Stability AI บริษัทปัญญาประดิษฐ์สัญชาติอังกฤษ เจ้าของโมเดล Stable Diffusion ที่เพิ่งประกาศเปลี่ยนตัวซีอีโอ เริ่มมีข่าวไม่ดีออกมาต่อเนื่อง โดยข่าวล่าสุดบอกว่าบริษัทมีปัญหาการเงิน และขาดแคลนเงินทุนที่ใช้เช่าจีพียูราคาแพง
ข้อมูลนี้มาจาก Forbes ที่อ้างว่าได้เอกสารภายในของ Stability AI ระบุว่าบริษัทมีต้นทุนค่าเช่าจีพียูบนคลาวด์ราว 99 ล้านดอลลาร์ต่อปี (เช่าจาก AWS, Google Cloud, CodeWeaver) บวกกับต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าดำเนินการ อีกราว 54 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่บริษัทมีรายได้ในปี 2023 เพียง 11 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
เอกสารที่ Forbes ได้มายังบอกว่า Stability AI จ่ายเงินค่าคลาวด์ไม่ครบเต็มจำนวน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2023 (ไม่มีข้อมูลที่อัพเดตว่าสุดท้ายตามไปจ่ายหนี้จนครบหรือไม่) และเคยพิจารณาแนวทางการไม่จ่ายภาษีให้รัฐบาลอังกฤษอีกด้วย
ปัญหาเรื่องการเงินเหล่านี้ทำให้นักลงทุนเริ่มไม่เชื่อใจทีมบริหาร และบริษัทไม่สามารถระดมทุนเพิ่มได้ตามเป้า โดย Emad Mostaque อดีตซีอีโอที่เพิ่งลงจากตำแหน่งตั้งเป้าว่าจะระดมทุนเพิ่ม 95 ล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2023 แต่สุดท้ายหาได้เพียง 50 ล้านดอลลาร์จากอินเทล และตอนจบตัวเลขนี้ลดเหลือเพียง 20 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีแผนการระดมทุนจาก NVIDIA ที่ล่มในท้ายที่สุดด้วย
นอกจากเรื่องเงินแล้ว Stability AI ยังมีปัญหาเรื่องพนักงาน โดยมีพนักงานระดับสูงในสายงานวิจัยหลายคนลาออกไป เพราะไม่พอใจแนวทางของบริษัท (โดยเฉพาะแนวทางการเทรนโมเดลโดยใช้รูปภาพที่มีลิขสิทธิ์)
ปัญหาเหล่านี้คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ซีอีโอ Emad Mostaque ประกาศลาออก และตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนักว่าอนาคตของบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อ
ที่มา - Forbes, The Register
Comments
ทำให้นึกขึ้นได้ว่าราคา AI ปัจจุบันมันคือถูกมาก
คล้ายๆกับ cloud solution ปัจจุบันที่พอเข้าไปใช้งานแล้วค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ว่าจถูกเหมือนตอนเริ่มแรก แต่ลูกค้าที่ใช้งานไปแล้วก็ opt-out ยากอยู่
การจะทำ AI ในระดับ commercial ตอนนี้ได้ต้องทุนหนาจริงๆ เพราะต้นทุนสูงแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น HW หรือบุคลากร ทีมเล็กๆที่ตั้งบริษัทขึ้นมาก่อน ค่อยหาลูกค้านี่เดี๋ยวน่าจะมีล้มไปเรื่อยๆ
ต้องระดับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft, Google, Samsung หรือสเกลรองลงมาจากนี้ไม่เยอะ ถึงน่าจะแบกสภาวะเงินจมในช่วงแรกได้ เพราะมีช่องทางการทำรายได้เข้ามาได้ตลอด ไม่งั้น cash flow ช๊อตแน่
..: เรื่อยไป
OpenAI : altman ผมบอกแล้วต้องใช้เงิน เราทำโรงเจแบบ Stability ไม่ได้ ค่าใช้จ่าย100ล้าน$ แต่มีเงินลงทุนเข้ามาแค่10ล้าน$ เห็นตัวอย่างแบบนี้เรา CloseAI ต่อเลยแล้วกันนะครับ...
ข่าวต่อมา....
elon musk เรียนเชิญวิศวกรจากStability AI มาอยู่กับผมนะครัสเดี๋ยวผมจัดเงินเดือนให้เบิ่มๆ ชุบแป้งทอด :)
หรือ elon รู้เรื่องนี้ สงสัยตอนนี้รอรับคนอยู่แน่ๆเลย
มันเป็นวิกฤตที่แฝงโอกาสนั่นแหล่ะ ถ้าใครพัฒนาให้การ train model ไม่ต้องทรัพยากรสูงมากเหมือนปัจจุบัน มันก็สร้างโอกาสใหม่ขึ้นมา ส่วนตัวผมว่าวิธีปัจจุบันมันสิ้นเปลืองเกินไปที่จะต้องหาความน่าจะเป็นเกือบทั้งหมดมา เพื่อหา path ที่จะใช้งาน ซึ่งสมองมนุษย์มันไม่ได้ทำงานอย่างนั้น มันค่อยๆ เรียนรู้ไป แล้วก็ปรับหาแนวเส้น path ที่จะนำไปใช้งาน ซึ่งมันก็เหมาะกับการทำงานคนละอย่าง (ดักไว้ก่อน เดี๋ยวมีคนมาบอกว่าผมต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างใน dataset อีก)
คนเราเรียนแค่ 20 ชม. ก็ขับรถได้แล้ว เด็ก 3 ขวบ สามารถปิดเปิดประตูลูกบิดได้ด้วยการทำให้ดูแค่ครั้งเดียว
AI ยังห่างไกลจริงๆ แหละครับ
I need healing.
ผมว่ามันยังขาดการคิดถึงว่า เด็ก หรือพวกเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เข้าใจเรื่องบางเรื่องได้รวดเร็วอยู่แล้ว
ถ้าลองให้เด็กมาถึง ศึกษาเรื่อง ai หรือขับเรือดำน้ำเลย ผมว่า ก็น่าจะต้องใช้เวลานานมาก ๆ ที่จะเข้าใจอะไรซับซ้อน และแทบไม่เคยเห็นแบบนั้น
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ในแง่การใช้งานผมว่ามันก็ทำงานได้ดีในระดับนึงแล้วล่ะครับ แต่มันพัฒนาได้อีกเยอะ มันมีหลายมุมมอง ที่ยังอยู่ในจุดที่พึ่งเริ่มต้น ก็เหมือนสมัยมีคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ นั่นแหล่ะครับ ใครจะไปคิดว่ามันจะเหลือแค่ฝ่ามือในปัจจุบัน ทุกอย่างเป็นไปได้เพียงแต่ก็ต้องอาศัยพลังสมองของนักประดิษฐ์ สร้างสรรค์ไอเดียการใช้งานขึ้น ผมว่านี่เป็นโอกาสของคนไทยเหมือนกันไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แต่เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลกได้ หรือสร้างผลิตภัณฑ์ของเราเองออกสู่ตลาดโลก ในระดับการแข่งขันที่ใกล้เคียงกัน เพียงแค่อย่าไปเล่นในมุมมองที่คนอื่นเขาเล่นกันจนเป็นตลาดสีแดงไปแล้ว ยังมีอีกหลายมุม ที่ยังไม่มีคู่แข่ง เช่น โมเดลรักษ์โลกใช้พลังงานน้อยต้นทุนต่ำ หรือหุ่นยนต์ใช้งานเฉพาะทาง ฯลฯ
ผมเสียดายมากเลยมีวิศวกรหุ่นยนต์เก่งๆ หลายๆ คนในสมัยที่ผมเรียน เห็นแล้วทึ่งกับความสามารถ แต่พอเขาจบออกมา ก็กลายเป็นวิศวกรทั่วไป ไม่ได้ทำงานตามที่ตัวเองฝัน ผมว่าตอนนี้มันถึงเวลาของพวกเขาแล้วล่ะครับ
เทียบแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ผมเข้าใจว่า มนุษย์เรียนรู้ concept ของฟิสิกข์วัตถุ+การเคลื่อนร่างกายในช่วงทารก-วัยตั้งไข่ ซึ่งมันก็หลายเดือนมาก
ซึ่ง AI ขับรถ,ขยับมือกลเปิด/ปิดประตู มันเทรนนานเพราะมันต้องเรียน concept นี้
ต่อไปถ้ามี model กลางที่มี concept นี้อยู่ก่อน
แล้วเอามาสวมเรียนรู้งานพวกนี้ น่าจะใช้เวลาน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
แค่เค่าเช่าจีพียู ก็แพงขนาดนี้แล้ว
ปัญหาหลักๆ คืือคนไม่เปลี่ยนไปใช้ Version ใหม่ๆ ส่วนมากยังจมอยู่ที่ V1.5 ซึ่งเวอชั่นใหม่มันดีกว่านะแต่จะให้คนทำ Lora ทำใหม่ทุก Version มันก็คงไม่ได้ ทำไมเขาไม่ทำ Tools อะไรที่มันทำให้ Lora เก่าๆ ใช้ได้กับรุ่นใหม่ๆ ต่อให้จะดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มี Lora ก็จบ
เคยอ่านว่าเค้าไม่เน้นธุรกิจ แต่เน้นพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม อันนี้เกี่ยวมั้ยครับ
นั่น OpenAI
หรือแอบหลอกด่า Antman