9to5Mac รายงานข้อมูลรายละเอียดสเป็กฮาร์ดแวร์ของ iPhone SE 4 ซึ่งเป็น iPhone SE รุ่นราคาถูกตัวใหม่ที่มีรายงานว่าจะออกมาต้นปีหน้า ซึ่งแหล่งข่าวนี้ให้ข้อมูลตรงกันว่าบอดี้เครื่องจะเป็น iPhone 14 มีติ่งรอยบากด้านบน เปลี่ยนมาใช้ Face ID แทนปุ่มโฮม
ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ภายใน iPhone SE 4 ซึ่งชิปเป็น A18 และเพื่อให้รองรับ Apple Intelligence เลยได้แรมเป็น 8GB ส่วนกล้องหลังเป็นกล้องไวด์ 48MP และกล้องหน้า 12MP เหมือน iPhone 15 แต่กล้องหลังจะได้ตัวเดียว ไม่มีเลนส์อัลตร้าไวด์หรือเลนส์เทเลโฟโต้ โดยแอปเปิลจะใช้จุดขายการซูมออปติคัล 2X แทน
นอกจากนี้ iPhone SE 4 จะเป็น iPhone รุ่นแรกที่ได้ทดลองใช้โมเด็ม 5G ซึ่งแอปเปิลออกแบบพัฒนาต่อจากการซื้อกิจการโมเด็ม 5G จากอินเทลตั้งแต่ปี 2019 และมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าแอปเปิลใช้เวลาพัฒนานานกว่าแผนที่วางไว้
โมเด็ม 5G นี้ แอปเปิลพัฒนาด้วยโค้ดเนมภายใน Centauri นอกจากรองรับการเชื่อมต่อ 5G แล้ว ยังจัดการระบบไร้สายทั้ง Wi-Fi, บลูทูธ และจีพีเอส จบในตัวเดียว
ที่มา: 9to5Mac
Comments
รอดูราคา
Camera Control ไม่ต้องใส่มาก็ได้ ขอแลกกับแบตอึดๆแบบ 16 Plus จะไม่ลังเลเลย
อะไรที่ตามด้วย SE ลดต้นทุนน่าเกลียดเกิน ใครไม่ซีเรียสมากก็ใช้ไปเถอะ แต่จะไม่แนะนำให้ใครรอบตัว ซื้อซีรีส์ที่เป็น SE มาใช้เลย
เคยใช้ SE ตัวแรก ก็ประทับใจอยู่นะครับ เครื่องเร็ว อัพเดทได้นาน แบทโอเคในระดับนึง ราคาคือว่าถูกสำหรับ Apple แต่ต้องเป็นคนไม่ซีเรียสเรื่องกล้อง คือแบบถ่ายเห็นมีรูปพอ
iPhone ที่ไม่ค่อยประทับใจสำหรับผมคือ iPhone 5C มากกว่า
พี่สาวใช้มาหลายปีละ บอกไม่ชอบจอใหญ่กว่านี้ ไม่ถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง โซเชียล เค้าก็ไม่บ่นไร งงเหมือนกัน 555
ผมใช้ SE2 มาตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวเลยครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมว่ามันเล็กกระทัดรัดดี ใส่กระเป๋ากางเกงง่าย แถมราคาก็ถูกและได้อัพเดตตลอด ผมอยู่เมืองนอกก็ใช้ Apple Pay ได้ด้วย เรื่องถ่ายรูปผมว่ากล้องมันก็ไม่ได้แย่ หรือว่าผมอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ทำงานสายรูปภาพ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าองค์ประกอบภาพมันต้องดีขนาดไหน สำหรับผมความชัดก็ใช้ได้แล้ว ส่วนเรื่อง 5G เอาจริงๆ ผมว่าในต่างประเทศเรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่ได้สำคัญเท่าความเสถียรอ่ะครับ และบางจุดขนาดเป็นโซนมหานครพวกเมโทรเน็ตก็ไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าที่ไทยอินเทอร์เน็ตแรงจริงๆ พอเราไปทำงาน เราก็ใช้อินเทอร์เน็ตขององค์กร กลับมาบ้านก็มี Fibre to home ติดเรื่องเดียวก็อาจจะเรื่องแบต 555 แต่ปกติจะพก MBA M1 ไปด้วยตลอดและตอบงานผ่านคอม เลยไม่ได้ซีเรียส อันนี้มุมมองจากคนใช้ SE2 ที่ใช้จนเปลี่ยนแบตจาก Apple Store ไปแล้วหนึ่งรอบครับ 555
เคยใช้ SE2 ซื้อตั้งแต่ออกใหม่ ๆ ตอนปี 63 จนเปลี่ยนแบตไปตอนปลายปี 65 เหมือนกันครับ แบตห่วยจริงครับ ปีที่แล้วเพิ่งอัพเกรดมา iPhone 14 รู้สึกคนละโลก ตอนซื้อ iPhone SE เชื่อคำขาย Apple บอกความแรงระดับเดียวกับ iPhone 11 พออัพเดท iOS ใหม่ iPhone 11 ที่ใช้ชิปเดียวกันได้ฟีเจอร์นั้น แต่ iPhone SE ไม่ได้ จากนั้นตั้งธงเลยว่าจะไม่ซื้ออะไรที่ตามด้วย SE จาก Apple อีกเลย แต่ถ้าใช้แบบไม่คิดอะไรมาก ก็ซื้อใช้ได้ตามงบเลยครับ
กำลังรอลุ้นเรื่องราคาเหมือนกันครับ ถ้าราคาไปใกล้เคียงมากๆกับตัวเริ่มต้นที่ไม่ไช่ SE อาจจะเปลี่ยนใจเหมือนกัน เพราะจริงๆ ผมว่าวัตถุประสงค์ของ SE สำหรับผมคือควรเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้นที่ราคาประหยัด แต่ได้ feature แบบ practical มาพอสมควร อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ควรจะไม่ขี้แหล่จนเกินไป ปัญหานี้เดาว่าแอปเปิ้ลก็คงปวดหัวอยู่ ผมเดาว่าในมุมมองแอปเปิ้ลและคนที่รับผิดชอบโปรเจคนี้ต้องเอาเทคโนโลยีของเรือธงรุ่นก่อนมาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการออกแบบใหม่ แต่ถ้าราคา Material ชนเพดาน ก็คงกดราคาไม่ได้เยอะมาก
se ไม่ดี ร้ายแรง ยังไง , นี่ พลาด หรือ ตกรถ อะไรไปรึป่าว ? .. ตัวถัดไป จะได้ระวัง
ใช้ 1st se อยู่ , ตอนนี้หมดอายุละ ไงก็อัพไปใช้ passkey ไม่ได้ .. แต่เท่าที่จับ 13/14/15 มา , ยังไม่เปลี่ยน เพราะถึงจะมีหลายอย่างที่ nice แต่ก็ไม่ถึงกับคิดว่า need ( เป็น dev เลยใช้คุ่ทั้ง android/ios อยู่ละ , จังหวะของแบต เลยไม่เป็นประเด็นมาก )
แต่แอพใหม่ๆ เริ่มสุบแบต , คง code/compile กันแบบไม่สน profile เครื่องเก่าๆ ละ .. รวมกับใช้ passkey ไม่ได้ , ก็คงถึงเวลา อำลา แล้ว
นี่เหมือน se ได้ a18/กล้องหน้า/กล้องหลัก ของ 16 เลยรึป่าว .. จุดชั่งใจคงเป็น ราคา กับ ปุ่ม ac/ca , อย่างอื่นมีอะไรน่า ซีเรียส มั้ยนะ ( ไม่ได้เน้นแนว ดูหนัง/ฟังเพลง/เล่นเกม/ส่องคลิป/ถ่ายรูป ด้วย มือถือ )
connectivity คงยังไม่เท่า qualcomm , apple คงเน้นไปทาง ทำเองถุกกว่า ( ระหว่างนี้ระดับ กลาง/บน ก็ยังใช้ qc ไปพลางๆ ก่อน , ค่อยๆ ไล่ปลดขึ้นไป ) .. มี ai ก็น่าจะมีปุ่ม action ด้วยมั้ง , แต่ถ้ามีปุ่ม camera ด้วย ก็น่าจะช่วยให้คนคุ้นชินติดงอมกับ ux ของ ios ได้ง่ายขึ้น
ว่าแต่ เสียดาย touch id , ยังคิดว่าคล่องกว่า face id ใน 13/14/15 .. แต่คงพยายามโละมั้ง , ต้นทุน touch id น่าจะสุงกว่าในระยะยาว ( รึกับ user , touch id ไม่ดียังไง ? )
ค่อนข้างเชื่อ ว่าสเปคคงประมาณนี้ , แต่คิดว่าอาจไม่ใช่รุ่น se .. se ก็อาจจะยังอยู่ , แต่อันนี้เป็นรุ่นใหม่ แนวๆ entry-level ai-enabled
เอามาลองดูว่า , คนจะยอมจ่ายเพิ่มให้ ai feature แค่ไหน .. ปล่อยมาเพื่อลอง connectivity chip ของตัวเองด้วย .. แล้วก็อาจจะเพื่อลองหาทางเลิกใช้ dynamics island ด้วย
a18 กับ ai คงไปกันได้ไม่ไกลมาก , ช่วงเริ่มขายก็ชะงักอีก ซักกี่คนจะยอมจ่ายก่อนให้กับของที่ยังใช้ไม่ได้ .. stock อาจเหลือ เพราะชิปต้องผลิตลอตใหญ่ , ก็ได้รุ่นนี้มารับจบ
สเปคกล้อง ดูดี , แต่อาจยอมจิง .. ส่วนต่าง ต้นทุน/ราคา เหลือๆ อยู่แล้ว , มีข้อมูลสเปคเดียวกันเยอะๆ ก็ optimized โมเดล ai และ code ต่างๆ ได้ถุกกว่า
ราคาไทย , คงเอารุ่น 16 มาลดไป ห้าพัน
รอดูว่าทำมา 5 ปีจะแซงโมเดม QC มั้ย แต่ยังสงสัยว่าแยกออกจากตัว SOC ไปเลยรึป่าวหรือว่าจับรวม
น้องสาวซื้อSEมาใช้พอหมดประกันปุ๊บบอร์ดพังทันที
The Last Wizard Of Century.
ส่วนตัวใช้ SE3 อยู่ก็โอเคนะครับ เครื่องเล็กดี เล่นเกม rov ถนัดมือมาก แต่เสียดายเรื่องกล้องแค่นั้นเลย หนึ่งในข้อดีของ iPhone คือมีกันน้ำกันฝุ่น ผมขี่มอไซค์ตากฝนก็ไม่มีปัญหาเลย ส่วนแอนดรอยด์หมื่นกลางๆ หารุ่นกันน้ำได้น้อยรุ่นมาก
ในแง่ความสะดวกส่วนตัว
ผมยกให้ Fingerprints > Face ID
ขอ size เล็กกว่าตัว 16/16 Pro
ตอนนี้ผมยังใช้ SE รุ่นแรกอยู่ ยังใช้งานได้ปกติ รวมถึง Touch ID มีเปลี่ยนแบตเสื่อมกับเปลี่ยนจอแตก ก็ยังปกติอยู่ แถมเสถียรกว่า Android ตัวเริ่มต้นในตอนนี้อีก แม้แต่ Samsung A05 ที่ผมใช้ก็ไม่เสถียรเท่า SE
อีกอย่าง ผมเอามาใช้ขับ Grabfood ด้วย ค่อนข้างเสถียรและใช้งานง่ายด้วย เคยลอง A05 เจอปัญหา GPS นำทางไม่เสถียร ไม่ทำงาน และแอพกระตุกบ่อย แต่ SE แทบไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย มีแค่แอพค้างเป็นครั้งคราว กับกินแบตพอสมควร ต้องเสียบชาร์จตอนขับตลอดเวลา
แต่ตอนนี้อัพ iOS ใหม่ไม่ได้แล้ว จะลองหา SE3 มือสองมาใช้ต่อ ไม่ต้องการกล้องปูด ส่วน SE ตอนนี้ จะเก็บไว้เป็นเครื่องสำรองต่อไป คงยังไม่รอ SE4 ในตอนนี้ เพราะราคาแรงแน่ๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว