แว่น Apple Vision Pro เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้แล้ว ล่าสุดบรรดาสื่อ และอินฟลูเอนเซอร์ของสหรัฐฯ เริ่มปล่อยบทวิจารณ์เบื้องต้นแล้ว หลายสื่อมีความเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดูมีอนาคต และดูดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แต่คำว่าอนาคตที่ว่านั้นกลับยังไม่มาถึง บางส่วนยังต้องปรับปรุงแม้ประสบการณ์ที่ได้รับจะดีมากก็ตาม แต่ที่อุปกรณ์ตัวนี้มีราคาแพงเกินไป โดยมีตัวอย่างบทวิจารณ์จากสื่อต่าง ๆ ดังนี้
- The Verge : มันเหมือนมีเวทย์มนต์จนกระทั่งมันไม่มีเวทย์มนต์ เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ดีที่สุดในตลาดเท่าที่เคยมีมา Apple Vision Pro มีหน้าจอแสดงผลที่เป็น Video Passthrough ที่ดีที่สุดแต่ก็ยังเป็น Video Passthrough อยู่ดีไม่สามารถทนแทนสายตาจริงได้ สีที่แสดงผลออกมาทำได้แค่ 49% ของสีที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้เท่านั้น ด้านการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและมือคือก้าวกระโดด แต่ก็สร้างความน่าหงุดหงิดได้เหมือนกันถ้าพ้นระยะที่กล้องหรือเซนเซอร์มองเห็น ตัวแว่นยังคงตอบโจทย์ ECO System ของ Apple ได้เป็นอย่างดีสนุกมากเมื่อนำหน้าต่างของแอปต่าง ๆ มาแปะไว้เต็มพื้นที่ แต่ทำให้เหงามากเช่นกัน ส่วน Persona แปลกประหลาด และค่อนข้างน่ากลัว รูปที่แสดงออกมา เหมือนจำมาจากความฝันแต่เป็นฝันร้าย
- CNBC : นี่คืออนาคตของคอมพิวเตอร์ และความบันเทิง ประสบการณ์ Spatial Computing ที่ได้รับค่อนข้างดีมาก ๆ ด้วยความที่หน้าจอที่ให้ความละเอียดค่อนข้างคมชัดมากลดรอยต่อระวังโลกแห่งความจริง และโลกในแว่นลง ผู้ใช้งานสนุกกับการดูหนังที่รวมถึงหนัง 3 มิติด้วยแว่นตัวนี้มาก เนื่องจากขยายจอได้ใหญ่ และดูดีกว่าทีวีที่มีในบ้าน รวมถึงการวางหน้าต่างของแอปได้ตามใจเป็นวิธีใหม่ของ Multitasking เลย ฟีเจอร์ Personas ใช้แล้วเหมือนเห็นตัวเองเวอร์ชันอายุ 80 ปี แต่มันก็ให้ความรู้สึกเป็นมนุษย์มากกว่าแว่นตัวอื่น แม้ visionOS จะรองรับแอปจาก iOS และ IPadOS แต่ผู้รีวิวกลับพบว่าแอปหลายตัวกลับไม่มีใน visionOS เช่น Netflix, Spotify, 1Password, Amazon และแอปจาก Google
- CNET 7.8/10 : ตัวแว่น Apple Vision Pro มีจอแสดงผล micro-OLED ที่น่าทึ่ง, อินเทอร์เฟซการควบคุมมือและตาที่ทำงานได้ลื่นไหลแต่ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ตัวแว่นผสมผสานโลกจริง และโลกเสมือนจริงได้อย่างน่าประทับใจ ด้านความบันเทิงบอกเลยว่าใช้มันทั้งวันให้ความรู้สึกเหมือนมีโรงหนังส่วนตัว แอปของ iOS ใช้งานได้ดีสำหรับการทำงาน แต่แอปทำมารองรับ visionOS ยังมีจำนวนน้อยไป ไม่แนะนำให้สวมแว่นตาแล้วใช้งาน Persona สามารถบันทึกได้ครั้งเดียว รวมแล้วเป็นอุปกรณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดของ Apple ที่ให้มุมมองอันน่าทึ่งของอนาคตที่ยังสร้างไม่เสร็จ
- Tom’s Guide 4/5 : Apple Vision Pro มีราคาแพงและยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ก็น่าดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาและเสพความบันเทิงที่น่าอัศจรรย์ การตรวจจับการเคลื่อนไหวของหัว และมือทำได้ดีมาก เหมาะกับการดูหนังทั้งแบบธรรมดาและ 3 มิติ, ทำงานร่วมกับ MacBook ได้ราวกับว่ามีเวทย์มนต์, แอปสำหรับ AR ให้ประสบการณ์ที่เยี่ยมยอด แต่ยังขาดแอปใหญ่ ๆ อย่าง Netflix และ YouTube, แบตเตอรี่เสริมห้อยท้ายค่อนข้างน่ารำคาญ และฟีเจอร์ Persona ยังต้องปรับปรุง
Comments
สรุปมีดีแค่ไว้ดูหนัง กรรม
The Verge ที่เคยโดนแซะว่าเป็น iVerge ยังจัดหนัก
น่าจะไปอีกแว่นนึง เกิดยากมากวงการนี้ ฮ่าๆ
โถ ไม่รอให้ developer เค้าทำงานหน่อยเหรอครับ
+1024
หวังว่าพีจีนๆ ทั้งหลายจะลอกตาม แล้วทำให้ดีขึ้นถูกลง เห็นแนวทางกันแล้ว
มีอยู่แล้วนิ กำลังจะเจ๊งแล้ว รอ Apple ทำให้ตลาดบูมอยู่
ถ้ามีแล้วผมก็หวัง ให้จะลอกตาม แล้วทำให้ดีขึ้นถูกลง มีเจ้าใหญ่ลงมา เปิดตลาดแล้ว
ก็มีหลายเจ้าอยู่แล้วนะครับ
แต่ถ้าหวังกับแอปเปิ้ล ก็ต้องรอแอปเปิ้ลครับ
เพราะแอปเปิ้ลไม่น่าจะอนุญาติให้เจ้าอื่นทำเพื่อใช้กับแอปเปิ้ล
Picoไง
อย่างที่ความเห็นบนว่าครับ แว่นในตลาดนี้ในแง่ความสามารถก็ทำสิ่งที่ Apple ทำได้ส่วนใหญ่อยู่แล้ว แค่คุณภาพมันด้อยกว่าเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่แปลกอะไรเพราะราคามันถูกกว่าเยอะ
เพราะงั้นจะคาดหวังให้มันดีกว่า Apple อีกแล้วยังคงในราคาถูกแบบเดิม ก็คงยากครับ
อย่างมากก็คงเห็นแต่ก๊อปรูปลักษณ์กันมากกว่า
สรุปข้อดีในตอนนี้คือ ดูหนัง จบ
แต่ก็น่าจะมีหลายคนยอมซื้อราคาแพงเพื่อเอามาดูหนังนะ เพราะขนาดทีวีราคาเป็นแสนยังมีคนซื้อ
ถ้าใครทันแล้วได้ไปหิ้ว ipad ตัวแรกจาก US มาจะเข้าใจ ว่า visionpro มันต้องใช้เวลา แล้วสิ่งที่ทำให้มัน wow ไม่ได้มาจาก apple เลย มาจาก developer ที่คิดแล้วเอามาใส่ตั้งหาก apple แค่ทำโครงสร้างไว้ให้
ipad แรกๆมันก็ไม่ work แบบทุกวันนี้นะ เพราะ eco system มันไม่มีเลย developer ก็ไม่ค่อยสนใจนัก ไม่ยอมทำ native app ของ ipad ออกมา apple ส่วนใหญ่คือเอา app iphone มา zoom เป็นจอใหญ่
ผมคิดแบบนี่เลยครับ ผมเป็นกลุ่มคนที่ฝากหิ้ว iPad 1st gen มาจาก US ตอนทึ่ดู present รู้สึกว้าวมากๆ ที่เราจะโหลด text ทั้งเล่ม ลงมาใน tablet ได้แล้ว แต่พอใช้งานแรกๆ หงุดหงิดมากๆ ทั้งขนาดใหญ่หนัก app ก็ตามว่า เอา iPhone มาขยาย ไอคอนใหญ่มาก ผมใช้งานได้ไม่กี่เดือนก็ผิดหวังมาก
แต่พอเวลาผ่านไป device ขายได้เยอะขึ้น เริ่มมี app เฉพาะ เริ่มมี stylus ที่ทำมารองรับ ผมซื้อ iPad เครื่องสองคือ iPad mini หลังจากเครื่องแรก 5 ปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก ผมมาเรียนต่อ ไม่พกสมุดเลย จดทุกอย่างลง iPad อย่างเดียว แอปเยอะมาก ใช้คุ้มมาก
คงต้องรอเวลาสักพัก ให้ต้นทุนถูกลง เครื่องเบาขึ้น และ app มากกว่านี้
ผมพบว่าหน้าจอที่เล็กและหัวปากกาที่ใหญ่มันจดไม่ถนัดเอาซะเลย
แถมดันหนักกว่าสมุดอีกต่างหาก
สุดท้ายก็กลับไปกระดาษเหมือนเดิม
อ้อ นี่เป็นไอแพดตัวที่สองครับ 555 เอาจริง ๆ ผมใช้ Surface แล้วประทับใจกว่านะ
ผมกลับมองว่าเคสนี้มันต่างกัน ipad ที่โดยภาพรวมแล้ว การแสดงผลสามารถทำงานร่วมกับแอปทั่วๆไปที่เราใช้งานกันได้ กับขนาดหน้าจอที่อยู่ตรงกลางระหว่างโทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์ จะเห็นได้ว่าฐานลูกค้าที่ต้องการหน้าจอที่ใหญ่ในขนาดที่สามารถพกไปทำงานข้างนอกได้สะดวกขึ้นนั้นมีรออยู่แล้ว การที่คนทำ app เข้ามาอยู่ใน platform ก็เพราะเค้ามองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยล่ะครับ
แต่อุปกรณ์กลุ่มนี้ use case มันมีน้อยมาก ผมมองมองว่าผลิตภัณฑ์นี้จะถูกใช้อยู่ในกลุ่มเฉพาะทาง ไม่ออกมาขายทั่วไปได้เหมือนโทรศัพท์หรือแทปเล็ต ต่อให้มันมีแอปที่ทำงานได้ดีมากๆแล้วก็ตาม
..: เรื่อยไป
+1 ครับ ผมก็มองว่าจริงๆแล้ว Tablet มันไม่ใช่ตลาดใหม่ซะทีเดียว มันก็มีคนที่พก Laptop เพื่อใช้งานแบบ Tablet อยู่ก่อนแล้ว เพราะงั้นการมาของ iPad จึงมีลูกค้าที่รอตอบรับอยู่แล้ว
ในขณะที่แว่น VR/XR/AR เนี่ย มันแทบจะเป็นตลาดใหม่มากกว่า จึงต่างจาก iPad ที่ไม่ได้มีลูกค้ามากมายพร้อมตอบรับอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีเลยซะทีเดียว มันก็มีตลาดของคนที่อยากได้โรงหนังส่วนตัว/พกพาอยู่ (สินค้าในตลาดนี้นอกจากแว่นก็เช่น tablet/จอพกพา/ทีวี/โปรเจคเตอร์พกพา อะไรพวกนี้) เห็นได้ชัดจากรีวิวหลายๆเจ้าที่พูดถึงด้านนี้เยอะ (เพราะมันเป็น use case ที่เขานึกออกกัน)
โชคดีที่ Apple ทำออกมาได้ดี เพราะงั้นจึงน่าจะมีคนที่ไม่ใช่แฟน Apple รอซื้ออยู่ แต่คนในตลาดนี้ที่ยอมจ่ายหลักแสนจะมีเยอะแค่ไหนก็ต้องมาลุ้นกันครับ
ปล. ที่ผมพูดมานี่คือไม่นับแฟน Apple ที่พร้อมจะซื้อทุกอย่างที่ Apple ออกมานะครับ 😅
ถ้า Apple เริ่มจะทำแล้ว ยังปลุกตลาดแว่น AR VR ไม่ได้ ส่วนตัวก็ไม่หวังกับบริษัทอื่นแล้วนะครับ
ไม่ว่ารีวิวจะออกมาอย่างไร แต่หนึ่งสิ่งที่ Product นี้ตั้งไว้ตอนแรกและทำสำเร็จแล้ว คือเครื่องแสดงฐานะทางสังคม
AVP รุ่นต่ำสุด 3,499$ + เลนส์กันแสง 199$ + Case ใส่ 199$ + Battery เสริม 199$ +Battery Holder +49$ + Apple Care 500$
ราคาแรง แถมไม่ว้าว ขอบายละ
ถ้าราคาแรง แต่ว้าวก็ยอมซื้อมาเล่นอยู่นะ
รอมือสองแบบนี้ราคาตกไวแน่นอน แบบ airpod pro max
ส่วนตัวผมนะ กำแพงใหญ่สุดของ VR คือความลำบากในการใช้ หนัก ปวดคอ ปวดหัว ปวดตา ใส่ได้แปบเดียว
ส่วน ระบบ แอป ราคา อะไรก็ไปแข่งกันอีกที