หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ระบบ AI สามารถตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ก็คือสถาปัตยกรรมบน Edge Computing ซึ่งงานประมวลผลด้าน AI ในระดับองค์กรนั้น มีความต้องการที่เฉพาะตัว ตั้งแต่ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ไปจนถึงความยืดหยุ่นที่เซิร์ฟเวอร์ต้องถูกออกแบบมาอย่างเฉพาะเจาะจง
IBM ผู้นำด้านโซลูชันระดับองค์กรและโครงการ AI ได้เล็งเห็นถึงความต้องการจากลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม อาทิ อุตสาหกรรมค้าปลีก ขนส่ง ธุรกิจบริการสุขภาพ และ ภาคการผลิต ในมุมของ Edge Computing จึงเป็นที่มาของโซลูชัน IBM Power S1012 ที่เราจะมาเล่าถึง 6 คุณสมบัติสำคัญว่าเหตุใดจึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะกับงาน Edge Computing มาติดตามกันได้ในบทความนี้
ก่อนที่จะมีคลาวด์เกิดขึ้นทุกองค์กรพยายามสร้างศูนย์ข้อมูลของตนเองเพื่อรองรับกับการกักเก็บข้อมูล จนกระทั่งเมื่อคลาวด์มาถึงหลายธุรกิจก็พบว่านวัตกรรมและความยืดหยุ่นของคลาวด์ช่วยลดต้นทุนขององค์กรได้ในหลายกรณี และเมื่อยุคของ AI เริ่มต้นขึ้น องค์กรก็เริ่มพบว่า Network กลายเป็นคอขวดที่สำคัญแม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จะประมวลผลได้ดีก็ตาม ด้วยเหตุนี้แนวคิดของ Edge Computing จึงกลายเป็นเส้นทางคู่ขนานที่องค์กรต้องพิจารณา
ไอเดียการประมวลผลใกล้ชิดกับแหล่งกำเนิดข้อมูลนี้ช่วยแก้ปัญหาของธุรกิจได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจทันที เช่น การควบคุมไลน์การผลิตในภาคอุตสาหกรรม การใช้ AI เพื่อตรวจสอบรถยนต์หรือคนเพื่อนุมัติการเข้าออกของสถานที่ เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นยังตอบโจทย์นโยบายการเก็บข้อมูลไว้ที่ธุรกิจเองด้วย จะดีกว่าไหมหากเราจะใช้คลาวด์เท่าที่จำเป็น แต่แน่นอนว่าเซิร์ฟเวอร์ที่เลือกใช้ก็ต้องถูกออกแบบมาเพื่อการนั้นด้วย เช่นเดียวกับ IBM Power S1012 ที่จะได้เล่าถึงต่อไป
1.) Form Factor ที่ยืดหยุ่น พร้อมใช้ในสาขาและพื้นที่หน้างาน
เมื่อกล่าวถึงคำว่า Edge Computing มักไม่ได้หมายถึงศูนย์ข้อมูลในสำนักงานหลัก ดังนั้นที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์อาจเป็นไปได้หลายแบบ เช่น การตั้งในพื้นที่จำกัดต่างๆ Rack ขนาดเล็ก เป็นต้น ซึ่ง IBM Power S1012 มีทางเลือกให้ 2 รูปแบบคือ ลักษณะของเซิร์ฟเวอร์แบบ Tower และ การติดตั้งใน Rack 2U แต่ที่น่าสนใจคือดีไซน์การออกแบบที่แบ่งครึ่งพื้นที่ให้สามรถใส่อุปกรณ์ได้ 2 ตัวคู่กัน เพิ่มตัวเลือกรองรับการใช้งานในลักษณะต่างๆ เช่น เครื่องสำหรับทดสอบและใช้จริง ใช้งานเป็นระบบสำรองกันและกัน หรือการรองรับการขยายตัวในอนาคต เป็นต้น
2.) ตอบโจทย์ความประหยัดพลังงานและ Carbon Footprint
เมื่อเซิร์ฟเวอร์มีขนาดเล็กลงแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานเองย่อมลดลงด้วย รวมไปถึงต้นทุนในการบำรุงรักษาด้านพื้นที่และการทำความเย็นที่ต้องสูญเสีย แน่นอนปัจจุลันหลายๆองค์กรกำลังมองหาเซิร์ฟเวอร์ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าและสอดคล้องกับแนวทางด้านการปลดปล่อยคาร์บอนไปพร้อมกัน
3.) พร้อมสำหรับงาน AI ณ ระดับ Edge
ปกติแล้วเมื่อเราพูดถึงการประมวลผล AI คนส่วนใหญ่มักจะพูดถึง GPU เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ในชิป IBM Power 10 มาพร้อมกับ Matrix Math Accelerator (MMA) รองรับกับงานทำ AI inferencing ด้วยประสิทธิภาพสูง โดยในช่วงการพัฒนาโมเดล AI การเรียนรู้ของโมเดลอาจเกิดขึ้นที่คลาวด์หรือดาต้าเซนเตอร์หลัก และนำส่งมาที่ Edge เพื่อให้คำตอบที่สนใจเมื่อได้รับ input ซึ่งช่วงนี้เรียกว่า AI inferencing นั่นเอง
4.) พร้อมสำหรับทุกธุรกิจทุกขนาด ไม่จำกัดแค่งาน AI
เมื่อพิจารณาขนาดของการประมวลผลจะเห็นได้ว่า IBM Power S1012 มาพร้อมกับชิป Power 10 แบบ Socket เดี่ยว โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 1, 4 และ 8 คอร์ นั่นหมายความว่าโจทย์ของธุรกิจแบบใดก็สามารถเริ่มต้นกับเซิร์ฟเวอร์ตัวนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะงาน AI เท่านั้น เช่น งานฐานข้อมูลบางอย่างที่อาจคิดราคา License ตาม Socket ก็สามารถพิจารณา Power S1012 เข้าไปใช้งานได้เพื่อลดต้นทุน และยังเหมาะใช้งานกับ IBM i ที่รวมความต้องการด้านซอฟต์แวร์มาไว้ใน License เดียว ง่ายต่อการบริหารจัดการ
5.) ความน่าเชื่อถือในภาคอุตสาหกรรม
เหตุผลหลักที่ทำให้ IBM ได้รับความไว้วางใจในระดับอุตสาหกรรมก็คือการที่ IBM ได้คิดเผื่อสำหรับการใช้งานยามฉุกเฉินไว้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากฮาร์ดแวร์ของ IBM หลายรุ่นที่องค์กรใหญ่เลือกใช้ ด้วยฮาร์ดแวร์ตัวสำรองกรณีการเกิดความบกพร่อง เช่น ดิสก์ พัดลม Power Supply ทำให้งานยังคงดำเนินได้ต่อไประหว่างรอการเปลี่ยนอุปกรณ์ ตลอดจนการอัปเดต Patch และ Firmware ที่ไม่กระทบต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดในความน่าเชื่อถือของ IBM ที่ทำให้มีสถิติของการล้มเหลวของระบบน้อยมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นในท้องตลาด
6.) Security จาก IBM Power 10
หนึ่งในข้อกังวลของการทำงานในระดับองค์กรก็คือความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะงานด้าน AI มักจะถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับ IBM Power 10 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตสำหรับประมวลผลด้านการเข้ารหัสโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ารหัสหรือถอดรหัสข้อมูลที่ผ่านเข้าออกโมเดลและในหน่วยความจำ นอกจากนี้ยังลงลึกไปถึงการป้องกันที่ระดับการบูตเครื่องด้วยกลไกมากมายไม่ว่าจะเป็น Secure Boot, Trusted Boot และ Trusted Platform Module (TPM) รองรับ Root of Trust (RoT) ที่ช่วยป้องกันฮาร์ดแวร์ไม่ให้ถูกโจมตี
จะเห็นได้ว่า IBM Power S1012 ที่มาพร้อมกับชิป IBM Power 10 ได้มีการถูกออกแบบ คิดคำนวณมาเป็นอย่างดี เกี่ยวกับการใช้งานในระดับ Edge ทั้งในการใช้งานสำคัญหรือ AI ซึ่งต้องการความรวดเร็วและคุณภาพที่ไว้ใจได้ระดับองค์กร นอกจากนี้ยังเข้าถึงได้กับธุรกิจทุกขนาด สะท้อนได้จากสเป็คของเครื่อง และ Form Factor ที่ยืดหยุ่น นั่นจึงทำให้ IBM Power S1012 พร้อมสำหรับโจทย์ทางธุรกิจ เช่น การทำ Object Detection สำหรับการตรวจจับและป้องกันภัย งานวิเคราะห์กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม งานด้านฐานข้อมูลที่ต้องการฮาร์ดแวร์คุณภาพสูงและน่าเชื่อถือ หรือการแยกระบบในลักษณะของ air-gap ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงปลอดภัย เป็นต้น
สนใจโซลูชัน IBM Power S1012 หรือโซลูชันใดๆของ IBM ติดต่อทีมงาน Computer Union ได้ที่ email : cu_mkt@cu.co.th หรือ โทร 02-311-6881 #7151, #7158