล่ออก ยิ่งนโยบายใหม่ๆของ Musk ต่อพนักงานอีก
ส่วนเรื่องเจ้าของบริษัท พนักงานก็คงบอกว่าไม่เคยมอง Musk เป็นเจ้าของบริษัทหล่ะมั้งครับ อยู่ๆเขาก็มาเอง เปลี่ยนแปลงอะไรเองแบบงงๆ ทำบริษัทเข้าขั้นแย่จนผลกระทบหล่นไปอยู่กับกลุ่มพนักงาน(lay off/overwork) ถ้าด่าจนโดนไล่ออกก็ไม่สนอะไร เพราะยังไงก็อยากจะลาออกอยู่แล้วอยู่ดี
ต้องตามว่า IQ หรือความเก่งด้านไหนครับ ถ้าเรื่องความรู้ความสามารถเชิงเทคนิคหรือ innovation นี่คงไม่ใช่ แต่ถ้าความสามารถในการหาเงินหรือลงทุนเนี่ยใช่ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นิสัยเดียวกับพวกพนักงานออฟฟิศนินทาหัวหน้าใหม่นั่นแหละครับ การเมืององกรมันเริ่มจากกลุ่มแบบนี้แหละ
ต่างกันชัดเจนครับ
หัวหน้าใหม่เป็นคนใหม่ ไม่มีใครรู้จักนิสัย ยังไม่มีมีโอกาสได้แสดงทัศนคติและความสามารถ การนินทาหัวหน้าใหม่จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรชัดเจน แต่ถ้าหัวหน้ามาเพราะการเลียแข้งเลียขาก็สมควรถูกนินทา และในที่สุดบริษัทก็จะไม่มีใครอยากอยู่ต่อไปอยู่ดี
ส่วน Musk แสดงตัวตนมาตั้งแต่แรกว่าเป็นปฏิปักกับ Twitter การซื้อ Twitter เพราะอะไรพนักงานก็รู้กันดี ไม่ใช่เป็นบุคคลที่เข้ามาเพื่อบริหารให้'บริษัทดีขึ้น' แต่เป็นบริหารให้'บริษัทเป็นตามแนวทางตนเอง'
ใช่ครับ การเมืององค์กรโดยมากมันเริ่มมาจากการแนวทางการบริหารห่วยๆจนพนักงานบางกลุ่มเริ่มไม่พอใจนี่แหละ ลองศึกษาเรื่อง employee retention ดูครับว่าทำไมถึงควรทำ เพราะถ้าไม่ทำบริษัทก็จะเหลือแต่พนักงานๆห่วยๆที่ทนมือทนเท้าตามใจเจ้านายเพราะไปไหนไม่ได้นั่นแหละ
respect and loyalty is earned not given ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ครับ ถ้าอย่างนั้นคือหัวหน้าใหม่ceoใหม่ต้องบริหารให้ถูกใจพนักงานกลุ่มเดิมใช่ไหมครับ
ใช่ครับ ไม่อย่างงั้นก็แค่หาลูกน้องใหม่ครับ :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แกก็กำลังล้างบาง คนที่ไม่อยากทำงานด้วยอยู่นี่ไงครับ
ใครพลาดทำผิดกฎหมายก็คงไม่ได้รับค่าชดเชยเสียด้วย
ถ้าผมซื้อทวิตเตอร์ผมไม่มาเอาอกเอาใจพนักงานเดิมๆหรอกครับ ถ้าไม่ทำตามวิสัยทัศน์ที่ผมวางไว้ คุณก็แค้มาเขียนใบลาออก ถ้าคุณ/ม่ออกแล้วไปวิจารณผมเสียๆหายๆ ผมก็ไล่คุณออกพร้อมฟ้องหมิ่นประมาทึ ถ้าลูกจ้างนิสัยสันขวานจะจ้างไว้ทำอะไร
One man show มันไปไม่รอดหรอกครับ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร
ถ้าพนักงาน 99% ตบเท้าลาออก คิดว่า Elon จะไปถึงเป้าที่วางไว้ได้ไหมครับ ?
นี่แหละ หน้าที่ของผู้บริหาร
ดูท่าทางจะเป็นแค่แผนลดค่าใช้จ่าย ไม่มีไรมากกว่านั้น
มีมากกว่านั้นครับแน่นอนครับ
ในนี้มีที่ยืนให้ผมที่ไม่เห็นด้วยกับการล้อเลียนและไม่เห็นด้วยกับการที่เอะอะก็จับไล่ออกเลย (ก็คือไม่เข้าข้างทั้งพนักงานและมัสก์เลย) ไหมครับเนี่ย?
เห็นคอมเมนต์ที่บางคนแค่ไม่พอใจกับพฤติกรรมของมัสก์โดนจับยัดให้เป็นพวกเข้าข้างพนักงานหรือชอบการล้อเลียน/ถูกล้อเลียนไปซะหมดเลย แอบนึกถึงตอนดราม่าวิลล์สมิธตบหน้าคริสร็อคเลยครับ
แล้วก็ไม่ต้องแตกประเด็นไล่ออก vs ทำร้ายร่างกายมานะครับ ไม่ว่าจะวิธีไหนมันก็คือการตอบโต้การล้อเลียนเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องวิธีการตอบโต้การล้อเลียน มันก็ไม่เกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่องการล้อเลียนอยู่ดี
ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน มันผิดทั้งคู่แน่ๆ แต่ต้องหาสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไรแล้วแก้ไข ไม่ว่าจะมาจากนายจ้างหรือลูกจ้าง ยังไงมันก็ต้องแก้ แล้วก็มีมาตรการตักเตือน ลงโทษอะไรก็ว่าไปตามความเหมาะสม
ถ้าลองหลายมาตรการแล้วก็ยังเหมือนเดิม ก็ต้องเชิญออกจากงาน หากมีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ให้ทางศาลเป็นผู้ตัดสินและวางบรรทัดฐานการตัดสินกันไป
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมไม่รู้ว่า shitpost ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงแค่ไหน (ข่าวใช้แค่คำว่าล้อเลียน) แต่อย่างบริษัทผมมันก็มีเขียนใน HR Policy เลยนะว่าต้องไม่ทำวาจาหยาบคาย ก้าวร้าว กระด้างกระเดื่อง ไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตาม supervisor/company บทลงโทษมีตั้งแต่ตักเตือนจนถึงไล่ออก แต่มีกำกับไว้ว่าไม่จำเป็นต้องทำตามเป็นลำดับขั้น (ไม่ต้องตักเตือนก่อน)
สิ่งหนึ่งที่คิดว่าต่างคือวัฒนธรรมของไทยด้วยหรือเปล่า ผมเห็นการแซวเล่นของไทย พอไปเกิดขึ้นที่มะกัน มันกลายเป็น Harassment ไปเลย สิ่งที่คนไทยคิดว่าแค่แซวเล่นๆ ฝั่งนู้นเค้าจริงจังกว่าเยอะ
แล้วนี่คือ CEO นะ 555 ขนาด project leader ผมยังต้องทำงานด้วยกันเป็นปีๆกว่าจะไปแซวเล่น
แน่นอนถ้าอยากจะด่า CEO เพราะเข้ามาแล้วปลดคน อันนี้เข้าใจได้ แต่ใช้ Slack ของที่ทำงาน หรือ SNS ที่ตามตัวได้เนี่ยนะ? ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
สำหรับคนที่บอกว่า มัสก์ทำเกินเหตุ
คุณลองทำแบบเดียวกับบริษัทที่คุณอยู่ดูนะ ดูว่าเขาจะทำยังไง
การล้อเลียนมันหมายถึงความไม่เคารพกัน
ในเมื่อไม่เคารพกัน เขาก็ต้องจัดการ
ส่วนคุณจะโลกสวยยังไง พูดแบบไหน ไม่ชอบใจยังไงก็ได้
แต่อย่าลืม คนที่ถูกวิจารณ์และซื้อทวิตเตอร์ ไม่ใช่คุณ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ติ่งอีลอนว่าหนักแล้ว ติ่งพนักงานก็พอๆกัน
สรุปคนที่อินอย่างกับเป็นเจ้าตัวในแต่ละฝั่ง ก็คือคนนอกนี่แหละ
ก็ต้องดูว่าล้อเลียนรุนแรงแค่ไหน ถ้าเข้าข่ายinsult ก็ไล่ออกโดยไม่ได้รับค่าชดเชยแน่ๆ(ในไทยคดีบนศาลแรงงานมีเพียบครับ เขียนบ่นด่าหัวหน้าลอยๆใน FBโดนไล่ออกไม่ได้ชดเชยสักบาทเดียว)
แต่ถ้าล้อเลียนธรรมดา ก็คงอาจโดนไล่ออกแบบจ่ายค่าชดเชยขั้นต่ำสุด ถือว่าคงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
ต่อให้คุณจะไม่ชอบมัสก์แค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะละเมิดกฎระเบียบรวมถึงกฎหมายโดยอ้างคำว่าเสรีภาพได้นะครับ แถมใช้เครืองมือขององค์กร เพื่อด่าผู้บริหารองค์กร คนปกติธรรมดาคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ