Twitter โดน California Property Trust กองทุนเจ้าของตึก Hartford Building สำนักงานใหญ่ของ Twitter ที่ซานฟรานซิสโก ยื่นฟ้องข้อหาไม่ยอมจ่ายค่าเช่าสำนักงานแล้ว ค่าเช่าที่ค้างมีมูลค่า 136,250 ดอลลาร์ (ราว 4.7 ล้านบาท)
การไม่จ่ายค่าเช่าตึกถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของ Elon Musk ที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Twitter ปิดสำนักงานในเมืองซีแอทเทิล และยกเลิกสัญญาพนักงานความสะอาดในตึกด้วย จนพนักงานต้องนำกระดาษชำระมาใช้กันเอง
บทความเก่าปี 2015 ทัวร์รังนก พาชมสำนักงานใหญ่ Twitter HQ ที่เมืองซานฟรานซิสโก
Comments
เปิดศาลไคฟงด่วน ระหว่างอัจฉริยะผู้ไม่คิดว่าตนเองทำไรผิด VS เจ้าของตึก
การไม่จ่ายค่าเช่าตึกถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของ Elon Musk ที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย
พี่จะถือว่าการหาเรื่องขึ้นศาลเป็นการลดค่าใช้จ่ายแบบนี้ไม่ด้ายยย (OoO')
เพิ่งรู้การไม่จ่ายค่าเช่าเป็นยุทธศาสตร์อย่างนึง
มีคนตั้งทฤษฎีว่า Elon Musk จะปล่อยให้ Twitter ล้มละลาย เพื่อรักษา Tesla ไว้ เพราะตอนนี้แกต้องขายหุ้น Tesla มาจ่ายเงินกู้ที่กู้มาเพื่อซื้อ Twitter โดยให้เข้าสู่กระบวนการพิทักษ์กทรัพย์และยกหนี้ ในกรณีที่ทรัพย์สินของ Twitter ไม่พอจ่ายหนี้ทั้งหมดครับ
คืออีลอนกู้เงินมาซื้อทวิตเตอร์ คนเป็นหนี้คืออีลอนนะครับไม่ใช่ทวิตเตอร์…
ถ้าทวิตเตอร์ล้มละลายจริงเท่ากับว่าหนี้ก้อนนี้อีลอนรับเต็ม ๆ เลยนะครับ จากที่จะทำกำไรจากทวิตเตอร์แล้วเอาเงินไปโปะหนี้ได้
จริงๆ ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่า Elon Musk จะหนีหนี้ด้วยวิธีนี้ได้ แต่พอลองพิจารณาพฤติกรรมที่ผ่านมาของแก โดยเฉพาะการเซ็นสัญญา (ปั่นหุ้น) ว่าจะซื้อ Twitter ในราคา 44 พันล้าน USD โดยไม่ตรวจสอบอะไรเลย แถมภายหลังก็ไม่อยากซื้อ และการยอมซื้อในราคานั้น ทั้งๆ ที่ถ้าไม่อยากซื้อจริงๆ ก็แค่ยอมจ่ายค่าปรับไป ซึ่งผมว่ายังไงก็ถูกกว่าราคาตามสัญญา ผมเลยมองว่าแกอาจจะคิดว่าทฤษฎีที่ผมพูดถึงคือ "ทางรอด" หน่ะครับ
ไม่น่าใช่ทางรอดหรอกครับ ถ้าปล่อยtwitterล้มก็เสียเงินฟรีหมื่นล้านดอกเบี้ยอีกพันล้านเงินส่วนที่เสียไปจะเอาคืนมายังไง แถมเสียหน้าเสียเครดิตรต่อไปใครจะอยากร่วมลงทุนในโปรเจคอื่นๆ
ผมว่าถ้าโดนศาลสั่งบังคับซื้อ ยังไงมันก็ต้องซื้อหรือเปล่าครับ จะไปหาเงินจากไหนมาซื้อก็ได้
แปลว่าถ้ายืนยันไม่ซื้อ ก็ต้องซื้ออยู่ดี แถมเสียค่าปรับเพิ่ม ค่าเนินการขึ้นศาลที่ต้องจ่ายด้วย
ศาลไม่น่าบังคับซื้อได้นะครับ? มียอดพันล้านกรณีดีลล่มอยู่แล้วนี่นา
ยุทธศาสตร์ Twitter 20 ปี?
"คนรวยระดับ top 5 ของโลกเค้าทำอะไรพวกเก่งแต่หน้าคีย์บอร์ดไม่มีวันเข้าใจหรอก"
จริงฮะ ผมไม่เข้าใจ
ผมว่าคนที่ประสบความสำเร็จจนรวยเป็นอันดับ 1 ของโลกน่าจะกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองสามารถพังพินาศได้มั้งครับ ถ้าใช่ก็ถือว่าเป็นการจ่ายค่าบทเรียนราคาแพงที่สามารถนำมาต่อยอดบริษัทได้อีกหลายเลย
อันนี้งงจริงว่าสถานการณ์จริงๆมันเป็นยังไง
..: เรื่อยไป
ใช้วิธีไกล่เกลี่ยเพื่อจะจ่ายน้อยลงหรือจะผ่อนจ่ายรึเปล่านะ
พี่แกถึงได้บอกไงว่า จะลาออกถ้า "ใครสักคนที่โง่พอจะรับตำแหน่งนี้" 🤣
ขึ้นบนหลังเสือแล้วลงไม่ได้