X หรือ Twitter ประกาศเริ่มทดสอบโปรแกรมใหม่ชื่อว่า Not A Bot ซึ่งทำให้เข้าถึงสิทธิการใช้งานบนแพลตฟอร์มระดับเขียน (Write-Level) ได้แก่ โพสต์เนื้อหา (ทวีต), รีพลาย, รีโพสต์ (รีทวีต), โควทข้อความ, บุ๊คมาร์ก โดยผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินแบบ subscription 1 ดอลลาร์ต่อปี เพื่อให้เข้าถึงสิทธิดังกล่าว
X บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับ บัญชีสมัครใช้งานใหม่ที่ไม่ยืนยันตัวตน (ไม่ได้สมัคร X Premium หรือ Twitter Blue ชื่อเดิม) เฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ ไม่มีผลกับบัญชีปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ก่อนหน้า บัญชีสมัครใหม่ยังสามารถอ่านโพสต์ กดติดตาม หรือดูภาพ-วิดีโอได้ และ X ย้ำว่าโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่มีสถานะทดสอบเบต้า ซึ่งหมายความว่า X จะดูผลลัพธ์เพื่อพิจารณาว่าจะทำหรือไม่ทำต่อไป
การทดสอบนี้ X บอกว่าเพื่อลดสแปมและบอท ซึ่งที่ผ่านมา X เห็นทิศทางที่ดีขึ้นมาตลอด โปรแกรม Not A Bot นี้จึงใช้วิธีเก็บเงินจำนวนที่น้อยมาก (แบบที่ Elon Musk เคยเกริ่นก่อนหน้านี้) และไม่ได้ทำเพื่อหวังสร้างผลกำไร
ที่มา: Fortune
Starting today, we're testing a new program (Not A Bot) in New Zealand and the Philippines. New, unverified accounts will be required to sign up for a $1 annual subscription to be able to post & interact with other posts. Within this test, existing users are not affected.This…
— Support (@Support) October 17, 2023
Comments
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันจริงมากๆๆๆๆๆๆๆ ถือว่าเป็นอะไรที่สมควรเพราะมีหลายคนที่สร้างแอคเค้าใหม่มาเพื่อด่าคนอื่นโดยเฉพาะ ด่าเสร็จจะโดนฟ้องก็ลบแอคเค้าหนี จะได้ลดแอคเค้าที่เปิดมาเพืิ่อกวนบาทาเจ้าของทวิตไปได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยคนพวกนี้คงไม่เสียสละมากพอที่เสียเงินเพื่อให้ได้ด่า
ถึงจะไม่ชอบหลายๆ นโยบาย แต่อันนี้เห็นด้วยและไม่น่าจะเป็นภาระผู้ใช้เท่าไหร่
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
เราว่าถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะหลายคนโดนคนที่เปิดแอคเค้าใหม่ด่ากันเพียบโดยเฉพาะ แอคเค้าที่ไม่มีรูปโปรไฟล์ส่วนใหญ่ 90% คือเปิดแอคเค้าใหม่มาเพื่อด่าคนอื่น ถ้ามีคนพวกนี้จะได้น้อยลงไปบ้าง ผมเจอประจำ
อยากให้อย่างน้อยกด Likes และ Bookmark ก็ยังดี
ในทางกลับกัน สร้างบอทมีต้นทุน 1$ สินะ
เดือนละ 3 บาทกว่า ๆ วันละไม่ถึง 1 สตางค์ จ่าย ๆ ไปเหอะ ยกเว้นจะชิงชัง Musk ก็อีกเรื่อง
น่าจะเขียนด้วยว่าสำหรับคนที่สมัครผ่านเวอร์ชั่นเว็บ ถ้าสมัครผ่านแอพ(น่าจะ)ยังฟรีอยู่
how this new test will work for new accounts on "web" in New Zealand and the Philippines:
ไม่ต่างจากเติมเงินเกมเพื่อปล่อยบอท คงลดได้บ้างสำหรับมือใหม่ ส่วนมือเก๋าที่ทำแล้วคุ้มทุนอาจจะยอมจ่าย นอกจากมีระบบจำกัด account รายคนแล้วมาผูกกับข้อมูลบัตรเครดิต
SPICYDOG's Blog
ถ้าไม่แพง ผมก็เห็นด้วย
เอาง่ายๆ คัดคน กันบอท สแปมแค่นั้นเลย
อันนี้เห็นด้วยเลย เก็บตังค์นิดหน่อย เพื่อลดจำนวนบอทลง เดี๋ยวนี้ระบบชำระเงินทาง Internet พัฒนาขึ้นมาก จริงๆผมว่าปีละ 5 เหรียญก็ยังโอเคนะ
แต่ปัญหาส่วนนึงจะเกิดกับประเทศที่ยากจนจริงๆ อันนี้ต้องหามาตรการช่วยเหลือกันต่อไป
..: เรื่อยไป
Whatsapp ตอนนั้นเก็บเงิน 0.99$ ต่อปี กลับกลายเป็นว่าคนไทยเลิกใช้ทันที
ทำไมกรณีถึงได้ต่างกันนะ
+1
เดาว่าเพราะมันมีอีกทางเลือกคือ LINE ซึ่งฟรี รึเปล่าครับ จำ timeline ช่วงนั้นไม่ได้แล้วด้วยสิ
ผมว่าที่ไลน์มันฮิตในไทยเพราะฟังก์ชัน sticker นะ เราคนไทยเราก็ใช่ว่าจะไม่ซื้อ app กันเลย ส่วนฟังก์ชันแชท ตอนนั้นไลน์มันก็แบบว่าเบาๆ ทำได้พอๆกัน คนที่ชอบ whatapp ก็เลยแบบว่า line ก็พอไหว
จนกระทั่งไลน์มันบวมเหมือนตอนนี้แหละ ถึงได้เบื่อกันแบบจัดๆ
..: เรื่อยไป
ไม่รู้ในยุคนี้คนไทยรับได้กับการต้องจ่ายเงินผ่าน IAP/Payment Platform 1$ กันแล้วหรือยัง
จะว่าเป็นแนวทางที่ดีก็ว่าได้เพราะว่าบอทเยอะเหลือเกิน และน่าจะช่วยได้มาก เพราะว่าจริงๆการตัดเงิน 1$ หักค่าธรรมเนียมการจ่ายแล้วสุดท้ายแทบไม่ได้อะไรเลย (ตัดมินิมั่ม)
และเป็นต้นทุนที่สูงมากสำหรับบอท และแอคเคาท์หลุมทุกชนิด (เพราะว่าแม้ 1$ จะถูก แต่ว่าต้นทุนในการที่จะมีบัตร หรือวิธีการตัดเงิน หรือการเชื่อมโยงตรงนี้กับธนาคาร เป็นต้นทุนที่สูงและลบ anonymity ทิ้ง)
ในอีกด้าน ทวิตเตอร์เป็นงี้ก็เพราะ anonymity ของแอคหลุมล่ะนะ
ขอ 1 ดอลลาร์แล้วได้ ติ๊กถูกสีฟ้า 😄
ทำเป็นเล่นไป 1$-30฿=0.7$×สัก 100 ล้านคน
อือหือ พอได้อยู่น๊าาา ค่าน้ำค่าไฟ
เป็นสมการคณิตศาสตร์ที่แม้แต่ชุบชีวิต อคีมีดิส หรือ พีทาโกรัส ขึ้นมาแก้ก็ยังไม่ได้
แต่พอจะเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า มักส์ มองการณ์ไกล แค่ $1 ต่อปี กับจำนวนคนเล่นฟรีทั้งหมด สามารถช่วยมักส์เอาไปจ่ายหนี้ได้
เมื่อจ่าย $1 ได้ก็จะจ่าย 2,3,4,5 ได้แบบไม่รู้สึกแพงในอนาคตเมื่อเขาขึ้นราคา
อยากสอบถามผู้รู้หน่อยครับ ว่าในแง่ของประสิทธิภาพการลดแสปมกับบอท ระหว่างคิดเงินแบบนี้กับแค่ผูกบัตรจ่ายเงินเฉยๆ (ผูกบัตร+ทดลองตัดเงิน+คืนเงิน) มันต่างกันแค่ไหน?
โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่ได้ต่างกันมาก เพราะคิดว่าสิ่งที่ป้องกันแสปมกับบอทได้ ไม่ใช่จำนวนเงินที่เสีย แต่เป็นการหาบัตรที่ตัดได้มาผูกมากกว่า เพราะงั้นก็เลยคิดว่าถ้าต้องการจะป้องกัน แค่ผูกบัตรอย่างเดียวมันก็น่าจะเพียงพอแล้วรึเปล่า...
อารมณ์ว่า ไหนๆ ก็ผูกมาแล้ว ก็ขอตัดหน่อยละกัน 555