Tim Sweeney ซีอีโอ Epic Games ประกาศในระหว่างการนำเสนอในงาน Unreal Fest 2023 ว่าบริษัทจะขึ้นราคาการใช้ Unreal Engine สำหรับงานที่ไม่ใช่เกม เช่น ภาพยนตร์, โทรทัศน์, ยานยนต์ หรือในอุตสาหกรรมอื่น โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดราคา แต่บอกว่าไม่ได้ถูกหรือแพงจนเกินไป โครงสร้างราคาจะเป็นแบบต่อผู้ใช้งานคล้ายกับการคิดราคาของ Maya หรือ Photoshop
ทั้งนี้ผู้ใช้ Unreal Engine สำหรับงานเกม จะไม่มีปรับราคาแต่อย่างใด
เขาให้เหตุผลแบบตรงไปตรงมาถึงสาเหตุที่ขึ้นราคา ว่าเป็นผลจากปัญหาการเงินของบริษัท โดยเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ 10 สัปดาห์ที่แล้ว นำมาสู่การประกาศปลดพนักงานเมื่อสัปดาห์ก่อน
Sweeney ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าลูกค้ากลุ่มการศึกษาและนักเรียน ยังสามารถใช้งาน Unreal Engine ได้ฟรีต่อไป รวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์อิสระรายเล็กและงานที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ ก็จะได้ใช้งานฟรีหรือเป็นราคาพิเศษ
ประกาศการเปลี่ยนเงื่อนไขราคาของ Unreal Engine นี้ ออกมาหลังจาก Unity ประกาศเปลี่ยนวิธีคิดไลเซนส์สำหรับผู้พัฒนาเกม ซึ่งนำมาสู่การประท้วงรุนแรงจน Unity ต้องประกาศปรับราคา จึงเห็นได้ว่ากรณีของ Unreal Engine ยังไม่ได้เปลี่ยนในกลุ่มลูกค้าผู้พัฒนาเกมนั่นเอง
ที่มา: Game Developer
Comments
นี่ถ้า Unity ประสบความสำเร็จในเรื่องการเปลี่ยนราคาคนสนับสนุนี่ไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป พวกบริษัทพวกนี้ใจจริงก็อยากปรับราคาแหละ แต่กลัวกระแสตีกลับ ยูนิตี้ มาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ถ้ากระแสมันดีวันนี้คงขึ้น % ของผู้ใช้งานสร้างเกม ดีแล้วที่กระแสมันตีกลับ
กรณี unity ผมว่าถ้าขึ้นราคาเฉยๆ คนคงไม่ด่าขนาดนี้ครับ แต่นี่ดันเปลี่ยนวิธีคิดราคาแถมให้มีผลย้อนหลังกับเกมที่ออกไปแล้วด้วย ซึ่งผิดกับคำสัญญาของ unity ที่เคยบอกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะไปข้างหน้าเท่านั้น
กรณีของ Epic ผมว่ามันเม้คเซ้นส์นะ เพราะวงการ 3d cg เขาคิดเงินแบบ per seat ทั้งนั้น
จริงครับ ผมว่าคนในวงการก็เข้าใจว่ามันมี cost
ถ้าบริษัทขาดทุนจนเจ๊ง นักพัฒนาก็ขาดแคลน tool
ถ้า model การคิดเงิน มัน balance ระหว่างผลประโยชน์ของบริษัทและนักพัฒนาเพื่อให้อยู่รอดทั้งสองฝ่าย คงไม่โดนกระแสตีกลับขนาดนี้