Epic Games ประกาศปรับวิธีคิดค่าไลเซนส์ Unreal Engine ในการใช้งานที่ไม่ใช่เกม เช่น การทำหนัง รายการทีวี คลิปหรือภาพสำหรับงานสถาปัตยกรรม ภาพเคลื่อนไหวในงานอีเวนต์หรือสวนสนุก ฯลฯ ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่แล้ว
เดิมที Unreal Engine มีวิธีคิดเงินสำหรับเกมที่นำเอนจินไปใช้ โดยคิดส่วนแบ่ง 5% จากรายได้เกม โดยมีข้อยกเว้นให้ 1 ล้านดอลลาร์แรก แต่สำหรับการใช้เอนจินไปทำสื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่เกม กลับนับรายได้จากการขายได้ยาก เพราะเอนจินถูกผนวกเข้าไปในสินค้าหรือบริการอื่นอีกที วิธีคิดเงินจึงเป็นตามจำนวนนักพัฒนาที่ใช้ (seat-based subscription) คิดราคา 1,850 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี โดยราคานี้จ่ายแล้วได้ทั้ง Unreal Engine และเครื่องมืออีกสองตัว Twinmotion และ RealityCapture ที่ Epic ซื้อกิจการมา
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลใน Unreal Engine 5.4 เวอร์ชันหน้าที่จะออกช่วงปลายเดือนเมษายน 2024 หากตัดสินใจอยู่กับเวอร์ชัน 5.3 ต่อไปก็ไม่ต้องจ่ายค่าไลเซนส์ตรงนี้
Unreal Engine ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการภาพยนตร์ โดยเปลี่ยนจากการสร้างฉากจำลองในโลกจริง มาเป็นการสร้างฉากดิจิทัลแล้วฉายขึ้นจอขนาดใหญ่ด้านหลังนักแสดงแทน ส่งผลให้ปรับเปลี่ยนฉากได้รวดเร็วกว่าเดิม ประหยัดเวลาและต้นทุนค่าผลิตภาพยนตร์ ตัวอย่างภาพยนตร์หรือซีรีส์ดังที่ใช้วิธีนี้คือ The Mandalorian ตามคลิปท้ายข่าว
ที่มา - Epic Games