ไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface Pro 10 for Business และ Surface Laptop 6 for Business โดยถือเป็น "AI PC" รุ่นแรกของไมโครซอฟท์เอง แต่ยังจำกัดเฉพาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจเท่านั้น ยังไม่มีเวอร์ชันสำหรับคอนซูเมอร์ทั่วไป ซึ่งน่าจะเปิดตัวในงาน Build 2024 ช่วงเดือนพฤษภาคม โดยลือกันว่าเวอร์ชันคอนซูเมอร์น่าจะมีจอ OLED ให้เลือกเป็นครั้งแรก

Surface Pro 10 และ Surface Laptop 6 ยังใช้ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นก่อน สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคืออัพเกรดซีพียูเป็น Intel Core Ultra ที่มีหน่วยประมวลผล NPU ในตัวชิป, คียบอร์ดเพิ่มปุ่ม Copilot และอัพเกรดสเปกจอภาพ-เว็บแคมให้ดีขึ้น

Surface Pro 10 for Business

ใช้หน้าจอ 13" เท่ากับ Surface Pro รุ่นก่อนๆ แต่เปลี่ยนมาใช้หน้าจอที่สว่างขึ้น 33%, อัตราคอนทราสต์สูงขึ้น และเคลือบสารกันสะท้อนเพิ่มเข้ามา, อัพเกรดเว็บแคมเป็น Ultrawide Studio Camera ถือเป็นกล้องหน้าที่ดีที่สุดในท้องตลาด มุมมองกว้างถึง 114 องศา รองรับวิดีโอความละเอียด 1440p Quad HD

ซีพียูเป็น Core Ultra 5 135U หรือ Core Ultra 7 165U, แรม 8GB/16GB/32GB/64GB, สตอเรจเริ่มต้น 256GB, แบตเตอรี่ 19 ชั่วโมง, มีเวอร์ชันรองรับการใส่ซิม 5G ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ Surface ที่ใช้ชิป x86 (ก่อนหน้านี้มีแต่ LTE ของ x86 กับ 5G ของเวอร์ชัน Arm)

Surface Pro 10 ยังเป็น Secured-Core PC มีฟีเจอร์ Enhanced Sign-in Security เปิดใช้เป็นค่าดีฟอลต์, เพิ่มตัวอ่าน NFC สำหรับใช้กับ NFC security key เพื่อการล็อกอินที่ปลอดภัยเข้ามาด้วย, เวอร์ชัน 15" เพิ่ม USB-C พอร์ตที่สองเข้ามาด้วย

ตัวคีย์บอร์ด Surface Pro Keyboard เป็นเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มปุ่ม Copilot เข้ามา ปรับฟอนต์บนคีย์บอร์ดให้อ่านง่ายขึ้น ไฟ backlight สว่างขึ้นเพื่อช่วยสนับสนุนคนพิการ

Surface Pro 10 for Business ราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์

Surface Laptop 6 for Business

โน้ตบุ๊กทรงดั้งเดิมหน้าจอสัมผัส มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอเหมือนเดิมคือ 13.5" และ 15" เพิ่มสารเคลือบกันสะท้อนเข้ามาเหมือนกัน ตัวเครื่องมีให้เลือกสองสีคือเงิน Platinum และดำ Black

ซีพียูเป็น Core Ultra 5 135H และ Core Ultra 7 165H เลือกใช้ซีพียูรหัส H ที่แรงขึ้นกว่ารหัส U, จีพียูมีรุ่นที่เลือกใส่ Intel Arc เข้ามาได้, แรม 8GB/16GB/32GB/64GB, สตอเรจเริ่มต้นที่ 256GB

เว็บแคมอัพเกรดมาเป็น Surface Studio Camera แต่ความละเอียดสูงสุด 1080p, ราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์

ที่มา - Microsoft, The Verge