แอปเปิลเพิ่มความสามารถใหม่ Distraction Control ให้กับ Safari โดยเริ่มทดสอบใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia เวอร์ชันเบต้าที่ 5 สำหรับนักพัฒนา
Distraction Control หรือการควบคุมสิ่งรบกวน ทำงานตามชื่อโดย Safari จะตัดการแสดงผลสิ่งที่รบกวนในหน้าบทความหรือเว็บเพจ เช่น หน้าต่างที่ซ้อนขึ้นมา, ตัวเลือกการตั้งค่าคุกกี้, แบนเนอร์ให้สมัครรับข่าวสาร, วิดีโอที่เล่นอัตโนมัติ และอื่น ๆ
การทำงานของ Distraction Control จะซ่อนการแสดงผลเฉพาะคอนเทนต์ Static เท่านั้น ไม่ได้ทำงานแบบตัวป้องกันการแสดงโฆษณา (Ad Blocker) ถึงแม้อาจใช้ซ่อนโฆษณาได้ก็ตาม
Distraction Control จะทำงานแบบ On-device มีผลเฉพาะ Safari ในอุปกรณ์นั้นเท่านั้น ไม่ซิงก์ข้ามอุปกรณ์ จึงต้องตั้งค่าแยกกันในแต่ละเครื่อง
ก่อนหน้านี้มีรายงานเรื่องฟังก์ชันซ่อนคอนเทนต์รบกวนใน Safari แต่แอปเปิลไม่ได้พูดถึงฟีเจอร์ในตอนเปิดตัว iOS 18 งาน WWDC ซึ่งก็เพิ่งมีฟีเจอร์ในเบต้าที่ 5 นั่นเอง
ที่มา: MacRumors
Comments
แอบย้อนแย้งนิดนึงตรง “คำถามคุกกี้”
คือไอ้สิ่งนี้มันมีเพื่อเป็นการปกป้องผู้ใช้ ให้สามารถเลือกได้ว่าอยากจะให้เก็บคุกกี้อะไรบ้าง
ปัญหาคือ มันดันถามทุกครั้งที่เข้า web แถมยัง default เป็นเก็บหมด ถ้าจะเก็บเฉพาะที่จำเป็น มันดันต้องกด 2-3 ที (บางอันก็มีให้เลือกเลย)
น่าจะให้ browser สามารถจดจำและส่งไปใน http header ได้ และบังคับในกฏหมายว่าต้อง implement ตัวนี้ด้วย (ภายใน 1 ปีอะไรก็ว่าไป)
พวกที่ใช้ consent solution อยู่แล้วไม่น่ากระทบ แค่ upgrade s/w แต่น่าจะกระทบพวกสาย ad
ผมรำคาญมากเลยกับคำถามคุกกี้ เวบไหนเป็นแบบนี้ก็พยายามจะไม่เข้าไปใช้งาน
ถ้าอยู่ใน EU นี่เลือกไม่ได้นะฮะ หรือกระทั่งเว็บที่ตอนอยู่ไทยแล้วขึ้นมานี่ขึ้นละเอียดกว่าถี่กว่าก็มี 😱
ไม่ก็พึ่งพวกนี้ไป https://chromewebstore.google.com/detail/consent-o-matic/mdjildafknihdffpkfmmpnpoiajfjnjd
บริษัทโฆษณาลุกฮือแน่ ๆ การทำให้ผู้ใช้รำคาญแล้วกด Accept All ให้จบ ๆ ไปก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการเลี่ยงกฎหมาย
ทำไมไม่เอา เวลาไป implement Web standard ก่อน
อยากจะใช้ modern API นี้ติดที่ Safari ประจำ
ต้องโทษEUแหล่ะ ที่ตอนคิดกฏออกมา คิดตื้นไป
แล้วWeb standardไม่น่าเกิดแน่นอน เพราะgoogleไม่น่ายอมแน่ๆ
ผมหมายถึง W3C Web standards ครับ ซึ่งมันไม่น่ามีอะไรเกี่ยวกับ EU
อย่างล่าสุดที่ผมจะใช้ https://caniuse.com/?search=Custom%20Elements
แต่ติด Safari ผมเลยใช้แบบเต็มที่ไม่ได้
ขนาด Firefox ของ Mozilla ที่ resource มีไม่น่าจะถึง 2% ของ Apple ยังใช้ได้