เมื่อวานนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดงาน Coffee Hour at BOT เปิดให้สื่อมวลชนถามถึงความคืบหน้าของการแก้ปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน ในปีที่ผ่านมา โดยคุณรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน, คุณดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน, และคุณพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยมีการแถลงข่าวก่อนหน้านี้
ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ เดือนมกราคมที่ผ่านมาไม่มีคดีแอปดูดเงิน (unauthorized payment fraud) เลยหลังจากคดีในกลุ่มนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงไม่กี่คดีในช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี คดีหลอกลวงแบบอื่นๆ ที่หลอกล่อให้เหยื่อโอนเงินออกไปด้วยตนเองยังมีอยู่ แต่มาตรการปราบปรามบัญชีม้าก็ทำให้คนร้ายเปลี่ยนพฤติกรรมไป จากเดิมมักกระจายเงินไปตามบัญชีม้าหลายๆ บัญชี อาจจะยาวถึง 5 ทอดก่อนออกจากระบบธนาคารในไทย ตอนนี้บัญชีม้าที่เป็นบัญชีธนาคารมักใช้เพียงทอดเดียวเท่านั้น และเงินส่วนมากออกไปยังบัญชีคริปโตทันที
ความเสียหายโดยรวมตอนนี้ 75% เป็นการโอนออกไปยังตลาดคริปโต โดยแทบทั้งหมดเป็นตลาดซื้อขายคริปโตในไทย ตอนนี้ข้อติดขัดคือกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้ากับตลาดคริปโตยังทำได้ลำบาก ต้องอาศัยตำรวจประสานงานผ่านกฎหมายป.วิอาญา แต่ในอนาคตจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เร็วขึ้น
กระบวนการจัดการบัญชีม้านั้นตอนนี้ บัญชีจำนวนหนึ่งถูกจับพฤติกรรมว่าเป็นบัญชีม้าโดยธนาคารเอง (ม้าน้ำตาล) โดยไม่ต้องรอให้มีการดำเนินคดี ธปท. แม้จะมีความเสี่ยงในการจับผิด (false positive) บ้างแต่ธนาคารก็มักจะปลดให้โดยง่าย เพราะคนร้ายหรือบัญชีม้าของจริงนั้นเมื่อถูกจับว่าเป็นบัญชีม้าแล้วก็มักจะทิ้งบัญชีไปเลย อย่างไรก็ดีในกรณีที่มีความผิดพลาดในการแจ้งความจากตำรวจหรือระดับปปง. นั้นต้องให้หน่วยงานที่แจ้งรายชื่อเป็นผู้แก้ไข สำหรับผู้ที่เป็นบัญชีม้าจริง เมื่อกลับมาเปิดบัญชีตอนนี้ก็จะเปิดได้เพียงธนาคารเดียวเท่านั้น
ที่มา - Coffee Hour at BOT
Comments
อีกหน่อยต้องเข้ม P2P แต่ก็นะ ถ้าหลอกให้สมัครตลาดไทยตามปกติแล้วบอกให้โอนเงินไปซื้อเหรียญ แล้วโอนเหรียญออกเอง ก็คงป้องกันยากอยู่ดี
ได้ยินว่า p2p ก็กำลังจะโดน regulate น่ะครับ แต่ได้ยินมาหลายเดือนล่ะ ไม่รู้เป็นไงต่อ
เหลือสํานักงานกฤษฎีกาปรับภาษา แล้วรอประกาศราชกิจจา ไม่น่าเกินกลางเดือนมีนาคม
รอชม พวกรับส่วย หาวิธีการฟอกเงินแบบใหม่
ถ้าโอนเข้าคริปโตน่าจะยิ่งตามง่ายมั้ยนะ
ยากครับ
เพราะมันคือการแปลงเงินสด เป็นคริปโต
คุณต้องโอนเงินสดเข้า exchange/broker แล้วไปซื้อเหรียญ แล้วโอนออกจาก exchange/broker ซึ่งมันจะเป็นการโอนออกจาก hot wallet กลาง
แล้วปลายทางมันก็เป็นกระเป๋าเงินอะไรก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นกระเป๋าของอีก exchange ซึ่งคุณก็ต้องไปขอข้อมูลจาก exchange นั้นๆ อีก ซึ่งถ้าไม่ใช่ exchange ที่ regulate ในไทย ก็ขอข้อมูลยากอีก
ถ้าคริปโตตามง่ายพวกธุรกิจมืดเค้าคงไม่ใช้คริปโตกันเป็นหลักหรอก นอกจากตามยากแล้วการควบคุมยังไม่อยู่ในอำนาจรัฐอีกเค้าถึงนิยมฟอกเงินผ่านคริปโตกันโดยเฉพาะบิทคอยที่กลายเป็นเหมือนธนาคารเก็บเงินจากธุรกิจมืดทั้งหลายแหล ที่บิทคอยเติบโตได้ไม่หยุดก็เพราะธุรกิจเหล่านี้ต้องใช้เป็นแหล่งเก็บเงินหลักๆติดตามเส้นทางการเงินเหมือนจะโปร่งใสแต่ก็โปร่งแสงมองไม่เห็นเลยว่าใครเป็นใครรู้แค่ว่าโอนไปโน้นไปนี่แต่จับต้นและปลายไม่ได้
แล้วพวกปัญหาที่กลุ่มใช้งานบางกลุ่มเจอ เช่น คนตาบอด , Power User ก็ต้องรับสภาพไป ไม่มีแนวทางประเภทยกเว้นโดยรับความเสี่ยง?
แต่เจอผลลัพธ์แบบนี้ แบงก์ชาติ+รัฐบาลตีปีกแน่ มาถูกทางแล้ว ไม่น่าจะปรับเปลี่ยนอะไรแหงๆ
ส่วนตัวเจอบางแอพ บล็อก dev mode นี่ก็ปวดประสาทแล้ว ร้องเรียนไปก็เหมือนสีซอ ดีนะมีตัวช่วย...