หลังมีข่าวจากประชาชาติธุรกิจระบุว่ารัฐบาลกำลังพูดคุยกับธนาคารกรุงไทยถึงการใช้แอปเป๋าตังค์ในโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็ทำให้ถูกตั้งคำถามว่ายังจะใช้บล็อคเชนอยู่หรือไม่ วันนี้คุณลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคก็ออกมายืนยันว่ายังใช้บล็อคเชนอยู่ตามที่ประกาศไว้ อย่างไรก็ดีตัวแอปพลิเคชั่นที่ประชาชนใช้งานนั้นมีการพิจารณาว่าจะต่อยอดจากของเดิมหรือใช้แอปพลิเคชั่นใหม่
นอกจากนี้ทางพรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่านโยบายนี้ "จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเทคโนโลยีแบบเดิม เพื่อประโยชน์ของการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล"
ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้บล็อคเชนทำอะไรในโครงการนี้
ที่มา - @Rinthipond_Ying
Comments
เห็น NFT ในป้ายก็รู้สึก Shipหาย อีกล่ะ
ปัญหาหลักคือมันยังใช้แลกเป็นเงินสดจริงไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเสกเงินกงเต๊กดิจิตอลขึ้นมาแล้วบอกว่าใช้เป็นเงินจริงได้
อารมณ์เหมือนพวก 1 ครอบครัว 1 soft power สักแต่จะใช้คำทันสมัยแต่ความเข้าใจยังผิดเพี้ยนกันอยู่
ย้ายเป๋าตังค์ไปรันบนบล็อกเชน?
ย้ายบล็อกเชนไปรันบนเป๋าตังค์?
มันแยกส่วนได้นี่ครับ ฟีเจอร์ข้างในก็หลายชิ้น เหมือนมีบางส่วนใช้ blockchain อยู่แล้วด้วยนะครับ คุ้นๆ ว่าเป็นซื้อกองทุนหรืออะไรสักอย่าง (ที่ก็ยังงงๆ ว่าทำไม)
ไอ้ตอนแทบเล็ตก็ทีหนึ่งละ บอกแล้วว่าไทยไม่จำเป็นต้องเป็นแนวหน้า อุปกรณ์ก็ผลิตเองไม่ได้ ให้ประเทศที่พร้อมอย่างจีนลองก่อนแล้วค่อยตามแบบพรอมเพย์ก็ได้
อ่าวๆ ยังไม่ยอม หยุด ดมกาว กันอีก ประเทศไทย เอาภาษี ไปทำอย่างอื่นเถอะ เช่น รถไฟใต้ดิน ห้องน้ำ สะอาดทั่วประเทศไทย แจกสายฉีดตูด ให้ทุกบ้าน
จริงๆแล้วนโยบายของเพื่อไทยที่ยากที่สุดคือการประกันรายได้ครอบครัวละไม่ต่ำกว่า 20,000/เดือน ยากเพราะต้องเติมทุกเดือน ไม่ใช่ให้ครั้งเดียวจบเหมือน digital wallet แถมบางครอบครัวอาจต้องเติมเกินหมื่นบาทหากรายได้ต่ำกว่าหมื่น
ยากรองลงมาคือ การจัดหาที่ดินทำกิน 50 ล้านไร่ (ประเทศไทยมีที่ดินทั้งหมด 320 ล้านไร่ แสดงว่าต้องจัดสรรปันส่วนให้ได้ถึงหนึ่งในหกของที่ดินทั้งหมด)
สังเกตว่าสองนโยบายนี้เพื่อไทยไม่ได้พูดถึงแล้ว และนักข่าวก็ไม่ได้จี้ถามด้วย (และเหมือนคนก็ไม่ค่อยรู้จักสองนโยบายนี้ด้วย)
ส่วน digital wallet ยากในระดับกลางๆ เจ็บครั้งเดียวแล้วจบ ส่วนจะจบสวยรึเปล่า ไม่รู้
จะทำระบบทันไหม เงื่อนไขยุ่งยากขนาดนี้
เงื่อนไขเท่าที่ประกาศไม่ได้ยุ่งไากครับ ทางเทคนิคทำไม่ยากหรอก
แต่ในแง่ regulation น่ะยาก กับการใช้งานจริงๆ ที่ยังคิดไม่แตก
ที่บอกไม่ต้องลง app นี่งงมากจะทำยังไง ใช้บัตรปชช แล้วคนรับจ่ายต้องมีเครื่องอ่าน id card เหรอ ถ้าใช้กล้องมันจะถ่ายเอกสารกันได้ไหม ใช้ qr ก็ขโมย (แอบถ่าย) ได้เหมือนกัน
อันไหนไม่ทำก็บอก "มันเป็นเทคนิคของการหาเสียง"
อุตสาห์หา buzz word มาใช้ กุมขมับแล้วตอนนี้ 55
😂
WE ARE THE 99%
นึกถึงสมัยเห่อ 5G ว่าจะเปลี่ยนโลกโน่นนี่ ตอนนี้ 5G เต็มเมืองก็ไม่เห็นความต่างอะไร
+1 ผมลืมไปแล้ว พอนึกถึงแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ
📸
แจก 10000 บาทบางทีไม่ไหวอย่าฝืนดีกว่านะ กลัวรุ่นลูกหลานจะต้องมารับกรรมแทน เงินไม่ใช่น้อยอะไรก็ไม่ชัดเจนประเทศก็ไม่ได้รวย เอาเงินไปทำอย่างอื่นให้เป็นประโยชน์เถอะ
ตอนจ่ายเงินก็เก็บข้อมูลลง DB แล้วค่อย sync ไป blockchain หรือเปล่า
ว่าแต่ blockchain นี่ โดยคอนเซพทป์แล้ว ละเมิด PDPA ไหมครับ
กว่าจะทำระบบเสร็จอีกนานไหมนะ ใช้ ธรรมดาๆ ก็ได้มั้ง
Buzzword BS อีกละ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1024
ไม่ใช่แค่ Buzzword นะครับที่ BS
มันมาทั้ง Buzzword + BS + Hype + Jargon เลยครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เดี๋ยวก็ใช้บล๊อคเชน เดี๋ยวก็ใช้แอปเป๋าตังค์ เดี๋ยวก็ใช้บล๊อคเชน เอาอะไรกันแน่น
ต้องมองแยกกันนะครับ ฝั่งหน้าบ้านก็เป๋าตังค์ หลังบ้านเก็บข้อมูล ทำงาน ก็อยู่บน Blockchain งี้
อยากให้เช็คหัวข้อข่าวอีกทีครับ
ผมว่าแต่ ไม่ใช่ แค่
เหมือนแค่อยากใช้ buzzword แต่ไม่เข้าใจว่าเทคโนโลยีแต่ละแบบมีจุดอ่อนจุดแข็งยังไง
นโยบายนี้อาจจะเริ่มคิดตอนที่คริปโตเป็นกระแส บิทคอยน์ราคาทะลุสองล้านบาทก็ได้
พอเริ่มนำเสนอโครงการในวันที่กระแสหมดเลยงานกร่อยเช่นนี้
โดยพื้นฐานการใช้บล็อคเชน คือต้องการยกเลิกการใช้ระบบแลกเปลี่ยนที่ใช้ธนบัตร ไอ้ 10,000 บาท มันเป็นต้นทุนในการเปลี่ยนระบบ
ปัญหาพื้นฐานด้านโครงสร้างระบบและเทคโนโลยีมันผ่านไปได้แล้ว มันยังมีปัญหาด้านผู้ใช้ในกลุ่มไร้มือถือเท่านั้น ความจริงบัตรประชาชนมันสามารถใช้แทนมือถือได้ เพราะมือถือจะยืนยันได้ก็ต้องมีบัตรประชาชนเพื่อผูกกับหมายเลขโทรศัพท์
ปัญหาอีกด้านคือความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ รัฐบาลที่สุจริตต้องการเพียงบิ๊กดาต้าเท่านั้น
โดยส่วนตัวคิดว่าจะเสกเงินดิจิตอลโดยไม่ใช้เงินบาทที่มีทองคำสำรองในการค้ำประกันก็ไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร การค้ำประกันสกุลเงินจุดสำคัญคือใช้ประโยชน์ในการเป็นตัวกลางในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงิน เช่น เงินบาทไทยเป็นเงินหยวนจีน
หากสกุลเงินชนิดนี้ไม่ใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ แต่ใช้ในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน คิดเสียว่าเป็นระบบเครดิตภายในประเทศที่มีการค้ำประกันโดยรัฐ
รูปแบบในการให้กำเนิดสกุลเงินตราขึ้นมาใหม่ชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นการแตะขาใหญ่ในระบบเศษรฐกิจออกไปเลย รับรองได้ว่าการเปิดทางในแนวนโยบายใหม่ๆ ได้หากหลายมากขึ้น