Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลล่าสุดของสินค้าใหม่แอปเปิลที่จะมาในปีหน้า ผ่านจดหมายข่าว Power On ประจำสัปดาห์ รายละเอียดดังนี้
- AirPods 4 ดีไซน์แบบ AirPods 3 โดยจะออกสองรุ่นย่อย รุ่นบนใส่ฟีเจอร์หลายอย่าง เช่น ระบบตัดเสียง ANC, ระบบช่วยในการฟัง (hearing aids) อีกรุ่นราคาถูกกว่าจะไม่มี เพื่อแทนที่ AirPods 3 และ AirPods 2 ทั้งหมด ตามรายงานก่อนหน้านี้
- AirPods Max อาจเปลี่ยนแค่พอร์ต USB-C และมีตัวเลือกสีใหม่เพิ่มเติม
- AirPods Pro รุ่นใหม่มาในปี 2025 ดีไซน์ใหม่เน้นสวมใส่สบายขึ้น และอัพเกรดชิป
- Apple Watch มีอย่างน้อยหนึ่งรุ่นที่ดีไซน์ใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ที่จะเพิ่มมาคือ เตือนหากพบความดันเลือดสูง และเตือนหากพบภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
สุดท้ายคือ iPhone 16 ซึ่งเขาบอกไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ โดยดีไซน์ใช้แบบเดิม, รุ่น Pro มีหน้าจอใหญ่ขึ้น, รุ่นทั่วไปได้ Action Button จากเดิมมีแต่รุ่น Pro, และมีปุ่มใหม่เพิ่มมาด้านขวา-ล่าง (ตอนนี้เรียกกันว่า Capture Button) สำหรับเรียกคำสั่งถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ
ที่มา: Bloomberg
Comments
เหมือนสินค้าแอปเปิ้ลปัจจุบันตัวใหม่ๆจะขายได้เพราะสีและดีไซน์เท่านั้นจริงๆ
เขาตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้วครับ เพราะถ้าจะวางสินค้าเป็นกลุ่ม Luxury Fashion Brands จะต้องสร้างการจดจำรูปลักษณ์ให้กับผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน เพราะธรรมชาติของสมองมนุษย์จะต้องให้เกิดการทำซ้ำซักระยะเวลานึง โดยจำคู่กับภาพลักษณ์ร่วมกับการผลิตสื่อโฆษณา เพื่อตอกย้ำว่านี่คือเอกลักษณ์ของ Brand นี้ เมื่อมนุษย์จดจำได้แล้ว จะเริ่มการเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน และเริ่มจัดระดับ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ต้องใช้เวลา ดังนั้นการเปลี่ยนดีไซด์ทุกปี ไม่มีผลดีแน่ถ้าวางสินค้าในกลุ่มนี้ ถ้าสังเกตุให้ดีๆ สินค้าพวกนี้มักถูกเรียกว่า ดีไซด์แบบอมตะ ดูได้นาน และดูมีมูลค่าสูง ซึ่งจริงๆ มันก็มีทั้งถูก และผิดในคำจำกัดความนี้ แต่ผมไม่ขออธิบายแล้วกัน เพราะมันเป็นเรื่องความเชื่อของสมองแต่ละคนในจัดระดับพวกนี้ ไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวอะไร
ในทางกลับกันถ้าวางตัวเป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่นเต็มตัว อาจต้องเปลี่ยนดีไซด์ทุก 1-2 ปีเพื่อให้ทันกับเทรนด์ของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
นึกถึงรถ bmw
หน้าตาเดิมๆ ลากขายนานๆ นี่ช่วยด้านต้นทุนด้วยนะครับ MacBook นี่กว่าจะเปลี่ยนบอดี้ทีลากขายกันยาว ใช้ทีเดียวคุ้มๆ
แต่จริงเหมือนจะสไตล์นี้มาตั้งแต่สมัยก่อน เขาจะให้ภาพจำแบบนี้ ชื่อรุ่นใหม่ก็จะไม่มีเลขห้อยท้าย แต่เหมือนไอโฟนนี่ทำไปแล้วติดตลาดเลยแก้ไรไม่ได้ อุปกรณ์อื่นๆ ยังเรียก gen เอา หรือไม่มี คนต้องนั่งดูปีที่ออกกันเอง ยุคนี้ดีปรับบ้างตามตลาดแข่งขันสูง สีสันเลยต้องมาบ้างแต่ไม่เยอะ
ถ้าไม่เคยใช้จะคิดแบบนั้ล่ะครับ
อัพทีฟังก์ชั่นมาเต็ม บางอันไม่มีในพรีเซนต์ ดีที่เพื่อนทำ Apple ในมหาวิทยาลัย ถึงได้เห็นชัดๆว่ามันทำอะไรได้บ้าง
ทุกรุ่นต้องแก้ design ใส่สีพิเศษ เพื่อให้ผู้บริโภคแยกออกได้ว่า คนใหนใช้สินค้ารุ่นใหม่
(มันเปน social value)
ต่อให้พรี่เค้าจะทำยังไง หุ้นก็ยังขึ้นเรื่อยๆ อะค้าบ
Sony ทำมานานไม่มีใครสนใจ เดี๋ยว Apple ทำ คงมีแบรนด์อื่นทำตามอีกเยอะแน่
+200