แอปเปิลเพิ่มข้อมูลในหน้าซัพพอร์ต อธิบายความสามารถใหม่ของ iPhone 15 ที่เป็นผลจากการเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ซึ่งสมาร์ทโฟนอื่นที่ใช้ USB-C อาจทำได้อยู่นานแล้ว
ความสามารถแรกคือการชาร์จอุปกรณ์อื่นด้วย iPhone 15 เงื่อนไขคือเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก ใช้ไฟจาก USB สูงสุด 4.5 วัตต์ เช่น AirPods หรือ Apple Watch
ถัดคือการต่อ iPhone กับจอภายนอก โดยรองรับเพิ่มขึ้นเป็นจอ 4K 60Hz เมื่อใช้ USB-C และ DisplayPort หรือสาย USB-C Thunderbolt 4 ต่อกับ iPhone 15 Pro ที่รองรับ USB 3.1 ในการใช้งานยังสามารถปรับการแสดงผลจอระหว่าง SDR กับ HDR ได้ด้วย
ที่มา: 9to5Mac
Comments
ดีขนาดนี้ ทำไม เพิ่งมาเปลี่ยน
ค่าลิขสิทธิ์ MFI มันหอมหวานไงครับ
According to media estimates, Apple makes $5 billion a year by selling Lightning cables and MFi certificates.
ขายสายกับเก็บ license mfi ได้ปีละ $5,000 ล้านเหรียญ จะเปลี่ยนทำไมครับ
จริงๆครั้งนี้ Apple ก็ไม่ได้เปลี่ยนด้วยนะ แต่ Europe เปลี่ยนให้ครับ
ก็ไม่ใส่มาซะตั้งนาน
ทั้งๆที่ตัวเองเอามาใส่คอม ก่อนเพื่อนเลย
ไม่ใช่แค่ใส่คอมครับ เป็นคนร่วมออกแบบ USB-C เลยด้วย
ถ้าจะแบบนี้ไม่ต้องกั๊กหรอก ก็ตอบไปเลยค่าไลเซ้น MFI มันหอมหวานไง เหมือนคนที่พูดเอาเท่ห์ไปงั้นๆ55555
😂😂😂😂 ขนาดiphone 15pro Maxยังขายได้ดีเลยครับ
นวัตกรรม
ต้องมานั่งหาข้อดี USB-C สะงั้น ทั้งที่มันนานแล้ว 5555+
ใน keynote เขินๆ ไหมนั้น รีบโชว์รีบไป
ผมก็ตลกน่ะว่าAppleทำช้าอย่าลืมน่ะครับเขาวิทยาศาตร์ฝั่งตะวันตกเขาเก่งกว่าทุกอย่าง เห็นความต่างผมว่าคิดให้ดีว่าเขาใช้ช้าคนที่เป็นคนควบคุมทุกอย่าเขาอาจจะได้ใช้ก่อนและพัฒนากว่าประเทศอื่นก็ได้555บ้างที่ก็ตลก บ้างคนแอนดรอย์ใช้มาก่อนแต่ผู้บริหารAppleเขาใช้มานานแล้วครับ
อา ... เค้าเป็นคนดันให้ USB-C เกิดจนเป็นทุกวันนี้เลยครับ พี่ท่านเล่นตัด USB-A ทิ้งเหี้ยนเลยครับ
แค่บนอุปกรณ์ที่แตกต่างกันเท่านั้นครับ ไม่ใช่ตัว iPhone แต่เป็น Mac
ทั้งนี้คือ Apple เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ Port USB Type-C ครับ คือไอ้พอร์ตนี้มันเกิดจากการเอา Lightning ไปพัฒนาต่อครับ ดังนั้นจริง ๆ จะเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของพอร์ตนี้ก็ว่าได้ แค่ที่ไม่เอามาใช้ในมือถือมาเป็นสิบๆ ปีผมว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์น่ะแหละ อาจจะแบบเป็นเรื่องของ Supply Chain ที่ดันสั่งผลิตไปเยอะเลยแก้ลำลำบากอะไรแบบนั้นครับ
Appleแทบไม่ได้เอา Lightning ไปพัฒนาเลยครับดูดีครับแถบจะเป็นไปไม่ได้โครงสร้างสายก็แปลกแล้วครับ USBC คนล่ะสายมันมีตั้งแต่ปี 1996ครับมันมีตั้ง27ก่อน ด้วย ช่วยไปเช็คมาใหม่น่ะครับ
เหมือนเถียงเอาชนะเฉยๆครับ
ทำไม ไม่เอาข้อมูลมาเถียง
แต่นี้ไล่คนอธิบายไปหาเอง
ดูยูทูปช่องไหนมาเนี้ย
1996 ยังใช้เพจเจอร์อยู่เลยมั้ง จะเอา usb-c มาเสียบกับอะไรก่อน
USB C เขาทำมาหลายรุ่นแล้วครับ เขาคิดและพัฒนามาตั้งนานแล้วครับ เขารองรับเทคโนโลยีขั้นสูง เพจเจอร์ที่ใช้ส่งข้อมูลนั้นมันก็คือต้นแบบของเทคโนโลยีที่ทำกันอยู่สมัยนี้ ครับ
คุณมีเน็ตไม่ใช้หรอครับ ไปหาข้อมูลคุณต้องไปหาข้อมูลสิครับ นี่เขาเรียกคนไทยพัฒนาแต่คำพูดมีแต่คนไม่พัฒนา ไปพัฒนามาน่ะครับจะได้เรียนรู้อะไรใหม่
Designed
11 August 2014
หวังว่าเน็ตคงยังไม่หมด หรือ โควต้าเม้นหมดก่อน นะครับ
เดือนหน้ามาตอบก็ได้ ผมไม่รีบ
ส่วนปี 1997 หรือ 2539 มันตัวนี้ครับ
เดาว่าที่ apple ทำไมก่อนหน้านี้ยังไม่ใส่ให้สักที เพราะพี่แกอยากรอใส่พอร์ตบน iPhone ที่กันน้ำได้มั้ง
เพราะจุดอ่อนจุดนึงที่ทำให้กันน้ำได้ยากที่สุดก็ตรงพอร์ตนี่แหละ หรือนวัตกรรมอื่นที่เราคาดไม่ถึง แต่ก็ทำไม่สำเร็จสักที ส่วนเรื่องผลประโยชน์ผมว่าไม่น่าใช่ปัจจัยหลัก
อย่าลืมว่าตอนนั้น USB-C มันมาทีหลัง Lightning 3-4 ปี คนก็ใช้เยอะแล้วด้วย จะเปลี่ยนกลับไปกลับมามันก็ยังไงอยู่ (ฉันอุตส่าห์ดีไซน์มานะ) แล้วก็เลยลาก Lightning รอมาเรื่อย ๆ มาจนกระทั้งโดน EU บังคับให้เปลี่ยน
นงัตกรรมก็อยากโชว์น่ะแหละ แต่ก็ต้องมาหาข้อดีแก้เขินไปก่อน
แต่ดูจากรายได้ก็ไม่ใช่น้อยๆนะน่าจะเป็นเหตุหลักเลยแหละรายได้จากสายกับ cert รวมๆก็ประมาณ $5000 ล้านนะ ที่เปลื่ยนช้าขนาดนี้ถ้าไม่โดนบังคับผมว่าก็น่าจะยังไม่เปลื่ยน
USB-C ทำกันน้ำแบบไม่ต้องมีอะไรมาอุดได้ตั้งนานแล้วนะ
สั้นๆเลยนะ "เงิน" นั่นแหละที่ไม่ยอมเปลี่ยน
อื่นๆ คือข้ออ้าง ตัวเองเป็นเจ้าแรกที่ใช้ Type C มาใน Laptop (แล้วดันเอา Type A ออกไปหมดด้วย) แล้วบอกว่าเพื่อ "อนาคต"
แต่โทรศัพท์ ไม่ใส่ เอาไว้ให้คิดถึง "อดีต" ละมั้ง
มันมีมาตั้งแต่ปี1996แล้วครับเขาใช้มาตั้ง27ปีแล้ว ไปเช็คมาใหม่ เงินผมว่าคงเป็นแค่คำวาลีของบริษัทที่ไม่มีเงินน่ะครับ Appleใหญ่กว่าเขาคงไม่ยอมเสียเวลาเอาตัวเองไปแลกกับคำว่าย้อนเวลาไปกับเงินที่ไรสาระเลยครับมันดูจืดครับเสียเวลา เขาประเทศพัฒนาแล้วน่ะครับ เขาไม่ได้เหมือนพวกเราที่ต้องพึงพาพวกเขาเป็นวิทยาศาตร์น่ะครับ เขาก้าวหน้ากว่าน่ะครับจะใช้ช้าหรอใช้เร็วมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ
1996 คืออะไรพ่อหนุ่ม
USB Type C เกิดตอนปี 2014 Apple เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มด้วยซ้ำ ถึงได้เอามาใส่ใน MacBook
เขียนให้รู้เรื่องก่อนดีกว่านะ อ่านแล้วต้องอ่านซ้ำ โอ้ยยย
USB C เกิดมาตั้ง1996 แล้วครับแต่ที่พวกเราใช้กันตอน2014 นั้นเป็นแบบ USB C TO 1เท่านั้นครับ Appleเขาพัฒนากันมาตั้งนานแล้วครับไม่ใช้พึ่งมาปี 2014 เขาพัฒนามาก่อนปี 2014เข้าใจไหมครับ ไม่ใช้เอาเปิดขายเลย หรือคุณคิดว่าApple เขาพัฒนาปี2014หรอครับ โหห ถ้าเขาพัฒนาปี 2014 นั้นคงไม่ต้องขายแล้ว ต้องคิดย้อนรไม่ใช้ ใน1ปีพัฒนาน่ะครับ เขาทดลองมาหลายอย่างแล้วครับ แต่คุณไม่เข้าใจเทคโนโลยีขั้นสูงแค่นั้นเองครับ
ช่วงนี้ปิดเทอมสินะ โอเค๊
ปิดเทอมอะไรครับ งง อะไร
เอ้า ไม่รู้ตัวเหรอว่าปิดเทอมแล้ว ไปช่วยที่บ้านก่อนไม๊
1996 นั่น USB ครับ ไม่ใช่ USB-C
iPhone มีวิธีการใช้ที่จะมีโอกาสเจอสภาพแวดล้อมได้หลายรูปแบบ ไม่เหมือน MacBook ที่เน้นใช้งานตั้งอยู่กับที่เป็นส่วนใหญ่ จะใช้ USB-C ก็คงไม่มีปัญหา เพราะต้องการความเร็วความแรงในการส่งข้อมูลและ compatibility เป็นเหตุผลหลัก แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนสภาพแวดล้อมเท่า iPhone
ถ้ามองแต่ว่าหน้าเงินอย่างเดียว ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล แล้ว apple เขาก็รู้ว่าสินค้าตัวเองยังไงก็มีคนซื้ออยู่แล้ว จะขึ้นราคายังไงคนก็ซื้อ หรือไป Think Different สร้างอะไรใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ จะสนใจทำไมกับค่าลิขสิทธิ์ mfi ที่มีมูลค่าประมาณ 2% ($5B) จากรายได้ทั้งปี 2022 ($394.33B) หรือถ้าสนใจมากจริง ๆ นี่ก็คงไม่ใช่นิสัยแอปเปิล
ฝั่ง android (เช่น samsung) นี่ใช้ usb-c มานานจนลืมแล้วนะครับ แล้วก็กันน้ำได้มาตลอดด้วย
ผมคงจะยกเหตุผลตัวอย่างว่ากันน้ำน่าจะไม่ถูกเองแหละ แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าแอปเปิลไม่ปลื้มที่จะเอา USB-C มาใช้กับ iPhone ผมก็บอกไม่ถูกนะว่าทำไมไม่ปลื้ม แต่ผมรู้สึกประมาณนี้
ถ้าเทียบกัน Lightning ยังบางกว่า แล้วก็โอกาสพังน้อยกว่า USB-C เพราะข้างในมันกลวง เศษเข้าไปติดค้างเลยยาก แต่ก็นั่นแหละ มันไม่พัฒนามาหลายปีละ เปลี่ยนไปใช้ USB-C ได้ก็ดี
แต่ EU กำลังขัดขวางนวัตกรรมในอนาคตรึเปล่านะ
ข้ออ้างเรื่องกำหนดมาตราฐานแบบนี้ กลายเป็น "EU ขัดขวางนวัตกรรม" เป็นเหมือนประโยชน์สะกดจิตตัวเองมากกว่า
ตัวอย่างก็เห็นจากข่าวนี้อยู่ตรงหน้าครับ ถ้ายังใช้ Lightning อยู่ จะได้ feature ตามข่าวไหมใน Lightning แล้วอีกอย่าง form factor USB-C เองก็พัฒนาอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้ไปที่ USB 4.0 และ Thunderbolt 5
ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นว่า Lightning จะอยากพัฒนาอะไรใหม่ๆ อย่างมีนัยสําคัญหลังจากออกมาเป็น 10 ปี
สรุปใครกันแน่ที่ขัดขวางนวัตกรรม
แต่เราว่าพวกที่ขัดขวางนวัตกรรมคือ windows user เพราะ laptop/pc ไม่ตัด USB-A ไม่ใส่ USB-C TB เป็นหลัก รวมถึงอุปกรณ์ไอทีต่างๆทั้งหลาย รถ ก็ยังมีพอต USB-A
iphone ก็แค่มือถือที่การมี USB-C เป็นแค่การตลาด ไม่ได้จำเป้นต้องมีวิวัฒนาการอะไรก้าวกระโดดขนาดนั้น
ในขณะ laptop/pc ทำไมไม่ออกจาก USB-A สักที เป็นคนส่วนใหญ่ในโลกใช้ด้วยซ้ำ
และไม่เห็นด้วยที่จะต้องมารองรับ
จะไปปรักปรำ Windows users ในข่าว iPhone เค้าแบบนี้อันนี้ดูแปลกๆ นะครับ
โทษผู้ใช้ซะงั้น..
Laptop/PC สมัยนี้มีทั้ง A/C แล้ว (รถยนต์ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะข้ามไปชาร์จไร้สายมากกว่า?) ซึ่งถ้าใส่มาทั้งคู่แต่คนยังไม่ยอมเปลี่ยน ก็แปลว่านวัตกรรมนั้นมันยังไม่ดีพอแค่นั้นเอง
ผู้ใช้เขาก็แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเท่านั้นแหละครับ ไม่สนใจนวัตกรรมอะไรหรอก ถ้าทำออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ไม่ดีพอ จะมาโบ้ยว่าผู้ใช้ผิดผมว่ามันก็แปลกๆนะ
EU เขาออกกฏมาก็เพื่อกันพัฒนาขั้นต่อไปครับประเทศประชาชนเขาเป็นวิทยาศาตร์น่ะครับเทคโนโลยีเขาดีกว่าครับจะพัฒนาเขาดูล่วงหน้าตั้งหลายปีครับเขาคงไม่ได้มอง1มิติหรอครับ ต้องเขาใจครับว่าเรามองแค่ผิวๆๆๆครับจะหาข้อมูลต้องหาให้ลึกครับ
ผมว่าคนส่วนใหญ่ดูก็รู้ว่า Apple ไม่เปลี่ยนเพราะเงินค่า MFi แต่ก็ยังมีสาวกมาหาข้ออ้างให้เรื่อยๆ 555 จริงๆ apple ก็เป็น 1 ในผู้สร้าง type C ข้อดีของ type C ก็ถูกพัฒนาต่อมาจากไลต์นิ่งนี่แหละแต่มันดันพัฒนามาเป็นมาตรฐานเปิดนี่สิไม่ใช่ของ apple คนเดียว เงินที่ได้ก็เลยจะน้อยลงไป(ไม่)หน่อย
เท่าที่เห็นสาวกมีน้อยกว่าพวกท่าแซะอีกครับ
เค้าแซะก็ถูกแล้ว มันน่าแซะจริงๆน่ะแหละ
แต่สาวกไม่สนใจนี่ อวยตลอด
เรียกว่าเป็นการ
แถหาเหตุผลในการเปลี่ยนพอร์ตได้มั้ยนะเหมือนข่าวเขียนไม่ครบ ขาดเรื่องสายที่แถมเป็น USB C Type 2 ถ้าจะใช้ต้องซื้อสาย USB C 3.1 ของ apple เพิ่มอีก 2พันกว่าบาท
นั้นสาย Thunderbolt เปล่าครับที่แพง ถ้า USB 3 เฉยๆ ราคายี่ห้อทั่วๆ ไปก็ไม่แพงมาก แต่ apple ดันไม่ขาย