Amazon เผยรายละเอียดของ Project P.I. (ย่อมาจาก Private Investigator) เป็นการนำเทคนิค computer vision เข้ามาช่วยสแกนสินค้าว่าเสียหายหรือไม่ ก่อนบรรจุลงกล่องส่งไปหาลูกค้า เพื่ิอลดการคืนสินค้าหรือคำร้องเรียนจากลูกค้าลง
สินค้าที่อยู่ในโกดังของ Amazon ก่อนจัดส่งจะถูกส่งเข้า image tunnel เพื่อถ่ายภาพ แล้วให้ Project P.I. ช่วยวิเคราะห์ความบกพร่องชนิดต่างๆ (เช่น ปกหนังสือยับ) แล้วแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่มนุษย์ เพื่อตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรกับสินค้าที่มีปัญหานั้น เช่น นำไปขายเป็นสินค้ามือสอง (Amazon Second Chance) หรือบริจาค
Amazon บอกว่า Project P.I. ช่วยแก้ปัญหาทั้งความพึงพอใจของลูกค้า และช่วยเรื่องความยั่งยืนเพราะไม่ต้องส่งสินค้าไปกลับ สิ้นเปลืองทั้งแพ็กเกจจิ้งและการปลดปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง
เดิมที Amazon ใช้เทคนิค OCR อ่านป้ายข้อความบนสินค้า แล้วนำไปเทียบกับข้อมูลในฐานข้อมูล แต่ข้อจำกัดของเทคนิคนี้คือดูได้เฉพาะป้ายเท่านั้น เมื่อเทคโนโลยี computer vision พัฒนาขึ้น ทำให้บริษัทสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดกว่าเดิม โดยสร้างโมเดลเรียนรู้ว่าสินค้าที่ "ถูกต้อง" หน้าตาเป็นอย่างไร หากมีภาพถ่ายสินค้าที่แตกต่างไป โมเดลสามารถแยกแยะได้
ขั้นถัดไป Amazon จะนำ Multi-Modal LLM (MLLM) เข้ามาเสริม Project P.I. ในกรณีที่สินค้าหลุดรอดสายตาของ AI ไปจนถึงมือลูกค้า หากลูกค้าร้องเรียนและแจ้งปัญหากลับมา ก็จะนำรีวิวจากลูกค้ามาวิเคราะห์เทียบกับภาพที่ P.I. ถ่ายเก็บเอาไว้ เพื่อดูว่าสาเหตุอยู่ตรงไหน หลุดไปได้อย่างไร เช่น พนักงานอาจแปะป้ายขนาดสินค้าผิด ทำให้ P.I. เข้าใจว่าถูกต้องแล้ว ทางศูนย์กระจายสินค้าจะได้กลับมาแก้ปัญหาเรื่องป้ายสินค้าชนิดนี้ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก
ที่มา - Amazon
Comments
ปกติมันเสียหายระหว่างทางเปล่านะ
ก่อนจะโทษว่าเสียหายระหว่างทางเลยต้องมีหลักฐานจากทั้งต้นทางและปลายทางไงครับ หลักฐานปลายทางคือ Unpacking video ส่วนหลักฐานต้นทาง Amazon กำลังอำนวยความสะดวกให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่สามารถถ่าย Packing video ได้
เคสนี้คืออยู่ในโกดังของ Amazon เลยนะครับ ถ้าร้านค้าส่งกันเองก็ต้องถ่ายกันเอง ไม่แน่ใจส่งข้างนอกก็วิ่งโกดังของ Amazon ก่อนก็โอเค แต่แบบ Amazon บรรจุแบบในคลิปโปรโมทก็ไม่ไหวนะครับของปกติแต่ระหว่างทางจะรอดไหม
https://youtu.be/3FwTRjCMHCU?t=113
ขยะมันเยอะ ลดๆ มาบ้างก็ดีครับ orz สั่งของออนไลน์เวลามาส่งนี่รู้สึกแย่กับขยะส่วนเกินมาก
ใจจริงอยากให้ตัดกล่องไปให้พอดีๆ ของแล้วเอาส่วนที่ตัดไปทำกันกระแทกแทนเลย แต่อันนั้นน่าจะยากและวุ่นวายไป ส่วนกระดาษกันกระแทกนี่อย่างน้อยช่วยทำแบบของบ้านเราที่ตัดให้มันฟูๆ ได้ก็น่าจะดีกว่า? (ที่เป็นลายซิกแซกๆ)
กระดาษลายซิกแซกๆ คุ้น เห็นคนเม้นกันเฟสที่โฆษณาขาย เขาบอกมันแพงกว่าแบบเดิม คนน่าจะใช้น้อยนะครับต้นทุนแม้ค้าเพิ่ม
คงต้องส่งของแบบฝรั่งแบบเพื่อนเคยเจอส่งของแบบใส่ห่อพลาสติกใสเหมือนขายหน้าร้านงี้เลยแล้วมาส่งดื้อๆ ไม่มีอะไรหุ้มเลยครับ (แต่ของเป็นพวกเสื้อผ้า)
ชอบที่พัฒนาไม่หยุดนี่ล่ะ