จีนทยอยออกมาตรการตอบโต้สหรัฐและยุโรป ที่ปิดกั้นการแข่งขันด้านการพัฒนามาชิปมาเรื่อยๆ และล่าสุดก็ถึงคิวของหนึ่งในสารตั้งต้นของซัพพลายเชนในหลายอุตสาหกรรมไอทีอย่างแร่โลหะที่จีนเป็นผู้ส่งออกใหญ่ ซึ่งก็คือแร่ แกลเลี่ยม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) ที่ถูกรัฐบาลกำหนดเป็นสินค้าควบคุมส่งออก ทำให้บริษัทจีนที่จะส่งออกแร่ดังกล่าว ต้องยื่นขอใบอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์
แร่โลหะทั้ง 2 เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิต semiconductor แบบผสม (compound), ชิ้นส่วนในรถยนต์ไฟฟ้า, หน้าจอ จนถึงอุตสาหกรรมความมั่นคงทางทหาร อย่างไรก็ตาม แม้แร่โลหะทั้ง 2 ชนิดจะไม่ใช่แร่ที่หายาก และมีหลายประเทศก็สามารถผลิตได้ แต่ที่ผ่านมาจีนมีส่วนแบ่งในตลาดโลกของแร่ทั้ง 2 ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะแกลเลี่ยมที่สูงถึง 94% และมีส่วนที่ทำให้ราคาของแร่โลหะดังกล่าวมีราคาถูก ดังนั้นมาตรการนี้ของจีน มีโอกาสจะทำให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องสูงขึ้นมาก
ที่มา - Bloomberg
ภาพเจอร์มาเนียมจาก shutterstock
Comments
ไม่ขายก็ไม่ได้เงิน ฝากไว้แค่นี้ 555
เค้าจะขายให้ กับคนที่พอใจหรือป่าว
อาจจะยากหน่อยไม่ใช่ทุกประเทศจะมีเทคโนโลยีผลิตสินค้าจากแร่นี้ ไม่เหมือนน้ำมันที่ทั่วโลกต้องใช้
ถ้าจำไม่ผิด ที่ผ่านมาจีนก็ใช่วิธีขายต่างราคา เพื่อจูงใจให้ตั้งโรงงานในจีน
แต่ถ้าแบนไปเลยก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมีโรงงานเข้าไปตั้งใหม่เพิ่มขึ้น พวกรถไฟฟ้าอาจมาจากจีนเป็นหลักเพราะตั้งคำนึงถึงราคาต้นทุน ส่วนพวกเทคโนโลยีการทหารเขาหาแหล่งได้อยู่แล้ว
โหดมาก
แบนผลิตภัณฑ์ยังหาทางทำเองได้ แบนวัตถุดิบนี่ของโหด
แต่ยังไม่ทันสั่งแกลเลียมมาเล่นเลย orz หรือควรรีบสั่งนะ
ถ้าจะเล่นใส่ถุงมือก่อนเล่นด้วยนะครับ
เพราะผมลองเล่นแล้วเจอปัญหาสองอย่าง
1. อากาศในไทยมันร้อน มันละลายอยู่แล้ว ต้องเอาไปเข้าตู้เย็นถึงจะแข็ง
2. มันติดมือมากๆ ไม่ได้เหมือนปรอท กว่าจะล้างออกนี่ลำบากเลย
ขอบคุณครับ พอมาคิดตามนี่นึกไม่ออกเลยเหมือนกันว่าจะต้องใช้อะไรล้างโลหะมันถึงจะหลุดจากมือได้ 😱
ผมว่าตรงข้ามนะ แบนผลิตภัณฑ์แล้วกว่าจะทำเองได้นี้คิดว่าใช้เวลากี่ปีครับ
ส่วนแบนวัตถุดิบนี้ ผมว่า2-3ปี ก็น่าจะมีแหล่งมาทดแทนได้แล้วหล่ะครับ
และอีกเหตุผลที่จีนผลิตเยอะ ผมว่าเพราะซัพพลายเชนมันอยู่ในจีน การผลิตในจีน้ลยสู้เรื่องราคาได้ แต่ในตอนนี้ที่ซัพพลายเชนเริ่มหนีออกนอกจีนแล้ว ความได้เปรี่ยบจากการขุดและผลิตในจีนน่าจะลดไปเยอะ
กรณีมีแหล่งก็ง่ายแหละครับ ซึ่งก็อย่างที่ว่าไปในข่าวว่าที่อื่นๆ มีแต่ต้นทุนไม่คุ้มเท่าที่จีน 😅
แต่แบบ Wakanda นี่คือผูกขาดได้เลยเพราะที่อื่นไม่มี
หาได้แต่ราคาขึ้น ต้นทุนของตลาด mass ราคาสูงคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ นั่นล่ะทำ ผลิตได้แต่ขายยากเพราะราคาสูงก็เลยพอกันนะที่แน่ๆยอดขายตก คนในประเทศก็ยิ่งไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้วด้วย หมายถึงคนในประเทศที่จำนวนเยอะๆนะ
ช่วงแรกก็คงแพงแหล่ะ แต่อย่าลืมว่าตลาดที่เคยแดงเถือก เพราะมีคนคุมอยู่เจ้าเดียว กลายเป็นสีฟ้าจนเกือบใส่เลยนะครับ มีรายใหม่เข้ามาแย้่งซัก50% จีนก็ต้องรีบกลับมาส่งออกแล้ว การแบนสิ่งที่ตัวเองคุมตลาดเกือบ100%นี้เหมือนเอาปืนยิงเท่าตัวเองไปในด้วยแหล่ะ
ต้อนรับนโยบาย บังคับใช้รถยนต์ไฟฟ้า ของ eu
โดยรวมช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนการผูกขาดของจีนในตลาด rare earth ลดลงไปมากแล้ว
หลังจากครองไปเกือบ 100% ช่วงปี 200x พอหลัง 2010 มา จีนเริ่มหยิบคำนี้มาขู่มากขึ้น เลยมีความพยายามทำเหมืองแร่นอกจีนเพิ่มขึ้น
วันนี้จีนมีส่วนแบ่งโดยรวมน้อยกว่า 40% แล้ว นี่น่าจะเป็นการแร่งการลดส่วนแบ่งจีนลงไปอีก
แต่จากบทความ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มีหรือไม่มี ปัญหาคือ จีนผลิตมันถูก ผลิตเองมันแพงต่างหาก พอต้นทุนแพงแล้วแบรนด์จีนทำราคาต่ำได้ ใครมันจะซื้อของที่แพงกว่าแต่คุณภาพใกล้เคียงกันหละ ยิ่งรถไฟฟ้าจีนตอนนี้ ค่อนข้างได้รับการยอมรับในตลาดโลกมาก
คุณ ECOS น่าจะโฟกัสไปที่แร่ Rare Earth ซึ่งการทำให้ราคาต่ำ มันง่าย ก็ไม่ต้องสนเรื่องคน เรื่องมลภาวะ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ปัญหาคือจีนก็มีแต่แร่ ไม่ได้มีเทคโนโลยีที่เอาแร่มาเปลี่ยนเป็นชิพไฮเอนอะครับ…
ผลิตชิประดับ 10 nm ได้แล้วก็ไม่แย่นะ
germanium นี่ ตอนนี้ใช้ผลิตอะไรครับ ถ้าพวกทรานซิสเตอร์เหมือนจะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นกันแล้ว (ยกเว้นพวกอุปกรณ์วินเทจ)
Low Noise Floor เช่นพวก LNA mosfet/ic
ต่อให้ประเทศอื่นสามารถถลุงแร่ได้ก็ต้องเดือดร้อน เหมือนรัสเซียตัดก๊าซ กว่าจะหาแหล่งทดแทนได้ก็ต้องใช้เวลา แล้วราคาก็สูงขึ้นๆ
แร่ Rare Earth ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
จริง ๆ มันมีทั่วโลกแต่วิธีการสกัด แร่มัน
F_ckup environment ระดับกลับคืน
มาได้ยาก เช่น ขุดหลุมลงไปขนาดใหญ่มากแล้ว
ที่ตรงนั้นปนเปื้อนสินแร่อันตราย ปลูกป่าไม่ชึ้น
ไปอีก ร้อยปีไรงี้ ประเทศอื่นเค้าเลยไม่ขุดกัน
ดีครับดิ้นรนให้ต่างชาติมาผลิตขุดหาเอง ฮ่าๆ เหมือนที่คนบอกๆ กันแบนนุ่นนี่กับจีนเดี่ยวจีนก็ทำเองได้
แต่เรื่องแร่ วัตถุดิบอาจจะต่างกันอยู่
หลายคนพูดเหมือนอวยตะวันตกมากมายเลยครับ หาน่ะหาได้ ปัญหาคือต้นทุนขึ้นแน่ๆครับ ต้นทุนขึ้นใครจะซวย? ก็คนใช้งานทั่วไป Mass แบบพวกเราไง พวกการทหารเขาชิลๆ เงินเขามีเรื่อยๆเบิกเอา แต่ปนะชาจนที่ต้องทำงานหาเงินมาซื้อเนี่ยล่ะอ้วกแตก
ผมมองว่าเค้าตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่าให้จีนมามีอำนาจข่มขู่ตัวเองได้ วันนี้อาจจะขู่ขอแค่นี้ แต่วันข้างหน้าก็ต้องมีขอโน้นขอนี่เพิ่มอีก ถ้าปล่อยจนจีนมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่สินค้าราคาขึ้นอย่างเดียวแน่ อย่าลืมว่าจีนเป็นคนเริ่มสารพัดการแบนเพื่อกีดกันการค้าก่อน จะโดนตอบโต้ก็ไม่แปลก คุณจะไปมองผลประโยชน์ระยะสั้นอย่างเดียวไม่ได้
จีนต้องโต้ตอบ เป็นเรื่องปกติแน่นอน เพราะตะวันตกก็ไม่ได้หยุดโต้ตอบจีน และมันเป็นเรื่องของการเปิดสนามรบย่อม ๆ สนามใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วมองหาโอกาสที่ดีต่อไป
มันไม่ใช่ทำแบบนี้ แล้วส่งแบบนี้ตรง ๆ เสมอไป แต่สิ่งสำคัญคือ สร้างโอกาสที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบในอนาคต
จีนแบน ชาติอื่นผลิต อาจจะนาน อาจจะสำเร็จ อาจจะทำได้ดีกว่าจีน อาจจะทำได้ไม่ดีกว่า ไหนจะทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง ไหนจะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ไหนจะห่วงโซ่อุปทาน ตลาด ความพร้อมด้านการขนส่ง ต้นทุนด้านการซัพพอร์ต และการคงคลัง
ด้านบนนั้น สร้างโอกาสให้เล่นได้อีกมากมาย และถ้าเกิดมีเอกชนบางเจ้าหัวใส มองเห็นช่อง แล้วเข้าหาจีน อย่าง tesla ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาอาจจะทำให้จีนใช้เป็นหมากได้ในระยะยาวก็ได้ รถอาจจะถูกลงสำหรับ tesla ขนส่งขายในภูมิภาคแถบนี้ได้ดีขึ้น ในขณะที่เจ้าอื่นทำไม่ได้ ก็เสียโอกาสทางนี้ หรือกระทบกับยอดการจัดส่งในภูมิภาคอื่น ๆ ไปอีกหลายปี ซึ่งอันนี้คือแค่เรื่องรถเท่านั้น มันยังมีเรื่องอื่นอีกที่จีนอาจจะมอง และเฝ้ารอโอกาสนั้นอยู่ ทางตะวันตกก็ต้องพยายามสืบหาข้อมูล ให้รู้ว่าจีนมองไปที่ไหน แล้วรับมือ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ประเทศที่พัฒนามถึงขั้นหนึ่งแล้ว ก็จะไม่จำเป็นต้องขายของเพื่อแลกกับสกุลเงินของประเทศอื่นที่ผลิตขึ้นมา ยิ่งถ้าสามารถหาซื้อสินค้าที่จำเป็น(เช่นน้ำมัน)โดยใช้สกุลเงินตัวเองหรือท้องถิ่นได้แล้ว ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องเอาทรัพยกรตัวเองเพื่อไปแลกกับสกุลเงินที่ประเทศอื่นผลิตมาเลย เหมือนเอาทรัพยกรที่มีค่าของเราไปให้เค้าใช้ฟรีๆ