นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงโครงการ Digital Wallet โดยระบุทั้งที่มาของเงิน, การใช้งาน, และเงื่อนไขของผู้ที่จะได้รับ ตอนนี้ชัดเจนว่าจะใช้แอปเป๋าตังค์เดิม แต่จะเพิ่ม Blockchain อยู่ข้างหลัง พร้อมกับระบุว่าบล็อคเชนนี้จะ ทำให้รัฐป้องกันทุจริตได้และช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
สำหรับที่มาของเงินในโครงการนี้จะใช้ที่มาหลายแหล่ง แต่แหล่งหลักคือการออก พ.ร.บ.กู้เงินผ่านสภา ผู้ที่ได้รับเงินจะต้องเป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมทุกบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท และมีเงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือน
ร้านค้าในแอปเป๋าตังค์เดิมต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ แต่ไม่ต้องอยู่ในระบบภาษี VAT แต่อย่างใด อย่างไรก็ดีโครงการนี้จำกัดเฉพาะร้านค้าที่อยู่ในระบบ VAT เท่านั้นจึงจะขึ้นเงินออกมาเป็นเงินบาทได้ ผู้ใช้งานจะต้องใช้ครั้งแรกในอำเภอตามบัตรประชาชน และต้องใช้ซื้อของอุปโภคบริโภคเท่านั้น เป็นการจ่ายแบบ face-to-face เมื่อเงินจ่ายครั้งแรกแล้วจะจ่ายได้จนถึงเดือนเมษายน 2570
คาดว่าโครงการจะเริ่มใช้ได้เดือนพฤษภาคม 2024 ส่วนเงินกู้นั้นจะกู้มาจ่ายต่อเมื่อมีการขึ้นเงินเท่านั้น
ที่มา - NBT
Comments
อ่านแล้วงงๆว่า ป้องกันทุจริตยังไง วีดีโอก็ยาวเกิน ใครได้ดูบ้างฮะ
ไม่มีบอกครับ เหมือน snake oil ทาแล้วทรงพลัง
lewcpe.com, @wasonliw
ชอบคำเปรียบเปรยครับ 555
ว้าว เปรียบเทียบได้เข้าใจและเห็นภาพครับ
ไม่ใช่น้ำมันจิ้่งเหลนหรอครับ
แกสื่อประมาณว่าใช้บล็อคเชนเพื่อป้องกันทุจริต
แกตัดบทแค่นี้
ที่ควรจะโฟกัสคือ
กู้ 5-6 แสนล้านมากกว่า
ปรับโครงการจากที่หาเสียงมาไกลขนาดนี้แล้ว ตัด blockchain ออกไปก็ได้นะจะได้ไม่ลำบากแล้วละ
ยุคนี้ อะไรๆ ก็ Blockchain
เหมือนกับยุคที่ผ่านมา... อะไรๆ ก็ Big Data... มีแค่ฐานข้อมูลธรรมดา ก็ Big Data
เพราะ Blockchain คือ soft power ที่เขาพยายามจะผลักดันครับ
55 ใช่ครับตอนหาเสียง softpower ของพรรคนี้ของเขาครบจริง BlockChain, Digital wallet, AI, big data, Digital Economy, machine lerning
Buzz word = Soft power XD
Soft (brain) power สินะ…
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผิดแล้วครับ Blockchain มันเก่าแล้ว สมัยนี้อะไรๆ ก็ต้อง Ai ซิ
มันคือพลังนิ่มค่ะ!
ถ้าอยากให้อยู่ระบบจริงๆ ต้องไม่กำกัดเวลาแค่6เดือนครับ ช่ถาวรไปเลย
เหมือนจะขยายเป็นถึงปี 70 แล้ว
แต่ต้องใช้ครั้งแรกภายใน 6 เดือนหลังเริ่มโครงการ
เหมือนมีนัยอะไรบางอย่างกับ Blockchain เพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้ Blockchain และการใช้ Blockchain ก็จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกโดยไม่จำเป็น
ความจริงตั้งใจใช้ Blockchain และแจกทุกคน
เพื่อเป็นมาตรฐานในการจ่ายเงินของ "ทุกคน" ทั้งประเทศ (เปิดโอการให้เอกชนทำ app มาเชื่อม node ได้ แล้วประเทศไทยจะไม่มีปัญหาระบบโอนเงินล่มอีกเลยตลอดชาติ)
ถ้าทำได้นี่เท่ากับไทย เป็นประเทศอันดับ 1 ของโลก ที่ทุกคนใช้จ่ายเงินผ่าน Blockchain ได้ทุกอำเภอทั่วไทย
แต่พอแจกไม่ครบทุกคน คำว่า Blockchain ก็ไร้ความหมาย
อันดับหนึ่งแล้ว ประชาชนมีกินมีใช้หรือเราไปเรียกเก็บค่าสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ค่าลอกเลียนแบบได้ไหม หลายๆเรื่องมันไม่ต้องทำคนแรก ปล่อยคนอื่นทำแล้วหากดีค่อยตาม ในเมื่อไทยไม่ได้เป็นประเทศประดิษฐ์สินค้าเทคฯ สุดท้ายต้องซื้อของเขามาใช้อยู่ดี
แจก 50 ล้านคนก็ไม่น้อยนะครับ
น่าสงสัยมากว่าใครในเพื่อไทยเป็นคน เอาคำว่าblockchainขึ้นมาหาเสียง????? เพราะตั้งแต่วันแรกที่นโยบายออกมาจนถึงวันนี้ คนๆนั้นก็ยังไม่ออกมาอธิบายเลย ใครหว่าาาา
เดาว่าเกาะกระแสจากตอนที่คุณคนป่วยนอนโรงพยาบาลตอนนี้เคยเอามาพูดใน Clubhouse ครับเลยเอามาเป็นคีย์หลักหาเสียงต่อเลย
เข้าใจว่านายกเศรษฐาเข้าใจเรื่อง cryptocurrency เป็นอย่างดี และค่อนข้างจะชอบด้วย ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะหมายถึงเงินคริปโต้ แต่เพราะกระแสสังคมและฝั่งรัฐเองก็ออกแนวไม่เห็นด้วย เลยหาทางออกมั้งครับ
คนชั้น 14 แน่นวล เคยเห็นตอนสัมภาษณ์มี นาฬิกา แบเก๋ๆ โชว์ราคา bitcoin
ก็พอเข้าใจได้นะเรื่องอยากผลักดันเงินดิจิทัล ให้ไทยเป็นผู้นำด้านการชำระเงินดิจิทัล (ไม่อยากแซว ยุคนึงจำได้ไหม มีนายกคนนึงจะถมทะเลสร้างเกาะ เพื่อทำศูนย์กลางด้านการเงินของภูมิภาค แต่ไม่ทันได้ทำก็ไปซะก่อน)
ส่วนตัวมองว่าทำ PromptPay ให้เป็นที่ใช้งานแพร่หลาย ครอบคลุมให้ทั่วถึงประชากรทุกคน ให้สามารถใช้ QR Code เดียวชำระทุกค่าใช้จ่ายได้ก่อน แล้วรอให้ประเทศที่เขาเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีทดสอบความเสี่ยงกับระบบเงินดิจิทัลให้เสถียรก่อน แล้วค่อยเอามาใช้ต่อยอดภายหลังก็ได้ เพราะคนไทยก็จะเริ่มคุ้นเคยกับการชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสดแล้ว เท่าที่รู้มาต้นทุนพิมพ์ธนบัตร และเหรียญมันพอที่จะมาพัฒนาระบบได้เหลือเฟือแหล่ะ ลดการพิมพ์ ผลิต หันมาใช้เงินดิจิทัล มันก็พอหาเหตุผลที่จะของบประมาณเพื่อทดลองได้แล้ว แต่อยากให้มันเสถียร และชาวบ้านคุ้นเคยมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเต็มระบบก็ได้มั้ง จะได้ไม่ต้องลงทุนหลายรอบหากเทคโนโลยีมันเปลี่ยน
รายได้เจ็ดหมื่นต่อเดือนยังเรียกว่าจนนะประเทศนี้ รายได้ไม่พอใช้ ส่วนคนชราได้แปดร้อยต่อเดือนพอเหลือเก็บให้ลูกหลาน
ในนี้คงอดเกือบหมด รวมถึงหลายๆท่านที่ออกตัวว่าไม่อยากได้เพราะไม่สนับสนุนโครงการประชานิยม
น่าเสียดายที่ไม่พูดถึงเรื่องการบังคับใช้6-7ต่อ เหมือนจะไม่มีแล้ว?
แต่ยังดีที่บังคับเรื่องตอน cash out ต้องอยู่ในระบบภาษี รวมถึงร้านค้าที่จะลงทะเบียนตอนรับเงินขายของ แม้ไม่ต้องจด vat แต่ต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าระบบภาษี กลายเป็นบังคับเข้าระบบในตัวเอง(ไม่เหมือนตอนคนละครึ่งที่ไม่ได้บังคับโดยตรง แต่สรรพากรไปสอบทางอ้อมเอา)
รอดูร้านค้าใหญ่ๆในตจว.มาบ่นโดนภาษีแพงขึ้นเพราะยอดขายหลักล้านของตัวเองกันได้เลย พวกนี้เลี่ยงภาษีมานาน รวมถึงร้านค้าขนาดเล็กแต่รายได้หลักแสนต่อเดือน ก็น่าจะโดนสอบภาษีด้วย
แต่เงินหมุนเวียนมหาศาลแน่ๆ ใครคิดทันก็ตั้งร้านใหม่มาขายของโดยเฉพาะก็รวยไป ต่อให้ต้องเสียภาษีเต็มๆ แต่เงินลงในชุมชน อำเภอเดียวกันหลายร้อยล้านจนถึงพันล้าน อยู่ที่ว่าใครจะมัวบ่นกลัวภาษี หรือฉลาดคิดสร้างกิจการใหม่ให้ถูกต้องเพื่อรับเงินสะพัดส่วนนี้
แต่กว่าโครงการจะเริ่มก็อีกนาน จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกไหม?
ไม่รับได้ไหม ไม่อยากมีส่วนร่วมความหายนะ
ไม่ไปยืนยันสิทธิก็คงไม่ต้องไปรับ มันก็เหมือนวงเงินฉุกเฉินที่เราต้องไปจ่ายในภายหลังในรูปแบบหนี้สาธารณะ ที่แทนที่รัฐจะให้เราเป็นโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ กลายเป็นโครงสร้างเงินดิจิตอลแทน แต่ยังดีที่รัฐจะเริ่มกู้มาจ่ายตอนที่ร้านค้าที่มี vat เองเงินมาขึ้น หากมีคนที่ไม่สนับสนุนโครงสร้างมีการยืนยันสิทธิกันน้อย เงินที่จะต้องกู้มาจ่ายก็น้อย มันไม่กลายเป็นเงินค้างท่อ แต่กลายเป็นวงเงินกู้ค้างท่อ
ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครได้หรอก
จริง ๆ แล้ว มันไม่เกี่ยวกับจะ blockchain หรือเปล่า
หรือแจกเฉพาะคนรายได้น้อยหรือเปล่า
แต่มันไม่ควรแจกเลย !!!
ยิ่งสภาพโลกตีกันเละเทะขนาดนี้แล้ว ควรประหยัดมากกว่าอะครับ
แบบ เกร็งตัวรอรับแรงกระแทก ไม่ใช่ทำให้ตัวเองตายง่ายขึ้น
+99
+1024
เหมือนกู้มาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
เดียวพอจำเป็นจริงๆ ก็หนี้ท่วมจนไม่มีใครให้กู้
หรือ กู้ได้ก็จะโดนขูดดอกโหดๆ
ใช่เลย มันต้องประหยัดมั้ย โลกกำลังมีสงครามแบบนี้
..: เรื่อยไป
กู้อีกแล้วหนี้สาธารณะจะเพิ่มอีกแค่ไหนหว่า
ตอนแรกที่ใช้คำว่า Blockchain เพื่อบอกต่างชาติว่าไม่ได้พิมพ์เงินใช้เองมันเป็นแค่คูปองดิจิตอล เหมือนกับที่บอกว่าแจกเด็ก 16 ด้วย จะได้ไม่เข้าเกณฑ์การซื้อเสียงหรือสัญญาว่าจะให้ แต่พอเอาเข้าจริงนักลงทุนมองออก ค่าเงินบาทเลยไหลเป็นน้ำ นักลงทุนก็เชื่อไปแล้วว่าสุดท้ายแล้วค่าเงินบาทจะต้องอ่อนแน่นอน ส่งผลให้เงินบาททุกวันนี้ อ่อนสุดในรอบ 17 ปี ตลาดหุ่นก็ว้าวุ่นไปด้วย วิธีแก้เหตุการ์ณนี้ต้องตอบให้ได้ว่าจะเอาเงินจากไหน สุดท้ายเลยต้องกู้ แต่ดูแนวแล้วน่าจะไม่ผ่านสภาฯ เงินหมื่นล่ม จบที่นายกลาออก อุ้งอิ้งขึ้นแทน
1.ค่าเงินบาทอ่อนสุดในรอบ 17 ปี จริงไหม?
ตอบ ไม่จริง ค่าเงินบาทอ่อนสุด เกิดขึ้นเมื่อ เดือนตุลาคม 2022
ref: https://www.google.com/finance/quote/USD-THB?sa=X&ved=2ahUKEwjJ1vScsLuCAxUDzDgGHZXoDI4QmY0JegQIBhAr&window=5Y
2.ตลาดหุ้นว้าวุ่น
ตอบ จริงส่วนนึง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยหลักอื่นอีก คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ
ผมไม่ได้ชอบนโยบายแจกเงิน แต่โปรดเอา fact มาคุยกัน
เหมือนว่าจะไปจบที่ในสภา หรือไม่ก็ศาลรัฐธรรมนูญนะครับ เห็นเซียนๆวิเคราะห์กันว่าโอกาสได้ใช้ยากอยู่ เพราะต้องผ่านอีกหลายด่าน
ไม่อยากให้ผ่าน
เพราะ เงินจำนวนนี้ควรเก็บไว้ใช้ตอนฉุกเฉินจริงๆ
เหมือนว่าจะไปจบที่ในสภา หรือไม่ก็ศาลรัฐธรรมนูญนะครับ เห็นเซียนๆวิเคราะห์กันว่าโอกาสได้ใช้ยากอยู่ เพราะต้องผ่านอีกหลายด่าน