Ted Sarandos ซีอีโอร่วม Netflix ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ในหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการมาถึงของ AI ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิง รวมทั้งมุมมองในเรื่องคอนเทนต์ที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม
เขาพูดถึงประเด็น AI ในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมองว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งเข้ามาช่วยการผลิต เหมือนการมีสตูดิโอสร้างฉากเสมือน ก็ไม่ได้แทนที่การถ่ายทำในสถานที่ทั้งหมด สมัยก่อนอนิเมชันวาดมือ แล้วคอมพิวเตอร์ก็เข้ามาช่วยให้งานรวดเร็วขึ้น ในยุคที่ทีวีเข้ามาใหม่ ๆ วงการภาพยนตร์ก็ต่อต้านการนำหนังไปฉายในทีวี เขาจึงมองว่าสุดท้าย AI จะช่วยให้คนเขียนบท ผู้กำกับ ฝ่ายตัดต่อ ทำงานได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น
Sarandos ยังบอกว่าเขาเชื่อในงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่เชื่อว่า AI จะเขียนบทได้ดีกว่านักเขียนบทคุณภาพ หรือไปเป็นนักแสดงที่เก่งกาจกว่าได้ AI ไม่สามารถแย่งงานคนเหล่านี้ได้ แต่คนใช้ AI เป็นอาจแย่งงานได้ต่างหาก
เมื่อถามว่า Netflix นั้นต้องผลิตคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มอยู่ตลอด จึงมีเรื่องของปริมาณกับคุณภาพที่ต้องรักษาสมดุล คอนเทนต์ประเภทหนังฟอร์มยักษ์จึงอาจไม่เหมาะกับ Netflix นัก โดยยกตัวอย่าง Barbie หรือ Oppenheimer ว่าไม่น่าจะเห็นหนังแบบนี้บนแพลตฟอร์ม
Sarandos ไม่เห็นด้วย บอกว่าหนังทั้งสองเรื่องสามารถชมบน Netflix ได้ดีเหมือนกับการดูบนจอใหญ่ และไม่มีหนังประเภทใดที่จะบอกได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะกับจอขนาดเล็ก-ใหญ่ เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอด คนดูก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาบอกว่าคอนเทนต์ที่ Netflix ยังไม่มีแผนทำเพราะไม่เหมาะ อาจเป็นพวกรายการข่าวสั้นทันเหตุการณ์ หรืออะไรแบบนั้นมากกว่า
ภาพยนตร์ Barbie
เขาพูดถึงซีรีส์ Baby Reindeer ของอังกฤษ ซึ่งประสบความสำเร็จในกลุ่มคนดูอเมริกา ว่าซีรีส์แนวนี้ไม่มีทางถูกอนุมัติให้ผลิตในอเมริกา แต่ซีรีส์นี้ประสบความสำเร็จมากในอังกฤษ และทำให้อัลกอริทึมเลือกดันซีรีส์นี้กับคนดูอเมริกาเพราะเชื่อว่าจะชอบ
Sarandos ไม่เชื่อว่าเพื่อเจาะตลาดอเมริกา เนื้อเรื่องต้องถูกดัดแปลง แต่ถ้าเนื้อเรื่องนั้นประสบความสำเร็จในประเทศบ้านเกิด คนต่างประเทศก็จะเปิดใจรับชมเพราะรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์นั้นมากกว่า
ซีรีส์ Baby Reindeer
ที่มา: The New York Times
Comments
ถามนายจ้างถามคนจ่ายเงินก็ได้คำตอบแบบนี้ละนะ
ลองเอาหนังใหม่ลงnetflix พร้อมกับฉายโรงซิ ดูซิว่าโรงหนังจะปรับตัวอยู่รอดได้ซักกี่โรง
ของที่มันมาทดแทน ไอ้ที่มีอยู่เดิมก็ต้องลดลง