คณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC (European Commission) แจ้งคำเตือนขั้นต้นกับ X ว่าละเมิดกฎหมายดิจิทัล DSA ของสหภาพยุโรป ใน 3 ประเด็น ได้แก่ รูปแบบการดำเนินงาน, ความโปร่งใสในการโฆษณา และการให้นักวิจัยเข้าถึงข้อมูล
EC บอกว่าหลักการของกฎหมาย DSA คือการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และความโปร่งใสของระบบโฆษณาแสดงผล ซึ่งผลการสอบสวน รวมทั้งข้อมูลจากเอกสารภายใน การสอบถามผู้เชี่ยวชาญ จึงพบว่า X ละเมิดกฎหมาย DSA ดังนี้
ประเด็นแรกเรื่องการดำเนินงาน EC เจาะจงไปที่ระบบติ๊กถูกสีฟ้า ซึ่ง X เรียกว่าบัญชียืนยันตัวตน แต่ EC พบว่า X ใช้สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้งานมองว่านี่เป็นบัญชีที่เชื่อถือได้ มีการยืนยัน ซึ่งไม่เป็นความจริง เท่ากับหลอกผู้ใช้งาน
ประเด็นต่อมาเรื่องการโฆษณา EC พบว่า X ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางความโปร่งใสของระบบโฆษณาตามกฎหมาย DSA เช่น ระบบตรวจสอบย้อนหลังโฆษณา และยังออกแบบการแสดงผลโฆษณาให้ยากต่อการตรวจสอบกลับของผู้ใช้งาน
สุดท้ายคือการให้นักวิจัยเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในกฎหมาย DSA ซึ่งเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า X ปัจจุบันเปิดให้ดึงข้อมูลจำนวนมากออกไปได้ผ่าน API เท่านั้น และมีการคิดค่าบริการที่สูงมาก จึงเป็นการละเมิดกฎหมายดังกล่าว
EC บอกว่าได้แจ้ง X ถึงคำเตือนในขั้นต้นนี้แล้ว โดย X สามารถให้ข้อมูลคัดค้านความเห็นของ EC นี้ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการตัดสินต่อไป กรณีที่สรุปว่า X มีความผิดตามกฎหมาย DSA จะมีโทษปรับสูงสุด 6% ของรายได้ทั่วโลก
อัปเดต: Elon Musk เจ้าของ X โพสต์ข้อความหลัง EC ออกแถลงการณ์ บอกว่า EC ได้ยื่นข้อเสนอลับอย่างไม่ถูกกฎหมาย ให้เราเซ็นเซอร์เนื้อหาโดยไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ แล้วจะไม่ปรับเงิน ซึ่งแพลตฟอร์มอื่นยอมรับข้อเสนอนี้ แต่ X ไม่รับ
The European Commission offered 𝕏 an illegal secret deal: if we quietly censored speech without telling anyone, they would not fine us. The other platforms accepted that deal. 𝕏 did not. https://t.co/4lKsaRsYoA
— Elon Musk (@elonmusk) July 12, 2024
ที่มา: European Commission
Back in the day, #BlueChecks used to mean trustworthy sources of information✔️🐦Now with X, our preliminary view is that:❌They deceive users❌They infrige #DSAX has now the right of defence —but if our view is confirmed we will impose fines & require significant changes. pic.twitter.com/M9tGA5pYQr
— Thierry Breton (@ThierryBreton) July 12, 2024
Comments
"ให้อยากต่อการตรวจสอบ"
ใครว่าฝรั่งมีเสรีภาพ ไม่มีการเซ็นเซอร์แบบจีน
จริงๆ ก็ทำเหมือนกันแต่เนียนกว่า
ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องเสรีภาพแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ถึงจะดูเหมือนเผด็จการแต่มันต่างจากจีนตรงที่บางเรื่องทำไปแล้วประเทศอาจจะถอยหลัง สหภาพยุโรปอาจจะเดินช้ากว่าชาวบ้านแต่ก็ยอมทำ เห็นได้ชัดที่สุดคือเรื่อง Type C ถ้าไม่มี EU เราไม่ได้ใช้ Iphone Type C กันหรอกตอนนี้ ถ้าไม่มี EU ก็จะมีแต่ Monopoly หากินแบบเสือนอนกินโดยที่ไม่แคร์สังคมใดๆ
ถ้าการเซ็นเซอร์ที่ว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนจริง คงไม่มาเป็นดีลลับละครับ
มีแต่จะตีฆ้องร้องป่าว ได้หน้าได้คะแนนเสียง
ใช่ครับ, ก็คล้ายๆเรื่อง Hack => US นี่ hack ไปไกลกว่าจีนมาก แต่ hack แบบเงียบๆ เนียนๆ ไม่โจ่งแจ้ง แบบที่ snowden เอามาเปิดโปง และที่ US ชูธงโน้มน้าวให้ EU และพันธมิตร แบนอุปกรณ์จีนก็น่าคิด เพราะเหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ตัวเอง Hack คนอื่นไว้ก็กลัวคนอื่นจะ Hack แบบเดียวกันบ้าง นอกจากนี้ ถ้า EU และพันธมิตรแบนจีนก็ต้องใช้ของ US ดังนั้นUS ก็จะได้เห็นข้อมูลทั้งหมดไง ข่าวก็เคยมีออกมาหลายครั้งว่าแอบอักฟังพวกเดียวกันตลอด
อันนี้น่าสนใจที่สุด แต่กลับเงียบเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ ฉันทำได้แต่คนอื่นห้ามทำ = ประชาธิปไตย
เรื่องนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับเป็นประชาธิปไตยนะอย่าโยงมั่วซั่ว เป็นประชาธิปไตย=ต้องให้คนอื่นเข้ามาhackข้อมูลไปเรอะงงความเชื่อมโยงคืออะไรเอ๋ย
เงียบๆ เนียนๆ ไม่น่ามีใครสู้จีนได้นะ
ิอย่างเคสsnowden ถ้าเกิดที่จีนsnowdenน่าจะเป็นปุ๋ยโดยไม่มีใครรู้เรื่อง
Misleading Vividness
เห็นคุณทำหลายรอบแล้ว ผมถึงพูด
-
ส่วนเรื่องเนื้อหาที่เซ็นเซอร์ อิงจากที่ Elon เคยเอามาประกาศ มันก็ไม่พ้นเนื้อหา 'hate' กับเนื้อหาทางการแพทย์นั่นแหละ เช่น Covid
เหมือนตอนที่ออสเตรเลีย มีมุสลิมฆ่าบิชอป รัฐบาลสั่งลบคลิป เพราะกลัวคนจะมองมุสลิมไม่ดี ถ้า Elon ไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ รัฐบาลจะประกาศทำไมถ้าจุดประสงค์คือไม่อยากให้คนกลัว
Elon แค่ไม่เห็นด้วย แค่นั่น
อันแรกคือ คนน่าจะเข้าใจได้ว่า บัญชีเติมพรีเมี่ยม
อันที่สองนี้ ก็จริง
อันที่สาม คือจะไม่จ่าย แต่จะเอาข้อมูล
Elon ปากแจ๋วกับทุกคนได้ แต่ไม่ใช่ EU รอดูเลย
eu มีพวกหัวหมอเยอะจัด