Adobe ส่งเอกสารชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับดีลซื้อกิจการ Figma หลังหน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาตรวจสอบประเด็นผูกขาด ซึ่งมีข้อมูลใหม่ว่ามีอีกบริษัทได้พูดคุยเรื่องซื้อกิจการ Figma ด้วยตอนนั้น
ในเอกสารนั้น Adobe ระบุชื่อว่าบริษัท A แต่ CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าบริษัทนั้นคือไมโครซอฟท์ โดยการพูดคุยเกิดขึ้นหลังจาก Adobe มาขอซื้อกิจการครั้งแรก ที่ปรึกษาทางการเงินของ Figma จึงแนะนำให้ลองคุยกับผู้สนใจรายอื่น ซึ่งไมโครซอฟท์มีการใช้งาน Figma ภายในบริษัทอยู่มาก แต่ก็จบที่ไมโครซอฟท์ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป
รายละเอียดการเจรจากับ Adobe ยังพูดถึงการต่อรองราคา โดยราคาที่ Adobe เสนอคือ 20,000 ล้านดอลลาร์ แต่ทาง Figma เสนอราคากลับสองครั้งที่ 23,000 ล้านดอลลาร์ และ 21,500 ล้านดอลลาร์ แต่ทาง Adobe ยืนยันที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ จึงจบที่ราคาดังกล่าวนั่นเอง
ที่มา: CNBC
Comments
เห็นได้ชัดว่า Adobe มีอำนาจต่อรองได้เหนือกว่า ไม่ได้ราคานั้นฉันก็ไม่เอาเช่นกัน
ทำไมพวก CEO ชอบใช้หลักการถ้าบริษัทตัวเองใช้ SERVICE นั้นเยอะ ชอบไปไล่ซื้อกิจการนั้น
ได้ทั้ง ทีม ได้ทั้ง สิทธิบัตร
ได้ฐานลูกค้าด้วย
เอาผลิตภัณฑ์นั้นไปขายได้เงินด้วยครับ
มันคงอยู่ในแผนระยะยาวของเขานั่นแหล่ะครับ ถ้ายกตัวอย่างกรณีของ Adobe บริษัทมีโครงสร้างที่จับตลาดไปทางงาน Design ซึ่งเขามองว่างานของเขาต้องครอบคลุมงาน Design ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำไปปลายน้ำ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ของเขาเพื่อขยายตลาด Figma ก็เป็นจิ๊กซอนึงที่สำคัญ เพราะเป็นปลายน้ำของผลิตภัณฑ์ Adobe
Adobe ก็ใช่ว่าพึ่งจะสนใจตลาดนี้ เขาทำมานานแล้วแต่สู้ Figma ไม่ได้ ซึ่งผู้บริหารก็รู้ดีว่ามันทำให้โครงสร้างระยะยาวของ Adobe อ่อนแอมีจุดอ่อนให้คู่แข่งโจมตี วิธีง่ายที่สุดของบริษัทที่มีเงินทุนสะสมจำนวนมาก ก็คือ ซื้อมันเลย เพราะถ้าทำเองเขาก็ลองมาแล้วซึ่งเขาก็ยอมรับว่าไม่สำเร็จ (Adobe XD) แล้วเงินส่วนนี้มันก็จัดอยู่ในงบลงทุนอยู่แล้ว เป็นเงินเย็นไม่กระทบกระแส cashflow หลักบริษัท เขาก็จะทำแบบนี้แหล่ะ
แล้วทำไมมันมีราคาสูงขนาดนั้น อันนี้ผมให้ไว้เป็นคำถามแล้วกัน เพราะถ้าเข้าใจสิ่งที่ผมพิมพ์ ก็จะเข้าใจวิธีเอาไปหาเงินต่อของ Adobe ซึ่งเป็นจ้าวตลาดนี้อยู่แล้ว รวมถึงเข้าใจด้วยว่าทำไม Figma สามารถต่อรองให้ได้ราคาสูงขนาดนี้ เรียกว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ประมาณนั้น
มีเงินใช้เงิน เพราะเงินจะทำให้อะไรมันง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มีเงินก็ใช้สมองเพื่อหาวิธี อย่าพึ่งรีบไปกู้เงินให้ใช้สมองตรึกตรองก่อนถ้าไม่ใช่เงินเย็น ทำไม่เป็นก็ใช้เงินหาคนทำเป็นมาช่วย บริหารคนไม่เก่งก็จ้างมืออาชีพมาดูแล แล้วคุณจะทำงานง่ายขึ้นมีเวลาไปพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่คุณสนใจ ไม่ต้องจมปลักกับธุรกิจเดิมตลอดชีวิต
สุดท้ายเงินมันจะทำให้คุณมีโอกาสเจอคนเก่งที่คุณตามหา มากกว่ารอสัมภาษณ์อยู่ในบริษัท
ตอนแรกอ่านข่าวแล้วเข้าใจว่า Microsoft ไปคุยขอซื้อ แต่อ่านต้นทางแล้วพบว่าจริงๆ คือที่ปรึกษาของ Figma ก็ช่วยหาคนซื้อรายอื่นนอกจาก Adobe (อาจจะเพื่อให้แข่งกันแล้วดันราคาไปสูงๆ) เลยติดต่อไปที่ Microsoft ว่าสนใจซื้อ Figma มั้ย แต่หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ ฝั่ง Microsoft ก็ปฏิเสธว่าไม่สนใจ ทำให้ Figma พยายามเจรจาขอขึ้นราคากับ Adobe เป็น 23,000 ล้าน ตามข่าว
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ