Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ถูก Ann Altman น้องสาวของเขายื่นฟ้องต่อศาลตะวันออกของรัฐมิสซูรี โดยกล่าวหาว่าถูก Sam ล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้งในแต่ละสัปดาห์ ตั้งแต่พวกเขาอยู่ที่บ้านในเมืองเคลย์ตัน รัฐมิสซูรี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในวัยเด็กช่วงปี 1997-2006 และ Ann บอกว่าการกระทำนี้ของ Sam ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของตนมาถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม Sam ร่วมกับบุคคลในครอบครัวทั้งแม่และน้องชายอีกสองคน ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันยืนยันว่าทั้งหมดเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมา Ann พยายามออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ต่อสาธารณะหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความสนใจ จึงตัดสินใจฟ้องศาล ซึ่งทุกคนมองว่าเป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุจึงต้องออกมาตอบโต้ แถลงการณ์ยังบอกว่า Ann มีปัญหาทางสภาพจิตใจและปฏิเสธการรักษาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทุกคนในครอบครัวได้พยายามช่วยเหลือมาโดยตลอด
ที่มา: CNBC
My sister has filed a lawsuit against me. Here is a statement from my mom, brothers, and me: pic.twitter.com/Nve0yokTSX
— Sam Altman (@sama) January 7, 2025
Comments
พักใหญ่ๆ แล้วที่ฝั่งเมกา+ยุโรป เอาเรื่องแบบนี้มาเล่นโจมตีในทางธุรกิจและหน้าที่การงาน ซึ่งผลที่ได้รับคือ ทำลายภาพลักษณ์,ความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงมูลค่ากิจการที่เกี่ยวข้อง
โดยไม่มีอะไรมาควบคุม เพราะต่อให้เป็นเรื่องเท็จที่ยกขึ้นมามั่วๆ ไม่มีที่มาที่ไป แม้กระทั่งหลักฐาน แต่คนที่ไม่ชอบหรือเสพข่าวแบบไม่มี Digital Resilience ก็ทำให้กลยุทธ์ของคนโจมตีบรรลุผลแล้ว
จากโพสต์ของแซม ทางครอบครัวช่วยเหลือแอนมาตลอด จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าห้องให้ แต่แอนก็พยายามเรียกร้องมาตลอด ครอบครัวก็พยายามไม่เอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ แต่พอแอนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศาล (พี่น้องคนอื่นก็โดนกล่าวหาแบบเดียวกับแซม) ก็เลยต้องออกมาชี้แจง เป็นไปได้ว่าอาจมีคนนอกรู้ความขัดแย้งนี้และยุยงให้แอนฟ้อง
เราไม่มีทางรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทำได้มากสุดก็คงต้องดูว่ามีประวัติการเข้ารับบำบัดหรือไม่ แย่สุดคือต้องอ่านประวัติว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่
นึกถึงโจ้ก พี่ชายเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องสาวที่อึแตกแล้วเวลาผ่านไปน้องฟ้องพี่ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ
เคสแบบนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูกันยาวๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆเรื่องครอบครัว เหมือนแบบเดียวกับเคสจอห์นนี เดปป์ ได้เหมือนกันนะกว่าจะรู้ความจริงทำเอาอึ้งไปเลย
จะตรวจยังไงถ้ามันเกิดขึ้นจริงตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
นั่นหนะสิ นอกจากคำให้การแล้ว จะมีหลักฐานอะไร
หลักฐานด้านคดีน่าจะไม่มีแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นเรื่องจริง แต่ที่ส่งผลก็คงเป็นเรื่องภาพลักษณ์ ทางแซมต้องพูดแบบหนักแน่น ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง
..: เรื่อยไป
ตรวจพยานแวดล้อมครับ เช่น ถ้าเคยเข้ารับการบำบัด จะมีการขออนุญาตเจ้าตัวเข้าถึงระเบียนการบำบัดว่ามีพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่ และทางผู้บำบัดอนุญาตหรือไม่ ซึ่งส่วนมากไม่มีใครยอมทั้งผู้เข้ารับและผู้บำบัด
ถ้าเคยเข้ารับการบำบัดแต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลยมันจะดูแปลกมาก
มีแม้กระทั่งขอปากคำจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนรอบตัวครับ
แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทุกทางจริงๆ ครอบครัวน่ากลัวที่สุด
น่ากลัวถ้าน้องสาวอาจป่วยและทำลายทุกอย่าง
น่ากลัวถ้าพี่ชายอาจทำจริง เธออาจเป็นเหยื่อของความบิดเบี้ยวในบ้านก็ไม่มีใครทราบ
ทั้งน้องสาวที่อาจมีอาการทางจิต ทำเพื่อทำลาบคน
หรือน้องสาวอาจเป็นเหยื่อที่ทุกคนทำจริงๆ
แต่ผู้กระทำช่วยกันปกปิดเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคือคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในครอบครัว
ไม่มีทางพิสูจน์ว่ามีความผิด และไม่มีทางพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์
ถ้าไม่ได้ทำจริงคือซวยจัดๆ
แต่ถ้าทำจริง เขาก็ใหญ่เกินกว่าจะมีใครยอมให้เขาล้มแล้วตอนนี้