Tags:
Forums: 

NT ในครึ่งแรกของปี 2023 บริษัทมีรายได้รวม 42,447 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม 40,900 ล้านบาท EBITDA 10,197 ล้านบาท เบื้องต้นกำไรสุทธิ 1,547 ล้านบาท แต่หากนับรวมค่าใช้จ่ายจากโครงการเออรี่รีไทร์ 851 คน คิดเป็นเงิน 2,185 ล้านบาท จะทำให้ขาดทุนสุทธิ 638 ล้านบาท

รายได้รวมครึ่งแรกปี 2023 จำนวน 42,447 ล้านบาท แบ่งได้เป็น
- กลุ่มธุรกิจอินฟรา 4,807 ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ 1,107 ล้านบาท
- กลุ่มโมบาย 23,497 ล้านบาท แบ่งเป็นจากบริการรของ NT 1,194 ล้านบาท กับพันธมิตร 22,303 ล้านบาท
- กลุ่มบรอดแบนด์ 9,289 ล้านบาท ผ่านลูกค้า 1.8 ล้านราย แทบไม่เติบโตจากปีก่อน
- กลุ่มดิจิทัล 2,032 ล้านบาท
- อื่น ๆ 9 ล้านบาท

No Description
- การต่อยอดบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC
โครงการระบบคลาวด์กลางภาครัฐซึ่ง NT ดำเนินการการอย่างต่อเนื่องในการจัดหาทรัพยากรด้านการประมวลผล (Computing Resource) ให้กับภาครัฐในรูปแบบการให้บริการ Cloud Service รองรับหน่วยงานรัฐให้เข้าถึงทรัพยากรด้านคลาวด์มาตรฐานสากล โดยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลภาครัฐด้วยเทคโนโลยีใหม่ทันสมัยเป็นการขยาย Capacity รองรับการใช้งานภาครัฐที่มีความต้องการสูงขึ้นทุกปี รวมทั้งได้เพิ่มบริการ Market Place บน GDCC ให้บริการแพลตฟอร์มไอที แอปพลิเคชันใหม่ๆ และเครื่องมือด้านบิ๊กดาต้าสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งพร้อมสนับสนุนรัฐบาลใหม่ที่จะเข้าบริหารประเทศด้วยข้อมูลขนาดใหญ่จากระบบคลาวด์และบิ๊กดาต้า
- การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย ASEAN Digital Hub
โครงการ ASEAN Digital Hub เป็นโครงการเพิ่มศักยภาพประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสารสำหรับกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบนได้แก่ กัมพูชา ลาว และเมียนมา โดยก่อนหน้านี้ NT ได้ขยาย Connectivity ผ่านโครงข่ายชายแดน (Cross Border Optical Fiber) ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานแล้วคิดเป็น 64% ขณะนี้มีความคืบหน้าในการจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) กว่า 90% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ทดสอบระบบฯ รวมถึงส่งมอบสิทธิการใช้งานได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567 ทั้งนี้ โครงการส่งผลให้เพิ่มความจุแบนด์วิดท์รวมของภูมิภาคอาเซียนซึ่งประเทศเหล่านี้มีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตทราฟฟิกสูง เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ประกอบกิจการคอนเทนต์ (Content Provider) รายใหญ่เข้ามาตั้งฐานข้อมูลในประเทศไทย และมีการใช้งานผ่านโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศที่ได้ขยายความจุไว้ ซึ่งเป็นการผลักดันประเทศให้สู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ตามนโยบายภาครัฐ
- การจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดิน
NT ร่วมกับ กฟน. กฟภ. องค์กรภาครัฐ และผู้ประกอบการโทรคมนาคม ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารแล้วเสร็จระยะทาง 34.1 กม. และด้วยท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินของ NT ที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตเมืองทั่วประเทศรวม 4,450 กม. จึงพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ให้บริการค่ายต่าง ๆ เช่าท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินซึ่งพัฒนาเป็นระบบ Single Last Mile ที่เชื่อมต่อกับบ้านลูกค้าแล้ว ด้วยหลักการ Infrastructure sharing โอเปอเรเตอร์ทุกรายจะไม่ต้องลงทุนสร้างและบำรุงสายสื่อสารเอง สามารถลดต้นทุนโดยเช่าตามที่ใช้จริงและตามระยะเวลาที่มีลูกค้าใช้บริการ
- การบริหารธุรกิจดาวเทียมในปัจจุบันและอนาคต
นอกจากให้บริการสื่อสารดาวเทียมไทยคม 4 บนวงโคจร 119.5E และไทยคม 6 วงโคจร 78.5E ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป็นองค์กรและหน่วยงานภาครัฐแล้ว NT ยังมีโครงการขยายบริการด้านดาวเทียมในอนาคต ได้แก่ การให้บริการผ่านดาวเทียมตำแหน่งวงโคจร 126E ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากผู้ผลิตดาวเทียม, ผู้ให้บริการ Launcher, การประสานงานความถี่ในขั้นปลาย รวมถึงการสำรวจความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมของ
หน่วยงานภาครัฐเพื่อนำเสนอกระทรวงดิจิทัลฯ โดยโครงการดาวเทียมตำแหน่งวงโคจร 126E ดังกล่าวมีศักยภาพรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของทุกหน่วยงานภาครัฐและรวมถึงโครงการ USO ที่มีการใช้งานดาวเทียมทั้งหมด
นอกจากนี้ NT ยังร่วมมือกับพาร์ตเนอร์บริการดาวเทียมระดับโลก OneWeb นำเอาบริการดาวเทียมวงโคจรต่ำมาให้บริการในประเทศ โดยเน้นให้บริการโดยเฉพาะพื้นที่ที่ห่างไกลซึ่งเสาสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสถานีเกตเวย์สำหรับอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม OneWeb ณ สถานีดาวเทียมสิรินธร จ.อุบลราชธานี อยู่ระหว่างรอการทดสอบติดตั้งอุปกรณ์ และมีแผนเปิดให้บริการราวต้นปีหน้า

เร่งเครื่องเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน 5G บนคลื่นความถี่ 700 MHz. และ 26 GHz.

NT ดำเนินโครงการบริการ 5G บนคลื่นความถี่ 700 MHz. และ 26 MHz. โดยใช้ทรัพย์สินที่มีร่วมกันคือ Core Network ซึ่งลดการลงทุนซ้ำซ้อน อีกทั้งเป็นการใช้ 2 คลื่นความถี่ร่วมกันอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดในการให้บริการ 5G เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีสร้างบริการอัจฉริยะต่าง ๆ ได้เกิดประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีการให้บริการใน 2 รูปแบบคือ

  • บริการ 5G Solution สำหรับองค์กร ดำเนินการให้บริการในโครงการติดตั้งเทคโนโลยี 5G สำหรับระบบบริหารเมืองอัจฉริยะ ณ เขตเทศบาลตำบลบ้านฉาง เพื่อให้บริการต่าง ๆ แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว อาทิ Mobile Applications สำหรับเทศบาลและประชาชน ระบบฐานข้อมูลเมืองเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลการบริการ ระบบติดตามและตรวจสอบบุคคลสูญหายหรือบุคคลต้องสงสัย ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเมืองเพื่อความปลอดภัย เช่น สถานีตำรวจ ดับเพลิง
  • บริการ 5G Retail อยู่ระหว่างการทดสอบด้านเทคนิคในการเปิดให้บริการ/ Roaming 5G/4G 700 และความพร้อมของระบบ รวมทั้งการกำหนดแผนการย้ายลูกค้าและกำหนดโปรโมชันช่วง Soft Launch บน 700 MHz

ปรับกลยุทธ์รักษาฐานรายได้กลุ่มธุรกิจหลัก
กลุ่มธุรกิจ Mobile
- ผลักดันกลยุทธ์สำคัญเพื่อรักษาฐานลูกค้า เช่น จัดทำรายการส่งเสริมการขายสำหรับผู้ใช้บริการที่โอนย้ายจากโครงข่าย 850 MHz ไปยังโครงข่าย 700 MHz ภายในระยะเวลาที่กำหนด ร่วมกับการเพิ่มช่องทางจำหน่ายแบบออนไลน์เพิ่มตัวแทนขาย และกระตุ้นยอดขายตัวแทนจำหน่ายในทุกพื้นที่ พร้อมจัดทำแคมเปญกระตุ้นตัวแทนขาย ควบคู่กับขยายตลาดเพิ่มเซกเมนต์ภาครัฐ โดยจัดทำแพ็คเกจให้บริการแบบ Total Solution และ IOT

กลุ่มธุรกิจ Broadband
- ปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารเพิ่ม Product Manager เพื่อดูแลบริการที่ครบวงจรและเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งองค์กร รวมถึงส่งเสริมการขายด้วยโปรโมชัน Up Speed เพิ่มบริการฺ Bundle และเน้นลูกค้าเดิมให้มีการใช้บริการต่อเนื่อง

กลุ่มบริการดิจิทัลมาแรงแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง
NT สามารถเพิ่มรายได้ในภาพรวมจากกลุ่มบริการดิจิทัลได้ชัดเจนขึ้น โดยบริการเดิมอย่าง NT CLOUD ยังรักษาการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-25 % และบริการใหม่ที่เริ่มทำรายได้ เช่น ระบบ National Single Window (NSW) ที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา คาดว่าจะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ประมาณ 160 ล้านบาท และ บริการ NT Big Data & AI ซึ่งเปิดให้บริการมา 4 ปี มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดปีละ 45% จากเทรนด์ปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการทำธุรกิจ

ขณะที่ NT Data Center ให้บริการ 13 แห่งทั่วประเทศ รองรับได้มากกว่า 1,200 racks ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 90% NT จึงมีแผนในการสร้าง Data Center แห่งใหม่ความจุมากกว่า 1,000 racks เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นทุกปี อีกทั้งขยายการพัฒนาธุรกิจบริการดิจิทัลด้าน Application Platform & Digital Solutions เพื่อตอบสนองความต้องการของหน่วยงานภาครัฐด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

Get latest news from Blognone