Alex Heath แห่ง The Verge ได้สัมภาษณ์พิเศษ Dylan Field ซีอีโอ Figma บริษัทพัฒนาเครื่องมือออกแบบ UI/UX ยอดนิยม ที่ Adobe เสนอซื้อกิจการด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ดีลถูกขัดขวางจากหน่วยงานกำกับหลายแห่ง แล้วก็จบลงที่ Adobe กับ Figma ประกาศยุติดีลนี้ โดย Figma ก็ได้เงินค่าเสียหายจาก Adobe 1 พันล้านดอลลาร์

ประเด็นแรกคือสถานะของ Figma หลังจากดีลขายกิจการไม่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทยังคงสถานะทางการเงินที่ดี มีกระแสเงินสดเป็นบวก รายได้ต่อเนื่องสิ้นปี 2023 อยู่ที่กว่า 600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2022 คู่แข่งทางตรงอย่าง InVision ก็ประกาศเตรียมปิดกิจการภายในปีนี้ ส่วน Adobe XD ก็ยืนยันไม่พัฒนาต่อ แถมตอนนี้ก็ได้เงินพิเศษมาเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง Field บอกว่าเขาคิดจะใช้เงินนี้ สลับเป็นโหมดคนซื้อกิจการบริษัทอื่นแทน

ยื่นข้อเสนอกับพนักงาน - Field บอกว่าดีล Adobe ที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานจำนวนหนึ่งคาดหวังโอกาสและการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่เมื่อดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อพนักงานด้วย จึงออกโปรแกรมลาออกแบบได้เงินชดเชย รวมถึงสามารถกลับมาสมัครงานใหม่ได้ทันทีใน 6 เดือน สุดท้ายมีพนักงานเข้าร่วมโครงการนี้กว่า 50 คน คิดเป็น 4% ซึ่งเขามองว่าเยอะกว่าที่คาดไว้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครเข้าร่วมเลย

Figma จะทำอะไรต่อไป - ตอนนี้บริษัทเริ่มพัฒนาเครื่องมือฝั่งนักพัฒนาเพิ่มเติมแล้ว ในมุมมองของ Field เขาคิดถึงห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ การคิด ออกแบบ เขียนโค้ด ส่งมอบ วัดผล ตอนนี้ Figma ยังไม่มีซอฟต์แวร์ครบทุกจุด ก็เป็นโอกาสว่าตรงไหนที่จะเข้าไปเติมเต็มได้บ้าง ส่วนการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Adobe หลังดีลล่มนั้น ทั้งสองบริษัทยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ถ้าถามแผนงานตอนนี้ยังไม่มี

มุมมองต่อ AI - Field บอกว่า AI กับงานออกแบบนั้นมีสองอย่างที่เกิดขึ้น คือ ลดพื้นลงมา พร้อมกับดันเพดานให้สูงขึ้น ลดพื้นความหมายคือ AI ทำให้คนเข้ามาอยู่ในกระบวนการออกแบบได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเครื่องมือออกแบบเดิม รวมทั้งของ Figma เลยก็ได้ ส่วนที่บอกดันเพดาน เพราะขณะเดียวกันนักออกแบบมืออาชีพ ก็สามารถลดเวลาทำงานลงได้ จึงได้งานเพิ่มขึ้นด้วยเวลาที่น้อยลง ตัวเขามองว่างานออกแบบมีบริบทอีกหลายอย่าง ทั้งอารมณ์ กรอบคิด ประสบการณ์แบรนด์ ประสบการณ์ลูกค้า-ผู้ใช้งาน ที่ตอนนี้ AI ยังไม่ชัดเจนว่าเข้าใจนัก มนุษย์คือคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ได้

ที่มา: The Verge